ทริปนี้เราเดินทางกันช่วงกลางเดือนกันยายน เราตั้งใจไปนอนกลางนา ดูนาขั้นบันไดที่มีต้นข้าวเขียวขจี การเดินทางของเราในทริปนี้ เราเดินทางโดยรถไฟขบวนใหม่ ขบวนด่วนพิเศษ"อุตราวิถี" (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) เรามารอขึ้นรถไฟที่สถานีดอนเมือง รถไฟจะมาถึงสถานีดอนเมืองประมาณ 18.57 น. รถไฟมาตรงเวลาเป๊ะ อย่ามาช้านะ เราซื้อตั๋วแบบชั้น 2 จะเป็นแบบนอนรวม มีผ้าม่านกั้นเตียง ราคาค่าโดยสาร เตียงบน 791 บาท เตียงล่าง 881 บาท รถไฟขบวนนี้ดีมากค่ะ ห้องโดยสารกว้าง การบริการดี ห้องน้ำสะอาด มีปลั๊กไฟและไฟที่หัวเตียงทุกเตียง เวลาประมาณ 07.15 น.ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ สถานีปลายทางของเราแล้ว หลังจากนั้นเราได้เดินไปข้างหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่เพื่อไปขึ้นรถไปขุนแปะ เราได้โทรจองเหมารถนำเที่ยวไว้เรียบร้อยเป็นรถโฟร์วิล ปลายทางของเราคือจะไปพักกันที่กระท่อมตะวันไรวินท์แต่ระหว่างทางเราจะแวะเที่ยวไปเรื่อยเกือบตลอดเส้นทางซึ่งเราได้แวะเที่ยวทั้งหมด 4 จุด จุดแรก Kaomai Estate 1955 (คาเฟ่โรงบ่ม เก๊าไม้ล้านนา) ตั้งอยู่ในอำเภอสันป่าตอง ค่าเฟ่ตั้งอยู่ในเก๊าไม้ล้านนา รีสอร์ท ซึ่งเมื่อก่อนเป็นโรงบ่มใบยาสูบมาก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็นรีสอร์ทและค่าเฟ่ในปัจจุบัน คาเฟ่บรรยากาศร่มรื่น มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ระหว่างทางเดินเข้าไปคาเฟ่จะเจอกับอาคารโรงบ่มใบยาสูบอิฐมอญและตรงข้ามกับคาเฟ่ เราจะได้พบกับความเขียวขจีของโซนที่พักเป็นอาคารที่ปกคลุมไปด้วยต้นตีนตุ๊กแกทั่วทั้งหลัง มุมนี้เป็นมุมถ่ายรูปที่เป็นไฮไลต์ของการมาที่นี่เลยทีเดียว ราคาเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ประมาณ 80 บาท เครื่องดื่มรสชาติดีค่ะ จุดที่ 2 วัดพระธาตศรีจอมทอง เป็นวัดประจำปีชวด(ปีหนู) เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญมากวัดหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นพระอารามหลวงและเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 58 กิโลเมตร เราได้แวะเข้าไปนมัสการขอพรหลวงพ่อเพชร(พระประธาน)และพระบรมสารีริกธาตุ ไหว้พระขอพรเสร็จ เราได้เดินเข้าไปชมโบราณวัตถุที่พระวิหารจตุรมุข จุดที่ 3 น้ำตกแม่ยะ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ น้ำตกแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยอีกที่หนึ่งของเมืองไทย เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่มีความสวยงามและสูงที่สุดในบรรดาน้ำตกในอุทยานแห่งชาติอินทนนท์ ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท นั่งรถกันมาจนเมื่อยแล้วเดินคลายเส้นกันหน่อยจากลานจอดรถเราต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 500 เมตร รอบๆบริเวณน้ำตกแม่ยะมีป่าไม้ พรรณไม้ที่ยังคงความอุดมสมบรูณ์ เราไปเจอช่วงมีน้ำเยอะทำให้น้ำตกสวยมากค่ะ จุดที่ 4 จุดสุดท้าย จุดชมวิวดอยผาแตก เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คทางขึ้นไปยังขุนแปะ ที่ใครๆเมื่อขับรถผ่านต้องแวะถ่ายรูป โดยมีจุดชมวิวมุมสูงซึ่งต้องเดินเท้าขึ้นไปยังจุดชมวิวประมาณ 300 เมตร เราจะได้ชมวิวภูเขาสลับซับซ้อนกันอย่างสวยงามและเมื่อมองลงมาจะเป็นเส้นทางลอยฟ้าเห็นรถวิ่งไปมาอย่างสวยงาม แวะกันเก่งมากในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงที่พักของเราแล้ว เรามาถึงประมาณ 5 โมงเย็น ทางเข้าที่พักเป็นถนนดินแดงลูกรัง ต้องเป็นรถโฟร์วิล 4*4 เท่านั้นถึงจะเข้าไปได้ กระท่อมตะวันไรวินท์ เป็นที่พักแบบกระท่อมไม้ไผ่กลางนาข้าวเขียวขจี บรรยากาศเงียบสงบมีภูเขารายล้อมรอบด้าน ที่พักไม่มีไฟฟ้าแต่มีหลอดไฟ LED ให้ใช้ เพราะฉะนั้นต้องเตรียมแบตสำรองให้พร้อมนะคะ ที่นี่อากาศเย็นสบายและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อน ชอบในความเป็นธรรมชาติ ฟังเสียงธรรมชาติแบบสงบเรียบง่าย ราคาที่พักคนละ 500 บาท รวมอาหารเช้า-เย็น ห้องพักทุกห้องมีห้องน้ำในตัวสะอาดด้วยและ อาหารก็อร่อยค่ะ แถมเจ้าของทีพักใจดีอีกสนใจสำรองที่พักโทร 093-1491269 คุณอาทิตย์ เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นประมาณตีห้า เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เขา360 เส้นทางไปเป็นถนนดินแดง ลูกรังนั่งกันแบบโยกไปโยกมา ไปถึงจุดชมวิวประมาณ 6 โมงเช้า แต่ก็ผิดหวังค่ะ วันนั้นหมอกลงเยอะมากมองไม่เห็นวิวอะไรเลย ได้แต่จิบกาแฟ โอวัลตินร้อนๆพร้อมกับบรรยากาศหมอกๆอากาศเย็นสบาย สูดออกซิเจนให้เต็มปอดกันไปเลย ระหว่างทางกลับเราได้แวะไร่กะหล่ำปลี หมอกยังเยอะเหมือนเดิมค่ะ แต่ก็สวยไปอีกแบบ หลังจากกลับมาถึงที่พักเราได้เตรียมตัวกลับเก็บกระเป๋า กินข้าวเช้า การเดินทางครั้งนี้เหนื่อยกับการนั่งรถมากแต่ด้วยวิวสองข้างทางที่เราได้เจอเกือบตลอดเส้นทางที่มีแต่ความเขียวขจี ความอุดมสมบรูณ์ของธรรมชาติ ซึ่งเราได้เห็นวิวสวยๆของนาข้าวขั้นบันไดที่เขียวขจีสลับกับทิวเขาตามความตั้งใจแล้ว มันทำให้เราอยากเดินทางต่อไปอีก สิ่งที่สำคัญอีกอย่างในการเดินทางคือเพื่อนร่วมทริป ที่ทำให้การเดินทางของเราสนุกและมีความสุขมากยิ่งขึ้น Cr.รูปภาพประกอบโดย Baifern