ส่วนมากเราค่อยไม่ค่อยรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับประเทศแทบแอฟริกาเลย หากเอ่ยคำว่าแอฟริกาส่วนมากที่คนภายนอกและคนไทยนึกถึงอย่าเราๆ เดาว่าคงจะนึกถึงคนผิวสี ประเทศกำลังพัฒนา และการค้าทาสในอดีต และประเทศที่จะพูดถึงในวันนี้คือประเทศเซเนกัลซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่อยู่ในแอฟริกาตะวันตก เรารู้จักประเทศนี้จากนิยายเรื่องเจ้าชายน้อย เพราะต้นเบาบับที่อยู่ในเรื่องเจ้าชายน้อยเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเซเนกัล เกาะโกเรได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์กรยูเนสโก แต่ไม่ใช่ด้วยความสวยงามของสิ่งปลูกสร้างหรือสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นควรอนุรักษ์ แต่เป็นเพราะอดีตอันน่าสลดใจ เนื่องด้วยเกาะนี้อดีตเคยเป็นศูนย์การค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาตะวันตก แม้ในปัจจุบันสถานที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มักมีนักท่องเที่ยวจากต่างแดนมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ทว่าความจริงที่เคยเกิดขึ้นยังคงย้ำเตือนถึงเบื้องหลังเกาะที่สวยงาม ไม่แปลกที่จะทิ้งบาดแผล ความสะเทือนใจให้แก่ชนแอฟริกาและเราในรุ่นหลังที่ต้องเผชิญความจริงว่าครั้งหนึ่งบรรพบุรุษของพวกเขาเคยเป็นสินค้าในการทำกำไรมหาศาล เป็นทาสเพื่ออำนาจของคนบางคน จุดกำเนิดการค้าทาสการค้าทาสมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ การค้าขายทาสอยู่ทั่วทุกที่บนโลกตั้งแต่เริ่มมีสังคมของมนุษย์ ทาสเกิดจากการสู้รบระหว่างเผ่า เผ่าที่แพ้จะต้องเป็นเชลยของเผ่าที่ชนะเพื่อทำงานรับใช้เผ่าที่ชนะ ชาวแอฟริกามีการซื้อขายทาสเป็นสินค้ามาอย่างยาวนาน ซึ่งจุดเริ่มต้นของการค้าทาสในแอฟริกากามาจากหัวหน้าชนเผ่าต่างๆ ที่ทำการค้ากับพ่อค้าชาวอาหรับ โดยสินค้าที่ว่คือ 'มนุษย์' ส่วนพ่อค้าชาวอาหรับก็จะนำทาสที่ซื้อมาไปใช้แรงงานให้ทำงานที่หนักในตะวันออกกลางชาติที่เป็นมหาอำนาจในอดีตคือ โปรตุเกสและ สเปน ได้มีการออกเดินทางท่ามกลางทะเล นำสินค้าจากยุโรปไปยังดินแดนต่างๆ เมื่อพ่อค้าชาวโปรตุเกสมาเยือนแอฟริกาพร้อมเรือบรรทุกสินค้าต่างๆ ประจบเหมาะกับชาวแอฟริกาที่ต้องการสินค้าจากยุโรปคือพวกขีปนาวุธ จำพวกดินปืน กระสุนต่างๆ ที่จะนำมาใช้ทำสงครามระหว่างเผ่า แต่ชาวแอฟริกาไม่มีเงินที่จะซื้ออาวุธจึงใช้ทาสนำมาเลือกกับข้าวของเครื่องใช้ และอาวุธต่างๆ จากการแลกเปลี่ยนทาสกับของใช้อาวุธ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นาน พ่อค้าจากยุโรปหลั่งไหลเข้ามาแอฟริกาใต้เพื่อซื้อทาสกำเนิดศูนย์การค้าทาสบนเกาะโกเรแต่เดิมเกาะโกเรในเซเนกัลเป็นเกาะที่ไม่มีผู้คนอาศัย เนื่องจากเกาะนี้ไม่มีแหล่งน้ำจืด ชาวพื้นเมืองจึงไม่ได้ตั้งรกรากอยู่ที่เกาะ ทว่าจะใช้เกาะนี้เป็นจุดแวะพักของชาวประมงเท่านั้นในขณะที่อีกฟากทะเลหนึ่งเกิดการค้นพบโลกใหม่โดยคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส จากการค้นพบครั้งสำคัญชาวยุโรปต่างอพยพเข้าไปในดินแดนใหม่ เริ่มแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์จากดินแดนใหม่ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย อุตสาหกรรมเหมืองแร่ การทำเกษตรกรรมเพราะปลูกพืชเช่น