เมื่อเหล่าคนเหงา(และว่าง)มารวมตัวกัน ทริปนี้จึงบังเกิดขึ้น! แต่ก็ยังมีคนเทอยู่ประปราย งั้น...ช่างปะไร แพลนเดิม เพิ่มเติมคือติดกรรมสุดๆ... มันคือทริปที่เฟียสแบบสุดๆ เต็มไปด้วยอรรถรสที่หลากหลาย มากมายมวลมนุษย์ ร้านหมูกระทะที่ไม่มีกุ้ง สาวน้อยนุ่งสั้นคาราโอเกะ วิชาลูกเสือเดินป่า มุ่งหลบหนีความวุ่นวายสู่ชายคาหญ้าดอย หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวแถบหุบเขาน้ำตก ตลอดจนเบรครถไหม้กลางดอย จริงๆ นี่ก็เป็นการรีวิวไปเชียงใหม่คล้ายๆ กับที่อื่นๆ แหละ (มั้ง) ซึ่งเราจะเล่าในแบบสไตล์ของเราเอง และแพลนทั้งหมดคือการไปเที่ยว Hangout กับเพื่อนแบบไม่ได้ตั้งใจ เพื่อคลายเครียดหลังจากผ่านมรสุมงานที่หนักหนา พวกเรานัดกัน ปุ๊บปับ จองตั๋วแล้วเดินทางเลย และคีย์เวิร์ดปักหมุดไว้ก็คือ เน้นฮา เน้นประหยัด ลำบากช่างมัน พวกเราเดินทางมาถึงเชียงใหม่ในช่วงเช้าด้วยตั๋วรถบัสราคาถูก (มาก!) แต่แน่นอนว่าของถูกย่อมไม่สบายอย่างที่คิด เพราะใช้เวลานานและเมื่อยตัวแบบสุดๆ แต่ช่างมันปะไร เราแค่อยากมาเที่ยว เอาร่างกายไปพบเจอกับธรรมชาติและผู้คนที่แปลกหน้า ไม่ใช่ชีทเรียนหรือหน้าอาจารย์อีกต่อไป! จริงๆ ที่หาข้อมูลมานิดหน่อยตอนนั่งรถบัสมาเชียงใหม่ ก็รู้นะว่า 'รถแดงในตำนาน' ฟันราคาสูงมาก และมีรถบัส RTC อะไรเถือกนั้นแบบถูกๆ แต่โนจ๊ะ เพียงแค่คุณมีเพื่อนเป็นคนเหนือ Speak ภาษาเหนือนั่นก็ได้ในราคาถูก ไม่ฟันหัวแบะแล้วแน่นอน พวกเราทุกคนพาร่างตัวเองมาที่โฮสเทลที่จองไว้ก่อนหน้าในราคาถูกมากกก แบบ ห๊ะ ราคานี้จริงเหรอพี่ ชื่อโฮสเทลว่า Bunk Boutique Hostel Chiangmai พี่เจ้าของก็ใจดีมากๆ ส่วนใหญ่เป็นพวกต่างชาติมาพักกัน เราจองไว้ห้องนึง 6เตียง คืนละ1000฿ ถูกมาก มา6คน หารตกคืนละ 167บาทเองค่ะคุณ หลังจากที่เก็บของเช็คอินกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ไม่รอช้า ออกจากโฮสเทลแล้ว เช่ามอไซต์พี่เจ้าของโฮสเทลด้วยราคาคันละ 150฿/วัน ซึ่งถือว่าถูกมากกกเหมือนกัน มาที่ #วัดอุโมงค์ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พักซักเท่าไหร่ และมีเรื่องเมาท์... เรากับเพื่อนคือยืนรอแก๊งคู่รักชาย*ชายถ่ายรูปหน้าทางเดินขึ้น คือแบบ...นานมากกกก ถ่ายไปน่าจะเมม 32GB เต็มอะ นี่คือรอจังหวะแล้วรีบเดินแทรกเข้าไป /พนมมือนำ อย่าเข้ามาตบหนูๆ... และขับรถมาอีกนิดก็เป็น #บ้านข้างวัด มีร้านกาแฟชิคๆ หลายร้าน รวมถึงร้านหนังสือทำมือด้วย แต่ราคาก็แอบแพงอยู่หน่อยแหละ และขับรถแวะมาเที่ยวแถว One Nimman สถานที่ยอดฮิตของเหล่าเชียงใหม่วอร์คเกอร์ ที่ต้องมา ไม่มาไม่ได้ มาทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน 5555555 เราแวะมาเดินเที่ยวเล่น ถ่ายรูปกัน หาของกิน และพาเพื่อนสาวๆ มาช็อปปิ้งกันนิดหน่อย ก่อนจะแวบออกมา โดยใช้เวลาไม่นานนัก 'แม่กำปอง' is called เราเดินทางไปแม่กำปอง เพื่อไปดื่มด่ำกับธรรมชาติที่แท้จริง และใช้เวลานานมากกกในการเดินทาง เพลียแดดกันมาก สลับกันขับก็แล้ว น่าจะราวๆ 60กิโลจากนิมมาน กว่าจะถึง เล่นหอบกันทุกคน (นี่เดินหรือขับรถ ถามจริง?) ไฮไลท์ของที่นี่ คือเราจะมาร้านกาแฟบนดอยกันเฉยๆ 555555 พูดจริง ขับมา60กว่ากิโล เพื่อมากินกาแฟแล้วกลับ ไม่บ้า ไม่น่าจะทำกันนะ... ภาพตัดไปตอนเย็นเลยจ้าาา Skip ไปอย่างรวดเร็วเช่นเดิม เราแวะมากันแล้วที่ #ถนนคนเดินวัวลาย ที่นี่จะเปิดทุกวันเสาร์จ้า คนเดินกันเยอะมากกก และเป็นถนนคนเดินที่ยาวมาก เดินกันขาลากไปเลยจ้า เอาจริงๆ เหมือนไปเดินย่อยหลังกินหมูกระทะอะ... เดินจนแทบขาลาก /me พนมมือ หลังจากที่เดินกันจนขาแทบลาก เราก็ขับรถกลับที่พัก ทุกคนคือร่างแทบแหลก เพราะเหนื่อยกับการเดินทาง และแพลนกันไว้ว่าพรุ่งนี้จะไปไหนกันดี ไม่เอาแบบไม่วางแผนเหมือนวันแรกแล้ว ไปโน้นไปนี่ ข้ามไปหมด เสียเวลากับการเดินทางมากๆ หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นเป็นแบบเดียวกันว่าอยากจะไปที่ๆ ธรรมชาติ ไม่เอาถนนคนเดิน ไม่เอาห้าง ไม่เอาอะไรที่คนเยอะ อัดแน่น และที่สุดท้ายของทริปที่เราจะไปกันก็คือ... 'ม่อนแจ่ม' นั่นเอง เช้าวันสุดท้ายยยย อะเร็วไปอีีก เราขับรถมาอีกวันนึง เพื่อไปม่อนแจ่ม ในตอนเช้าตรู่ บรรยากาศตอนนั้นเกือบจะไม่ดี เพราะฝนเริ่มตกลงมาหน่อยๆ ล่ะ แต่ก็โชคดีนิดนึง ที่ตกได้ไม่เยอะและไม่นาน จึงทำให้ลันล้าได้อีกสักพัก ทุกคน ที่ม่อนแจ่มตอนนี้ บรรยากาศดีมากๆ คืออากาศมันเย็นสบาย ไม่เหมือนในเมืองอ่ะ มีหมอกให้สัมผัส แบบชุ่มปอดมากๆ i love it! หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศเย็นสบาย เราก็ลงเขากันมาอย่างเฉืองช้าที่สุด เพราะว่าทางมันลาดชันมาก และความสนุกของวันนี้คือนี่เลยจ้าาา จังเกิ้ล โคสเตอร์ รอบละ 150฿ สนุกมากๆ ส่วนอันอื่นๆ มองข้าม... /ทริปประหยัด ท่องไว้... A new and exciting experience for adventurers who love extreme activities. กว่าจะลงจากม่อนแจ่มมาเล่นซิปไลน์นี่ได้ คือตอนนั้นใจเหี่ยวอยู่ตาตุ่มแล้ว... รถที่เช่ามา เบรกแตกจ้าาา พระเจ้าาา แล้วทางแถวๆ นี้คือแบบชัน โค้งสิบตลบ ตอนนั้นคือกระวนกระวายกันแล้วจ้า ไม่เป็นอันอยากเล่นละ ลองไปถามรถแดงว่าเหมาลงไปได้ไหม ก็ไม่ได้ จึงตัดสินใจขับรถอีกคัน(ที่ปกติ...รึเปล่า)ขึ้นไปม่อนแจ่มอีกครั้ง ไปเรียกช่างซ่อมรถให้มาซ่อม ซึ่งแถวนั้นมีร้านซ่อมอยู่เพียง 1 ร้านเท่านั้น ตอนนั้นในหัวคิดแบบ ถ้าร้านที่เหลืออยู่1ร้านนั้นปิด คือซวยเลยนะ ต้องหารถติดลงเขาไปแน่ๆ โชคดีที่พี่ร้านซ่อมเขาบอกว่าเป็นปกติของรถออโต้ มักจะเบรกแตกแบบนี้ตลอด เพราะทางมาที่นี่มันลำบาก ดังนั้นถ้าทุกคนจะมาม่อนแจ่มคืออย่าขับรถออโต้มานะเออ...ไม่ก็เช็คสภาพรถให้ใหม่ๆ ดีๆ ก่อนขับมาจะดีสุด โอเค เราไว้ใจพี่ช่างซ่อม ทิ้งรถไว้ แล้วไปเล่นซิปไลน์... 5555555555555 หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านนนน ปล.มีเรื่องเมาท์... อันที่จริงตอนเราไปจองตั๋วมันเต็ม มีแค่รอบบ่าย2 ซึ่งเราคิดว่ากลับมาไม่ทันแน่ๆ เลยกะว่าจะอยู่ต่ออีกคืน ไปหาที่พักถูกๆ จะแอบไปคลุกอยู่ด้วยกันทั้ง 5 คน สุดท้าย...ล่ม หวยจึงลงมาที่เพื่อนอีกคน ซึ่งเราต้องนั่งรถเปลี่ยนไปลงที่เชียงรายแทน แล้วนอนบ้านเพื่อนคืนนึง.. Half the fun of travel is the esthetic of lostness... But we have GPS...