เผลอแป๊ปเดียว เวลาก็ล่วงเลยเข้ามาช่วงปลายปีกันอีกหน หลายๆ คน คงอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสกับอากาศหนาวและสายหมอกบางๆ แถวภาคเหนือกันบ้างไม่มากก็น้อย วันนี้เรามีสถานที่นึงที่ต้องบอกเลยว่าเหมาะอย่างยิ่งกับบรรยากาศหน้าหนาวแบบนี้ รับรองได้ว่าคุณจะไม่รู้สึกเสียดายเวลาแม้แต่นิดเดียวที่ได้ไปเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน ทริปเหนือแบบหนาวๆ คราวนี้ ขอพาคุณไปที่จังหวัดยอดนิยมทางภาคเหนืออย่างจังหวัด “เชียงใหม่” ที่ไม่ว่าช่วงหน้าหนาวปีไหนๆ ก็ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจของใครหลายๆ คนเสมอ เส้นทางการเดินทางของเราอาจจะทรหดอดทนกันสักหน่อย เนื่องจากจุดหมายปลายทางของเรานั้น อยู่บนยอดดอยสูงแห่งหนึ่งในอำเภอเชียงดาว ของจังหวัดเชียงใหม่ ทันทีที่โชเฟอร์ของเราพร้อม พาหนะคือกระบะขับเคลื่อนสองล้อก็มุ่งหน้าไปยัง "สถานีเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ บนดอยแม่ตะมาน" ไม่นานนักจากจุดนัดหมายเราก็มาถึงตีนดอย ก่อนที่โชเฟอร์จะหันมายิ้มแล้วถามว่า “พร้อมนะ” หลังจากได้ยินคำถามเมื่อมองเส้นทางที่อยู่ข้างหน้าก็เข้าใจได้ในทันที และแน่นอนว่าตลอดระยะทางเวลาการเดินทางชั่วโมงครึ่งกว่า ๆ ก็มีสภาพหัวสั่นหัวคลอนกันทั่วทุกคน เนื่องจากเราต้องใช้เส้นทางออฟโรดแบบทางลูกรัง ที่ท้าทายความพยายามของผู้มาเยือนนั่นเอง อย่างที่เค้าว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” หลังจากที่ดั้นด้นเดินทางมาไกล เราก็มาถึงจุดหมายปลายทางตามที่ตั้งใจไว้ “ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1525 เมตร” นี่คือตัวเลขที่บ่งบอกถึงความสูงชันของยอดดอยแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี และภาพแรกที่เราก้าวลงมาเห็นวิวเบื้องหน้าชัดๆ ก็สวยซะจนทำเอาเราเกือบลืมหายใจไปพักนึง “ตกหลุมรักที่นี่!” คำเดียวสั้นๆ แต่มันคงบรรยายความรู้สึกเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าได้เป็นอย่างดี คุณอาจจะรู้สึกว่ามันจะอะไรขนาดนั้นใช่ไหมล่ะ อยากให้ไปเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ เพราะอารมณ์มันเหมือนเรายืนดูวิว แบบที่สารคดีจากเมืองนอกมีให้ได้ชมกัน เพียงแต่มันต่างกันที่ “เรายืนอยู่ในเมืองไทย!” หลังจากหายตกตะลึงกับบรรยากาศรายรอบตัวแล้ว ก็ได้เวลาสำรวจสิ่งที่น่าสนใจของที่นี่ เราพบว่าบนสถานีเกษตรที่สูงแห่งนี้ มีบ้านพักให้บริการอยู่ด้วย เมื่อลองสอบถามเจ้าหน้าที่บนนี้ดูก็ทราบว่า เป็นบ้านพักที่ต้องติดต่อกับคณะเกษตรศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่โดยตรง สำหรับใครที่อยากเข้าพักก็ต้องจองล่วงหน้ามาให้เรียบร้อย เดินไปได้สักพักชักจะหิว เพราะข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องเลย แม้ว่าที่นี่จะไม่มีร้านอาหารเป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็ถือว่าโชคยังดีที่ยังมีคนทำข้าวไข่เจียวขาย ช่วงบ่ายวันนั้น เราได้ข้าวไข่เจียวในราคาจานละ 50 บาทช่วยชีวิตไว้ ถือเป็นประสบการณ์การทานข้าวนอกบ้านแบบว๊าวสุดๆ ในมือมีข้าวหลักสิบกับวิวหลักล้านอยู่ตรงหน้า แล้วจะโหยหาอะไรอีก! ใครที่ชื่นชอบวิวทิวเขาแบบสีชมพู้..ชมพู ที่นี่ก็มีนางพญาเสือโคร่งบานชูช่อรอคนมาถ่ายรูปด้วยอยู่นะ แล้วถ้าคิดว่าเที่ยววันเดียวคงไม่หนำใจ อยากจะลงหลักปักเต็นท์ที่นี่มันสักคืนไปเลย นั่นก็ย่อมทำได้ เพียงแต่ว่า คุณคงต้องเตรียมอุปกรณ์มาเองให้พร้อมค่ะ มีคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติม สำหรับผู้ที่กำลังอยากจะเดินทางมาเที่ยวที่นี่ค่ะ พาหนะที่เหมาะต้องยกให้รถขับเคลื่อนสี่ล้อค่ะ เพราะเส้นทางหินจริงๆ ค่ะ หินเยอะมาก และขับไม่ง่ายเลย การพักค้างคืนจะคุ้มค่ากับการเดินทางมากกว่ามาแวะเที่ยวแบบสั้นๆ ค่ะ เนื่องจากเฉพาะเวลาที่ใช้สำหรับการขับรถขึ้นและลงดอยนั้นหมดเวลาไปราว ๆ 3 ชั่วโมงโดยประมาณ เตรียมเสบียงมาเองให้พร้อมจะดีกว่าค่ะ เผื่อบางวันคนขายข้าวไข่เจียว เค้าหยุดขาย จะได้ไม่ต้องทนหิวค่ะ อย่างไรก็ตามเรายังคงสนับสนุนให้คุณแวะมาเที่ยวที่นี่ มองเมืองไทยจากมุมนี้ มุมที่สวยที่สุดแห่งนึง แล้วคุณจะพบว่าความรู้สึกที่เราถ่ายทอดไปอาจยังไม่เท่ากับความรู้สึกในใจคุณเมื่อได้สัมผัสสถานที่แห่งนี้ด้วยตนเอง หนาวนี้ถ้ายังไม่มีนัดกับใคร...แวะไปฝากความรู้สึกดีๆ ไว้ที่ดอยแม่ตะมานกัน!