ฝ้าย และยาสูบ และที่สำคัญที่สุดคือคนงานที่ต้องใช้ในช่วงก่อร่างสร้างเมืองใหม่ พวกเขาจึงใช้แรงงานจากคนขาว ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในอเมริกาแต่ทว่าแรงงานไม่เพียงพอ อีกทั้งไม่ทนทานต่อการใช้งานหนัก จึงเริ่มมีการซื้อทาสเข้ามาในอเมริกาอย่างมากมายเพื่อสร้างบ้านเมือง การค้าทาสเริ่มสร้างความหวาดหวั่นให้กับชนพื้นเมืองทุกพื้นที่ในแอฟริกา โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 16-19 ชาวยุโรปชาติต่างๆได้รุกรานและตั้งจุดค้าทาสอย่างเป็นจริงเป็นจัง และเป็นระบบมากขึ้น และเกาะโกเรในเซเนกัลเองก็เป็นหนึ่งในจุดที่ชาวยุโรปตั้งเพื่อซื้อขายทาส ภายในระยะเวลาไม่นานโกเรทำกำไรอย่างมหาศาลให้กับพ่อค้าทาสชาวยุโรป เป็นจุดที่สำคัญที่สุดในการขนถ่ายทาส โปรตุเกสเป็นชาติแรกที่แรกที่เข้ามายึดครองดินแดนนี้ ก่อนที่จะมีการแย่งชิงอำนาจระหว่างชาติมหาอำนาจทั้งดัตซ์ อังกฤษ และฝรั่งเศส อังกฤษและดัตซ์สามารถยึดได้เป็นช่วงเวลาสั้น โดยที่อังกฤษเริ่มใช้กลยุทธ์ส่งมิชชันนารีเข้าไปในพื้นที่ตามมาด้วยทหารเพื่อกวาดต้อนคนในแถบนั้น จนท้ายที่สุดถูกเปลี่ยนมือไปยังฝรั่งเศส ฝรั่งเศสใช้วิธีการยุยงให้เกิดสงครามระหว่างเผ่า โดยฝรั่งเศสจะหนุนหลังอีกฝ่ายหนึ่งให้รบเพื่อจับเชลยมาเป็นทาส หากฝ่ายที่ถูกยื่นข้อเสนอจากฝรั่งเศสไม่ยอมเผ่านั้นก็ต้องตกเป็นทาส ชนชาติต่างๆ ที่พยายามยึดครองเกาะนี้ต่างต้องห้ามหั่นเลือดเนื้อกันเองจากการค้าขายที่นั่นบ้านทาส บนเกาะโกเรมีบ้านทาส (Slave house) ที่ถูกสร้างโดยชาวดัตซ์เป็นบ้านทาสที่ใหญ่ที่สุดบนโกเร เพื่อใช้เป็นที่รับรองแขกที่มาซื้อทาส และเป็นที่คุมขังทาสก่อนส่งออกไปที่อื่นให้ลูกค้า โดยบ้านทาสได้ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนอย่างเป็นระบบมีสองชั้น ด้านบนเป็นห้องรับรองแขกพ่อค้าซื้อทาส เมื่อพ่อค้ามาซื้อทาสเขาสามารถเลือกทาสหญิงคนไหนก็ได้เพื่อปรนนิติพวกเขา ส่วนด้านล่างเป็นที่อยู่ของทาส ในด้านล่างจะเป็นห้องออกเป็นส่วนต่างๆห้องที่ใหญ่ที่สุดในชั้น 1 จะเป็นห้องที่รวมตัวทาสทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยก่อนคัดแยก ขั้นตอนในการคัดแยกทาสนั้นจะแบ่งเป็นเพศชายและหญิง หากทาสชายคนไหนน้ำหนักมากกว่า 60 จะถูกส่งไปอีกห้องหนึ่งเพื่อเตรียมตัวส่งไปขายให้พ่อค้าชาวยุโรป และชายที่น้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์จะถูกส่งไปอีกห้องเพื่อเพิ่มน้ำหนักก่อนขายอีกครั้ง สำหรับทาสผู้หญิงจะมีเกณฑ์การให้ราคาที่แตกต่างจากชาย ราคามากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ หากเป็นเด็กเล็กราคายิ่งสูง ส่วนผู้หญิงคนอื่นๆ ก็จะคัดแยกไปอีกห้อง และทาสที่ถูกจับมาเป็นเด็กลูกค้ามักจะซื้อตัวไปทำงานในไร่ และให้ไปทำงานในเหมืองเพื่อให้เด็กเข้าช่องและรูที่เล็กในเหมืองที่ผู้ใหญ่เข้าไม่ได้ ที่พักของทาสผู้ชายจะเป็นห้องย่อยออกเป็นห้องเล็กๆอีก และอีกฟากหนึ่งของอาคารเป็นห้องสำหรับหญิงบริสุทธิ์มีห้องน้ำในตัวซึ่งจะดีกว่าที่อื่นๆเหตุผลเพราะ ผู้หญิงวัยเด็กที่บริสุทธิ์มีราคาแพงที่สุดและนายทาสต้องการให้เด็กเหล่านี้สะอาดสะอ้านพร้อมต่อการรับรองแขกที่มาพัก หากเด็กสาวที่นอนกับแขกตั้งครรภ์และคลอดลูกเขาจะหลุดจากการเป็นทาสเพราะถือว่าได้ให้กำเนิดทายาทของคนผิวขาว