เมื่อความว่างถูกแทนด้วยการเสี่ยง...เติมเต็มด้วยความรัก หลังจากดูจบคำนิยามนี้เด้งขึ้นมาเลย ระหว่างชายวัยทำงานผู้ไม่ชอบเสี่ยงวัย 40 ปี กับสาววัยมหาวิทยาลัยผู้พร้อมเสี่ยงทุกสถานการณ์ สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก รักมั้ยลุง ได้ยินชื่อเรื่องครั้งแรก โห! ลุงเลยเหรอ? พอเห็นโปสเตอร์ภาพเท่านั้น ต่อให้เรียกปู่คงยอมตกอยู่ในอารมณ์ลุงๆ อบอุ่นละมุนของลุงชัย ที่นำแสดงโดย เคน ธีรเดช เป็นแน่ เข้าเรื่องแล้วกันนะ ผู้เขียนขอใช้ชื่อตัวละครในเรื่องเพื่อให้ง่ายต่อการพูดถึงภาพยนตร์รักละมุน กรุ้งกริ้ง มุ้งมิ้ง ปนหัวเราะ(ทั้งน้ำตา) เริ่มด้วยลุงชัยหรือสั้นๆว่าลุง สรรพนามแทนพระเอกของเรื่อง ที่นางเอกผู้ครอบครองความสดใสซุกซนรุ่นหลาน อย่างน้ำหวานใช้เรียก ในลักษณะแกมหยอก เนื่องจากชัย มักทำตัวแบบลุงๆ แล้วลุงๆที่ว่าเป็นไง คือมันเป็นงี้ ทำตัวนิ่ง พูดน้อย สุภาพ ระมัดระวังเรื่องความประมาทเป็นยอด ระวังเรื่องของกินเป็นเลิศ พี่แกขับมอเตอร์ไซต์สี่สิบเองอะ จนน้องหวานของเราต้องใช้มุขตบประมาณว่า “เต่าไล่งับล้อ” ด้วยความต่างโลก ต่างวัย ประสบการณ์ (ในเรื่องบอกลุงแกเป็นคนยุค90) ลุงก้มหาใหญ่เลย แถมทำหน้าเครียดไม่เข้าใจมุขอีก นี่เป็นแค่น้ำซุปนะ ยังไม่เข้าเครื่องความกลมกล่อมขององค์ประกอบอื่น มีอีกหลายมุขที่ลุงแกไม่เคยเข้าใจแถมตีมึนหน้าตายได้น่ารักน่าหยิกเหลือเกิน แล้วความน่ารักดังว่าของคนต่างช่วงวัยเนี่ย มันทำให้คนดูอย่างผู้เขียนเห็นอะไรนอกจากหนังจั๊กกะจี้หัวใจอยากลองรักคนรุ่นลุงล่ะ มันมีประเด็นใหญ่หลักๆเห็นได้ชัดคือ การเปิดโลกของคนสองคนที่ต่างเจเนอเรชั่นสุดขั้ว เมื่อมาปะทะกันแน่นอนว่าต้องเกิดช่องว่างระหว่างวัย ทั้งความไม่เข้าใจ การตั้งคำถาม แต่หนังสื่อให้เราเห็นว่าทั้งคู่พยายามเปิดใจเรียนรู้โลกของอีกคน มันจึงเกิดคำนี้ "เสี่ยง" เอ้อ ตาลุงไม่ชอบเสี่ยงมาอยู่กับสาวน้อยวัยพร้อมแหกทุกความกลัว เอาสิ ความวุ่นวายเฮฮาชวนหัวหมุนพร้อมกับมุขหยอด มุขแซะหัวใจหนุ่มวัย40ที่เจ้าหนุ่มใหญ่ผู้ไม่เข้าใจจึงบังเกิดแบบทุลักทุเล ทว่างดงามแบบซื่อๆในตัวของมัน ใช้คำง่ายๆให้ต่อผู้กลัวความสูงอย่าง "อย่ามองว่ามันสูง ให้มองว่ามันสวย" เห้ย ประโยคง่ายๆแต่ดึงความเด่น ความงดงามของสิ่งตรงหน้าอย่างดอยสูงเฉียดฟ้าให้กลบความกลัวใช้ได้อยู่นะ นั่นล่ะหลังจากนั้นตัวลุงแกพร้อมเสี่ยงกับอะไรหลายๆอย่างที่น้องหวานเธอประทานให้ การเข้ามาเติมช่องว่างระหว่างวัยของกันแต่ละกันเต็มไปด้วยความเข้าใจ จากการเปิดใจของลุงใจดีผู้พร้อมเรียนรู้โลกของน้ำหวานที่ค่อยๆซึมเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว ไม่ได้ตั้งใจให้เป็น แต่มันกลับฝังอยู่ในตัวเขาอย่างแยบยลมาระยะใหญ่ก่อนถึงจุดพีคของเรื่อง แรกเริ่มการเดินทางมาเชียงใหม่ของลุง เนื่องจากแฟนสาวซึ่งเป็นคนที่นี่เสียชีวิต นั่นเป็นสาเหตุทำให้ตัวลุงมุ่งหน้าขึ้นสู่ทางเหนือเพื่อไขรหัสเจ้ารูบิกที่แฟนทิ้งไว้พร้อมรูปต่อเสร็จคือดวงดาว รูบิกสำหรับผู้เขียนแล้วถือเป็นสัญลักษณ์ของความยากลำบาก ความซับซ้อน และการอดทน ลุงไม่สามารถไขปริศนานั้นได้ จนมาเจอกับน้ำหวาน ซึ่งคล้ายว่าจะเป็นผู้ไขปริศนานั้นแทนแฟนเก่าตัวเอง คำตอบของมันคือ ความต้องการให้ตัวชัย ออกมาจากสภาพความเป็นอยู่ในทุกวัน ซ้ำๆดั้งเดิมในเมืองกรุง พักบ้าง พักก่อน อะไรแบบนั้น ท้ายสุดเหมือนตัวลุงจะเข้าใจ แต่เจ้ากรรม จุดพีคอะเนอะ มันจะเฮฮามีความสุขตลอดก็จะเลี่ยนเกิน น้ำหวานนั้นมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจและเคยผ่าตัดหัวใจเมื่อไม่นานมานี้ เท่านี้ทุกคนน่าจะเดากันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างลุงชัยกับน้ำหวานแล้วใช่ไหม ถูกต้องค่ะ หัวใจในร่างน้ำหวานคือหัวใจของแฟนเก่าลุง ความสับสน ความตกใจ ทำให้ลุงชัยหนีหายไปเฉย ไม่บอกกล่าวสาวน้อยหัวใจพองโตกำลังชื่นมื่นในความรักเลย บทสรุปท้ายสุด ลุงชัยกล้าเสี่ยงกับสิ่งที่หัวใจต้องการ ความคิดถึงที่มันก้องดัง ย้อนนึกถึงกับความเสี่ยงความผูกพัน มุมมองในชีวิตหลายอย่างยามได้เผชิญกับคนอ่อนวัยกว่าจนทำให้เขาได้กล้ากระทำในสิ่งไม่เคยมาก่อนราวกับการเกิดใหม่ในอีกโลกหนึ่ง ตัวลุงออกตามหาน้ำหวานผู้ซึ่งไปหลบพักใจถึงฮานอย จากคนไม่เคยกล้าขึ้นที่สูงคนเดียวเพราะน้ำหวานนั้นเป็นฝ่ายนำอยู่ตลอด ลุงได้ตัดสินใจขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไฟฟ้าลำพัง เพราะเป็นวิธีเดียวจะทำให้ตนพบกับหวาน แม้แต่การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คไม่คล่อง หนุ่มใหญ่ยังได้ Live เป็นครั้งแรกเพื่อบ่งบอกว่าตัวเขานั้นกล้าขึ้นกระเช้าลอยฟ้า และกำลังมุ่งหน้าไปหาเธอ เพื่อไปบอกว่า "หวาน พี่คิดถึงหวานตลอดเวลา และหัวใจของพี่ก็เต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆหวาน" อยากลองฟังเสียงหัวใจของทั้งคู่ ว่าจะตึกตักตึกตักดังและแรงแค่ไหนอย่าลืมไปหาชม ความซึนและความหยอดเก่งกันของทั้งคู่กันนะ ภาพปกถ่ายโดยนักเขียน เหมียวน้อยมุ้งมิ้งขอบคุณรูปภาพประกอบจาก trueid https://movie.trueid.net/detail/zj0VemEn9Odq