ตามเสียงหัวใจเรียกร้องเลยค่ะ เชียงใหม่ขึ้นชื่อเรื่องเมืองน่าเที่ยว เที่ยวได้ทุกฤดูกาล ฮิตที่สุดก็ช่วงหน้าหนาวช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ มีหลากหลายสไตล์มากๆ ให้คุณได้เลือกไปสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทางธรรมชาติ วัดวาอาราม ตลาด(กาด) ย่านชิคๆและวิถีชีวิตของคนเชียงใหม่ แล้วแต่เลยว่าคุณจะชอบรูปแบบไหน และสำหรับพวกเรานั่นก็อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศที่หลากหลายนั้นดูสักครั้ง ทริปเชียงใหม่ครั้งนี้เป็นทริปหลังสอบที่แสนจะเน็ดเหนื่อยของพวกเรา พอสอบเสร็จเลยมีแผนจะไปเที่ยวพักผ่อน ลืมความเครียด พักสมอง ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติกันสักหน่อยและเป็นช่วงหน้าหนาว(เดือนธันวาคม)พอดี เลยตัดสินใจไปที่เชียงใหม่ เราไปด้วยกันทั้งหมดสามคน ทริปนี้เป็นครั้งแรกของพวกเราเลยค่ะสำหรับเชียงใหม่ ทั้งตื่นเต้นและดีใจมากที่เรามีโอกาสได้ไป ซึ่งจะเป็นยังไงนั้นไปติดตามกันเลยค่ะ การเดินทาง เราเริ่มเดินทางโดยเครื่องบินของสายการบิน Airasia ค่ะเพราะช่วงนั้นได้ตั๋วราคาประหยัด เริ่มจากสนามบินขอนแก่น บินตรงสู่ สนามบินเชียงใหม่กันเลย ใช่เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงที่หมายค่ะ ถึงเชียงใหม่เวลา 4 ทุ่ม คือบรรยากาศที่สนามบินเชียงใหม่คือแบบ...ชาวต่างชาติพลุ่งพล่านเดินกันขวักไขว่ สมแล้วค่ะที่เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวจริงๆ จากนั้นเราก็นั่งแท็กซี่ไปที่พักที่เราจองไว้ Thapae Backpackkers ที่พักเป็นกันเองแบบโฮสเทลมีสิ่งอำนวยความสะดวกขึ้นพื้นฐานไว้ให้แก่ผู้เข้าพัก เช่น เตียงนอน(แบบสองชั้น) หมอน ผ้าห่ม ตู้เก็บของ รูเสียบปลั๊ก ซึ่งรูปแบบของที่พักจะเน้นการบริการตนเอง ที่จองที่นี่เพราะใกล้จุดที่เราจะขึ้นรถไปบ้านแม่กำปองในวันพรุ่งนี้ค่ะ แถมราคาประหยัดเพียง 100 บาท/คืน/คน เท่านั้น ที่พัก : Thapae Backpackkers พิกัด : เลขที่ 237 ถนนท่าแพ, ท่าแพ, เชียงใหม่, ประเทศไทย, 50100 วันที่สอง เราก็แพลนว่าจะไปหมู่บ้านแม่กำปองช่วงเช้า ซึ่งระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 50 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านที่ล้อมรอบไปด้วยหุบเขา บรรยากาศให้ดื่มด่ำกับธรรมชาติแบบสุดๆ ที่นี่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีที่พักทั้งที่เป็นแบบโฮมสเตย์บรรยากาศแบบอบอุ่น มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ คุณสามารถมาแบบค้างคืนหรือไป-กลับก็ได้ แต่ของเราเที่ยวแบบไป-กลับ สำหรับการเดินทางมาที่บ้านแม่กำปอง พวกเราเดินทางโดยรถตู้ค่ะเวลา 7.40 น. ขึ้นรถจากตลาดวโรรส(กาดหลวง) ทั้งขาไป-กลับ รวมคนละ 300 บาท(ราคาอาจเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลค่ะ) คุณลุงคนขับใจดีค่ะ เป็นกันเองแนะนำพวกเราดีมากๆ ติดต่อรถตู้ Facebook : รถตู้น้ำพุร้อนสันกำแพง Van transpot to San Kamphaeng Hot Springs พอลงจากรถคุณลุงก็จะบอกให้เรามาเจอกันที่รถกี่โมง เพื่อกลับค่ะ เรากลับรอบ 13.20 น. พวกเราก็เดินเที่ยวชมหมู่บ้านไปเรื่อยๆ หาของกิน ข้างทางที่เราเดินก็จะมีลำธารให้เราได้สังเกตเห็น เดินจนเหนื่อยเลยล่ะค่ะ ก็มาถึงที่ๆเราตามหานั่นก็คือ ร้านกาแฟชมนกชมไม้ ที่ว่าถ้าได้มาแม่กำปองก็ต้องได้ถ่ายวิวมุมนี้กันทั้งนั้น จากร้านเราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของหมู่บ้านแม่กำปองที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาบรรยากาศเย็นสบาย จิบโกโก้ร้อนก็เพลินไปอีก พอแวะร้านกาแฟชมนกชมไม้เสร็จ เรารู้มาว่าที่นี่มีน้ำตกก็เลยจะแวะขึ้นไปดูสักหน่อย ดังนั้น เป้าหมายต่อไปนั้นก็คือ น้ำตกแม่กำปอง เดินขึ้นไปอีกประมาณ 500 เมตร เราเลือกที่จะเดินไปคุยไปกับเพื่อน ก็เพลินไปอีกแบบ เหนื่อยบ้าง บ่นกันไปสองสามที เดินจนขาล้า แต่พอได้มาถึง....อื้อหือ เราลืมความเหนื่อยไปเลยล่ะ วิวสวยมาก น้ำตกแม่กำปองได้ยินมาว่ามี 7 ชั้น ให้เราเดินตามบันไดที่ค่อนข้างชันขึ้นไป พอยิ่งสูงบันไดก็ยิ่งชันขึ้นเรื่อยๆ แต่ความงดงาม ความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ก็เพิ่มขึ้นไปด้วย เหมือนเราโดนภูเขาโอบล้อมอยู่ ท่ามกลางต้นไม้ เสียงน้ำตก เสียงนก ความร่มรื่น อากาศบริสุทธิ์ ปะทะเข้ามาในความรู้สึกของเราเต็มๆ จนเราต้องหยุดเคลื่อนไหวเพื่อให้ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างช้า..ช้า... สบายกายและใจแบบสุดๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบธรรมชาติหรือมาเพื่อพักผ่อนมากๆเลยล่ะค่ะ พอถึงเวลากลับเราก็มาที่จุดขึ้นรถที่คุณลุงได้นัดเวลาเราไว้ 13.40 น. แล้วก็ได้เวลาที่เราจะต้องบอกลาแม่กำปองกันค่ะ ในใจก็คิดเสียดาย น่าจะค้างสักคืน คงจะเต็มอิ่มมากกว่านี้ ได้แต่คิดว่าคราวหน้าเราต้องมาพักให้ได้ จากนั้นเราเดินทางกลับไปที่พักThapae Backpackkers แล้วเก็บสัมภาระที่ได้ฝากไว้และเดินทางสู่จุดหมายต่อไปค่ะ นั่นก็คือ "ดอยอินทนนท์" การเดินทางไปดอยอินทนนท์ เราสามคนเช่ามอไซค์ไปกันค่ะ ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปถึงที่หมายเดินทางโดยใช้ Google map ประมาณ 93 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณเกือบ 4 ชั่วโมง เพราะพวกเราแวะกันบ่อย แถมหลงทางอีกต่างหากและเมื่อยก้นมากๆ สำหรับการเช่ารถมอไซค์ เราเลือกร้าน Bikky Chaing mai ร้านอยู่เส้นห้วยแก้ว 117 ถนนห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมือง (เขามีหลายสาขานะคะ) ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 250 ขึ้นไป แล้วแต่รถที่เราเลือก ร้านนี้บริการดี บริการเป็นกันเองมากค่ะ สิ่งที่เราต้องเตรียมมีเพียง บัตรประชาชน เตรียมกรอกเอกสาร และเงินค่าเช่ารถ ที่สำคัญคือไม่มีการวางเงินประกันค่ะทุกคน มีหมวกกันน็อคให้ แต่เราต้องวางบัตรประชาชนไว้ค่ะ เราเช่ารถมา 2 คัน คันละ 300/วัน แวะเติมน้ำมันแป๊ปนึ่งก็พร้อมออกเดินทาง กว่าจะถึงที่พักที่เราจองไว้ก็ฟ้ามืดสะแล้วค่ะ ขอบอกว่าระหว่างทางขึ้นดอยเนี่ยมืดมาก คือมีแค่พวกเราขับรถตามเส้นทางนี้ มีรถ 3 คันที่โผ่ลมาให้เราเห็นบ้าง หวั่นใจกันสุดๆในใจเมื่อไหร่จะถึงสักที อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆจนมือเย็นไปหมด ขับไปก็ใจเต้นตุบตับ เมื่อเห็นแสงสว่างเท่านั้นแหละค่ะ โอ้โหว อะไรนั่น มันเป็นเหมือนที่เขาปลูกอะไรสักอย่างแล้วเขาทำเป็นกระโจมค่ะให้แสงสว่างไปทั่วจนเราเห็นชัดเพราะมืดมาก ขับไปก็เริ่มใจชื้นค่ะเห็นบ้านคนเรื่อยๆ แล้วก็ถึงอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อุณหภูมิ 14 องศาหนาวมากๆ เราจะพักที่นี่ 1 คืน เพื่อไปดูทะเลหมอกที่ กิ่วแม่ปานพรุ่งนี้เช้า ที่พักเป็นของอุทยานค่ะ มีทั้งแบบกางเต็นท์ และบ้านพักห้องน้ำในตัวให้เลือก พอมาถึงเจ้าหน้าที่ก็ออกมาต้อนรับเราและให้กุญแจที่พักค่ะ ข้อมูลที่พัก บ้านพักในป่าสนของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ท่ามกลางป่าสนเลยค่ะ เราจองผ่านเว็บไซต์ของกรมอุทยานแห่งชาติ 700 บาท/คืน ไม่รวมอาหาร ชำระเงินแล้วนำหลักฐานการชำระเงินให้กับเจ้าหน้าที่เมื่อเข้าพักค่ะ ที่พักเป็น 2 ห้องนอน 3 เตียง 1 ห้องน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่น มีกาน้ำร้อน แก้ว ราวตากผ้า พร้อมบริการ นักท่องเที่ยวสามารถประกอบอาหารได้นอกห้องพัก มีที่จอดรถใกล้ที่พัก ภายนอกบ้านพักอุทยานมีตลาด มีชุมชนค่ะ กิ่วแม่ปาน ตื่นเช้าวันที่สดใส มุ่งไปที่กิ่วแม่ปาน เราขับรถตามป้ายไปเรื่อยๆค่ะ มีป้ายบอกชัดเจน อากาศเย็นกำลังดี เมื่อมาถึงแล้วเราจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่บริเวณด้านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อขอไกด์นำทางโดยจะมีค่าบริการ 200 บาทต่อนักท่องเที่ยว 1 กลุ่ม (ไม่เกิน 10 คน) ซึ่งเราเดินกันแค่สามคนค่ะ เตรียมเสื้อหนาๆ และขวดน้ำคนละขวดไว้เลยค่ะ ระหว่างทางเราก็จะเจอทั้งน้ำตก ต้นไม้ ดอกไม้ป่านานาชนิดให้เราได้ชื่นชม พี่เขาก็จะแนะนำเราเป็นจุดๆไปค่ะ ตอนแรกที่มาถึงหมอกคลุมเต็มเลยค่ะ มองไม่เห็นด้านล่าง ไม่ค่อยเป็นทะเลหมอกให้เห็น เสียใจอยู่นิด พอเริ่มอุ่นก็เริ่มเห็นเป็นวิวด้านบนค่ะ ตลาดม้ง พอกลับลงมาเราก็แวะซื้อของกิน ของฝากกันที่นี่ อยู่ระหว่าทางกลับบ้านพักเราพอดี พ่อค้าแม่ค้าใส่ชุดพื้นเมือง ขายผลไม้สดต่างๆ ผลไม่อบแห้ง เป็นต้น จากนั้นเราก็เดินทางกลับไปที่บ้านพัก เก็บของ คืนกุญแจให้กับเจ้าหน้าที่และบอกลาดอยอินทนนท์ค่ะ เราจองที่พักไว้ในตัวเมืองเชียงใหม่ 2 คืน ที่ Fundee Hostel จองผ่าน Booking จ่ายเมื่อเข้าพัก ราคา 2 คืน 1,500 บาท ไม่รวมอาหารเช้า ห้องคลาสสิคสำหรับ 4 ท่าน มีห้องน้ำในตัว ห้องพักสะอาด มีอาหารว่าง โกโก้ กาแฟ บริการตัวเอง ฟรี หลังจากจัดสัมภาระกันเรียบร้อย หาของกินอร่อยๆ นอนพักเอาแรงกันสักหน่อย พรุ่งนี้เช้าก็ออกไปโลดแล่นตามจุดต่างๆกันค่ะ ตลาดวโรรส (กาดหลวง) เรียกได้ว่าตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของซื้อของฝาก มีครบจริงๆค่ะ ผลไม้ อาหารคาวหวาน อาหารเหนือ อาหารแห้ง ของสด เสื้อผ้า เครื่องครัว ร้านขายดอกไม้สวยๆ แค่เดินที่นี้ก็อิ่มท้องมีความสุขแล้วละค่ะ แถมราคาเป็นกันเองสุดๆ ใครมาเชียงใหม่ห้ามพลาดทีเดียวเชียว อ่างแก้ว อ่างแก้ว ตั้งอยู่พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ เป็นอ่างเก็บน้ำ ด้านหลังเป็นวิวดอยสุเทพ มีทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะกับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ถ่ายรูป เดินเล่น และออกกำลังกาย วัดพระธาตุดอยสุเทพ มาเชียงใหม่ทั้งทีถ้าไม่ได้มาวัดพระธาตุดอยสุเทพ ความรู้สึกเหมือนมาไม่ถึงเชียงใหม่เลยค่ะ พอเดินขึ้นบันไดมาถึง ก็เข้าไปกราบขอพร เพื่อให้พวกเราเดินทางปลอดภัยค่ะ ดอยปุย เราต่อรถขึ้นไป จากจุดวัดพระธาตุดอยสุเทพ ราคา ไป-กลับ 60 บาท/คน พอถึงก็เดินขึ้นไปอีกหน่อย ตามเส้นทางจะมีของซื้อของขาย ของฝากให้ได้เลือกซื้อ เราก็มองหาชุดพื้นเมืองเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก มีหลายร้านเลยทีเดียว ราคาเช่าชุด 50 บาท ได้ครบทุกอย่าง ทั้งเสื้อ กระโปง หมวก เครื่องประดับ นอกจากนั้นก็มีจุดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณ มีไม้พืชพันธุ์ต่างๆ ให้ได้เยี่ยมชม เมื่อยามเย็นๆ เราก็ขับรถกลับจากวัดพระธาตุดอยสุเทพ แล้วนำรถมอไซค์ไปคืนร้าน Bikky เพราะวันนี้เป็นวันที่เราอยู่เชียงใหม่วันสุดท้าย แล้วเราก็ต่อรถแดงไปนิมมาน คนละ 30 บาท ตามป้ายค่ะ นิมมาน นิมมานมีจุดเด่นคือเป็นบริเวณที่มีทุกสิ่งในที่เดียว ที่พักสวยๆ คาเฟ่ชิคๆ ร้านอาหาร ร้านค้าเสื้อผ้าแฟชั่น สถานบันเทิง ที่สำคัญคือเดินทางสะดวกโดยไม่ต้องใช้รถ สามารถเดินเท้าได้ ร้านค้าไม่ห่างกันมาก ทำให้บริเวณนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว หลังจากกินอิ่ม เดินเพลินกันแล้ว เราก็กลับที่พัก พร้อมเก็บของเตรียมตัวบอกลาเชียงใหม่ทั้งที่ในใจอยากอยู่ต่อ การที่เรามีความสุขกับอะไรมากๆเวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ แล้วก็ได้เวลาเข้านอนเตรียมตัวเดินทางกลับขอนแก่นพรุ่งนี้เช้า การมาเชียงใหม่ทริปนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง มีแต่ความประทับใจ สำหรับเราเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ลงตัว ธรรมชาติก็มี เมืองดีๆก็ใช่ค่ะ รวมครบไว้ในที่เดียว ที่สำคัญการที่เราได้มาสถานที่ใหม่ๆมากมาย ได้พบเจออะไรครั้งแรก เก็บเกี่ยวประสบการณ์การเดินทางกับเพื่อน มันเป็นอะไรที่มีความสุข สนุก และยังทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เราล้วนหาได้จากการเดินทาง และถ้าหากมีการเดินทางครั้งต่อไป เชียงใหม่ก็ยังเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่เราก็พร้อมจะไปค่ะ รูปภาพหน้าปก : HuaHinTown_Snap ( ที่มา : https://pixabay.com/th/photos) ภาพถ่ายทั้งหมดโดย : นักเขียน