จากการตั้งครรภ์นอกจากเธอและลูกจะไม่เป็นทาส พวกเขายังมีสิทธิ์ในการครอบครองทาส ใช้ชีวิตเยี่ยงคนขาว และจะถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลบ้านทาสหรือที่เรียกว่า'ซินยอร์' หรือ 'ซินยอร์ริน่า' ลูกที่เกิดจากคนขาวก็จะสืบต่อการซื้อขายทาส วงจรอุบาทว์จึงไม่เคยจบสิ้น แต่หญิงสาวที่ได้นอนกับชาวยุโรป พ่อค้าทาสแต่ไม่ตั้งครรภ์พวกเธอจะถูกนำแยกห้องและขายทอดตลาดต่อไป ประตูแห่งการไม่หวนกลับเมื่อทาสถึงบนเกาะระหว่างที่อยู่ที่นั่นพวกเขาจะมีลูกโลหะหนัก 5 กิโลอยู่ที่ข้อเท้าหรือคอ หรืออุปกรณ์อย่างอื่นเช่นโซ่ตรวน ลูกตุ้ม ที่ล็อกมือ ทาสจะไม่มีโอกาสทอดลูกโลหะหรือโซ่เลยแม้กระทั่งเข้าห้องน้ำจากสภาพที่อยู่อาศัย อาหารการกิน สุขลักษณะอนามัยที่ไม่ถูกหลักมักทำให้ทาสป่วยและติดเชื้อ สิ่งที่เลวร้ายคือไม่เพียงไม่รักษาแต่พ่อค้าผู้ดูแลจะจับทาสถ่วงน้ำทาสแต่ละคนจะได้รับอาหารเพียงหนึ่งมื้อต่อวัน ผู้ดูแลเพียงให้ทาสสามารถอยู่รอดจนวันที่จะขายให้แก่พ่อค้าเท่านั้น หากใครที่น้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์ ก็จะถูกขุนให้อ้วน แต่วิธีการขุนของเขาไม่ใช่การให้กินอาหารที่ดี เพียงแต่เป็นอาหารแบบเดิม เพียงแค่มีการเพิ่มปริมาณและบังคับให้กินเท่านั้น หากทาสเกิดการทะเลาะ พยายามหลบหนีจะถูกโยนออกจากประตูทางออกเดียวของทาส คือประตูแห่งการไม่หวนกลับ สาเหตุที่ถูกเรียกว่าประตูแห่งการไม่หวนกลับ เพราะทาสที่ออกไปจะไม่สามารถกลับเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเพราะถูกถ่วงน้ำ ฆ่าตัวตาย และประตูบานนี้คือสถานที่สุดท้ายที่เขาต้องทิ้งความเป็นมนุษย์ เมื่อเรือเทียบท่าทาสทุกคนจะถูกเคลื่อนย้ายเป็นแถวผ่านประตูบานนี้ ทาสบางคนยอมจบชีวิตโดยการกระโดดลงทะเล ขณะก้าวออกจากประตูแห่งการไม่หวนกลับเพื่อขึ้นเรือ บาดแผลของการค้าทาสนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบจากอดีตมาถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปหลายร้อยปีแล้วก็ตาม สำหรับผู้เขียนแล้วรู้สึกว่าพวกเรามนุษย์ยุคนี้เกิดมาในยุคที่โชคดีกว่าแต่ก่อนหลายเท่า พวกเรานั้นที่เกิดมามีข้าวมีน้ำมีสาธารณสุขมี และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ดี ทำให้เราไม่จำเป็นต้องตะเกียกตะกายเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่เหมือนคนในยุคคนก่อน ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรค เป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำบ้างแต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ ถ้าเทียบกับการใช้ความรุนแรงในยุคของการค้าทาสแล้วสามารถที่จะก้าวข้ามไปได้ง่ายกว่า โดยอาศัยความสามารถของสมองและสองมือของคนยุคนี้ อดีตอาจทำให้เราเจ็บปวดกับการกระทำของมนุษย์ที่ปฏิบัติกับมนุษย์อีกคนเยี่ยงสัตว์ แต่อดีตเองก็ทำให้เรารู้ว่าทุกชีวิตสำคัญ ไม่มีใครสมควรถูกดูหมิ่น ลดคุณค่าชีวิต และทุกชีวิตต้องการอิสรภาพในการกำหนดเส้นทางชีวิต ขอบคุณภาพ1.ภาพปกจาก 12019/pixabay/ จาก KeyholdingOnlineUK/pixabay2. ภาพที่ 1 จาก PublicDomainPictures/pixabay3. ภาพที่ 2 และ 3 จาก Darkmoon_Art/pixabay4. ภาพที่ 4 จาก mexolive/pixabayอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !