ความรักทำให้ข้าโง่ หรือข้าโง่ที่ตกหลุมรักIN FOCUS นิยายฆาตกรรมที่นำไปสู่ข้อถกเถียงปรัชญาทางศิลปะ ศาสนา การเมืองตะวันออกและตะวันตก ความเป็นโลกสมัยใหม่กำลังท้าทาย รุกรานความเชื่อเดิมของศาสนาอิสลาม ตะวันตกที่เข้ามาสั่นคลอนจักรวรรดิออตโตมัน รายละเอียดที่ซุกซ่อนจนผู้อ่านไม่สามารถละเลย คลาดสายตา ข้าอาจจะเชื่อในเรื่องความบังเอิญอยู่บ้าง เพราะหากข้าไม่อยากเข้าไปในห้องสมุดแห่งนี้เพียงเพื่อหามุมสงบเพื่อรอเวลา ข้าอาจไม่พบเจอกับเขา Orhan Pamuk ข้าคือผู้อ่าน" อาณาจักรออตโตมัน ปลายศตวรรษที่สิบหก จิตรกรรายหนึ่งหายตัวลึกลับ และถูกพบเป็นศพในบ่อน้ำ ผู้ต้องสงสัยคือเพื่อนผู้ร่วมทำงานรับใช้องค์สุลต่าน" นี่เป็นคำโปรยจากหนังสือหนังสือสื่อสารกับข้าด้วยเสียงเล่า ปามุกเลือกให้ผู้อ่านกระโดดข้ามไปมา ข้าต้องรับฟังเสียงเล่าของตัวละครในเรื่อง ไม่จำกัดแค่ตัวละครที่เป็นมนุษย์ ... ต้นไม้ ม้า สุนัข เหรียญทอง สีแดง หรือแม้แต่ศพ นายช่างหนึ่งในสี่นั่นไงล่ะ ที่เล่าภาพจำสุดท้ายก่อนถูกฆาตกรทุบหัวจนแหลก ไม่เหลือเค้าเดิมของใบหน้าให้เห็นปามุกพาข้าย้อนกลับไปในยุคของสุลต่านมูรัตที่สาม ยุคที่ข้าต้องเรียกตุรกีในปัจจุบันว่าจักรวรรดิ พร้อมเหตุการณ์ข้อถกเถียงทางปรัชญาศิลปะในสายตาของจิตรกรอิสลามแห่งโลกตะวันออก และการนำมาสู่โลกสมัยใหม่ วิธีการเขียนภาพแบบตะวันตกท่านอาจจะแปลกใจว่าทำไมข้าถึงเขียนด้วยภาษาแบบนี้ เพราะปามุก เขาอีกนั่นแหละ ที่ทำให้ข้าอยากจะเป็นข้าในฐานะผู้อ่าน อยากส่งเสียงของข้าให้ท่านฟังบ้างยังไงหล่ะ ตัวละครสื่อสารกับข้า ข้าพูดกับท่าน จะว่าไปข้าก็สนุกสนานไปกับคำพูดต่างๆนานาของตัวละคร ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ข้าสับสนไม่ใช่น้อย ว่าใครพูดจริงหรือใครโกหกโป้ปด แต่นั่นก็ทำให้ข้ามิอาจละสายตาไปจากตัวหนังสือแต่ละบรรทัด ไม่อาจละสายตาไปจากรายละเอียดเล็กน้อยที่ปามุกวางกับดักเอาไว้ เขาฉลาดมากที่จะวางเรื่องให้เป็นเรื่องราวฆาตกรรม มันบังคับให้ข้าต้องจดจ่อกับความซับซ้อน ยอกย้อนความจริงในเชิงนามธรรม ซึ่งประเด็นที่จิตรกรเหล่านั้นถกเถียง เป็นเรื่องเทคนิคทางศิลปะตะวันตกขยายอิทธพลถึงตำราศาสนาอิสลาม หวั่นเกรงจะมาลดทอนอำนาจ ท้าทายความเชื่อความศรัทธาให้สั่นคลอนแต่หากท่านกำลังลังเลใจที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านอย่างจริงจัง ข้าอยากจะบอกท่านก่อนว่า ไม่ควรใจร้อน รีบด่วนตัดสินใจในคำพูดใดๆ โปรดค่อยๆอ่าน ซึมซับการเติบโตของโลกตะวันตกที่หลุดรอดและพยายามจะแผ่ขยายตัวบนแผ่นดินอิสลามด้วยนัยแฝงอันแยบยลและที่ข้าตั้งชื่อเรื่องเอาไว้แบบนั้น เพราะเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้น นำพาสีแดงแห่งรัก สีแดงที่ไม่สมหวังของแบล็กกลับมาแดงฉานอีกครั้ง แดงซาบซ่าน แดงแบบตัดพ้อ แดงชนิดเฝ้าใฝ่ฝันแรงรสปราถนา ท้าทายขนบกฎระเบียบ มุมมองของความเป็นชาย My Name Is Red ทำให้ข้าตกหลุมรักอย่างไม่อาจปฏิเสธ หนังสือห้าร้อยกว่าหน้าไม่ทำให้เบื่อ กลับทวีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นทุกที สนุกมากขึ้นทุกที มันพาข้าหลงเข้าไปในกาลเวลาที่บิดเบือน ความจริงที่ข้าเคยรับรู้ถูกเขย่า - FACT -ค.ศ. 1574-1595 รัชสมัยของสุลต่านมูรัตที่สาม เหตุการณ์ในหนังสือเกิดขึ้นในรัชสมัยนี้ เกิดสงครามยืดเยื้อระหว่างออตโตมันและซาฟาวิด ในระหว่างค.ศ. 1578-1590 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้สนพระทัยทางจิตรกรรมหนังสือมากที่สุด รับสั่งให้ทำตำราพิชัยยุทธ์ ตำราพระราชพิธี และตำราชัยชนะในอิสตันบูล นับเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของจิตรกรออตโตมัน จิตรกรคนสำคัญในยุคนี้ได้แก่จิตรกรออสมาน (หัวหน้าออสมาน) และลูกศิษย์ของเขา : จากหน้า 565 ผู้เขียน : Orhan Pamukแปลโดย : นันทวัน เติมแสงศิริศักดิ์แปลจากภาษาตุรกีเป็นภาษาอังกฤษ : Erdag M. Göknar