ใจ๋สบาย : เชียงใหม่แอ่วเจียงใหม่กันแหมเตื้อเจ้า อินอีนายกาสะลอง ข้าเจ้าเลยจะไปตามหาอ้ายหมอทรัพย์ ฮ่าๆเชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่น่ารักอยู่เสมอ แม้จะไปเป็นครั้งที่ร้อย เว่อร์ไป แต่จริงๆนะ เชียงใหม่ก็ยังมีเสน่ห์และมีอะไรให้เราออกไปค้นหาอีกมากมาย เราเลยลองไปเที่ยวแบบวันธรรมดากันดูบ้างค่ะ เปลี่ยนจากการไปแย่งกับผู้คนเป็นเที่ยวแบบสบายๆ ตามประสาสองสาวที่เหนื่อยล้าจากการทำงานไปชาร์จแบตให้หัวใจกันค่ะ ทริปนี้ใช้เวลาออกค้นหาตัวตนกันประมาณ 4 วัน 3 คืนค่ะDAY : 1 เหนือน่านฟ้าสุวรรณภูมิตามที่เคยเขียนรีวิวไปเรื่องค่าเครื่องบินเราอยากได้คำแนะนำเหมือนกันนะว่าทำยังไงให้ได้โปรถูก55แต่ที่จองได้เท่านั้นก็เอาละ เพราะส่วนมากชอบนึกปุ๊บไปปุ๊บ อาจได้ราคาถูกบ้างแพงบ้างเนอะการเดินทางครั้งนี้......เราเลือกโปรที่ถูกที่สุดของช่วงเวลาที่ไปได้เท่านี้จ้าจองผ่าน Traveloka ได้ของ Vietjet Air ทั้งไปและกลับในราคา 4,149.72 บาท 2 คน ตกคนละประมาณ 2,000 บาทเวลาประมาณ 7:30 ก็ถึงสนามบินเชียงใหม่เดินออกทางประตูซ้ายสุดและตรงออกมาทางเดิน จะเจอรถบัสของแอร์พอตอยู่ค่ะ ขึ้นได้เลย ค่าโดยสารคนละ 20 บาทเอง ดีนะอ่านมาก่อน รถใหม่สะอาดเย็นฉ่ำ คนขับใจดีด้วย ไม่พลาดเหมือนสมัยม.ปลายที่เสียค่ารถแดงหลายร้อย หุหุหลังจากนั้นเราก็เลยเลือกไปลงขนส่งช้างเผือกต่อค่ะ อันนี้อ่านๆในรีวิวมา ถ้าจะต่อรถไปจอมทอง-อินทนนท์ ถึงแล้วใช้เวลาไม่นานเลย แต่...!!!!!!พอลงรถ ไปถามรถแดง เค้าบอกไม่ใช่ค่า เอ้าาาา!!?เค้าบอกว่าอันนี้จะมีแต่รถไปดอยสุเทพหนู ถ้าจะไปจอมทองต้องไปขึ้นรถที่ตลาดเช้าตรงกำแพงเมืองอะไรนี่แหละเราจำไม่ได้ เลยต้องโบกรถแดงใหม่ไปขึ้นรถจอมทอง ไปถึงมีรถเหลืองไปจอมทองเต็มเลยค่า ค่ารถคนละ 35 บาทค่าและแล้วก็ถึงจอมทอง...จุดเริ่มต้นของเส้นทางไปยังดอยอินทนนท์ใครสะดวกแบบไหนเลือกเดินทางได้เลยนะรอบนี้เราเลือกจะขับมอเตอร์ไซน์ขึ้นไปกันเอง 2 สาวพอกล้าขับขึ้นไปอยู่เพราะเคยไปแม่แจ่มมาแล้ว รอบนี้เลยจะลองขับไปเอง เพราะอยากเก็บภาพและมีเวลาเยอะๆ อยากแวะไหนก็แวะเราอ่านมาก็พบว่า เช่ารถได้เลยที่ร้านรถเช่าจอมทอง ตรงข้ามวัดเลยจ้า วันละ 300 มัดจำ 1,000 บาทพร้อมบัตรประชาชนจ้าขับขี่ปลอดภัยใส่หมวกกันน็อคด้วยนะคะที่ร้านเช่ารถมีแผนที่ให้ด้วยนะคะ มีคำแนะนำการขับจุดไหนควรขับระวัง การเติมน้ำมัน บริการดีค่ะ ประทับใจการขับก็ไม่ยากค่ะ ขับย้อนตรงพระธาตุกลับมาถึงไฟแดงจะมีปั๊มน้ำมันอยู่ขวามือ เราก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 1009 ขับตรงไปเรื่อยอย่างเดียวเลยค่าและเราก็มีดอยอินทนนท์ ถึงไวเกินที่คิดไว้ ไหนบอกหลายชม นี่ขนาดขับชิวๆ มาเรื่อยๆ ไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็ถึง ที่พักของเราอยู่ระหว่างกม.31 จะเห็นสถานีอนามัยก็เลี้ยวขวาไปทางที่บอกว่าไปอ.แม่วางเลยค่า ตรงนั้นก็จะมีลานกางเต้นท์และที่พักต่างๆ ที่พักของเราอยู่แถวนั้นเลยค่ะจองที่พักล่วงหน้าไปเราเลยต้องรอเช็คอินบ่ายสองโมง เตร็ดเตร่ไปละกัน น้ำตกข้างทางเอยที่เที่ยวข้างทางเอย ไม่ได้แวะสักที่ ความง่วงครอบงำเลยเอาไว้ก่อน55 ที่พักคืนแรกของเราค่า: Camp ดอยอินทนนท์น่ารักมากเป็นกระโจมมีทั้งแบบครอบครัว มีแบบบ้าน เต๊นท์ และเป็นคู่ค่ะของเราเป็นแบบ 2 คน คืนละ 1,200 บาท ห้องน้ำรวมค่ะ อยากจะบอกว่า ห้องน้ำดีมาก สะอาดมาก ใครที่กังวล ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ สะอาดและปลอดภัยจริงๆ รักเลย ใครใคร่กินปิ้งย่าง กิน ใครใคร่ไปเดินหาซื้ออะไรมากิน ไปเดิน ที่พักมีหมูกระทะให้นะคะชุดละ 500 แต่เราไม่ไหวยังอิ่มอยู่ เลยไปเดินแถวร้านริมทางใกล้ที่พัก มีของขายอยู่ค่ะ ที่สำคัญ อร่อยด้วย ไม่แพงเลยนํ้าตกสิริภูมิและระหว่างรอเช็คอิน เราเลยฝากกระเป๋าไว้กับที่พัก แล้วก็ไปขับรถเที่ยวรอค่ะ เราเลยเลือกไปใกล้ๆ จากน้ำตกที่มองเห็นจากที่พักเลย คือน้ำตกสิริภูมิ มีเส้นทางให้ศึกษาธรรมชาติระยะทางสั้นๆด้วยนะ เดินง่ายไม่ยากมาเป็นคู่รักก็ดีนะ น่าอิจฉา ส่วนเราก็ตีกับเพื่อนตลอดทางเลยนี่ขนาดมากัน 2 คนนะ:) โครงการหลวงของพ่อร. 9และหลังจากเดินเล่นน้ำตกสิริภูมิเสร็จแล้ว เราก็ลองขับรถไปเรื่อย จนมาถึงสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ดอกไม้ที่นี่สวยมากๆเลยค่ะสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นสถานีวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวงอีกแห่งหนึ่ง ดำเนินงานวิจัยด้านไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผัก และไม้ผล รวมทั้งถ่ายทอดผลงานวิจัยไปสู่การส่งเสริมให้เป็นรายได้ของครอบครัวเกษตรกรทั้งชาวกะเหรี่ยง และ ม้งในหมู่บ้านรอบๆ สถานีฯ พร้อมกับการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานพัฒนาด้านสังคมและการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำลำธาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวราชกาลที่ 9 โปรดให้เป็น “สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์” (ข้อมูลจากสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์)สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ มีพันธุ์ไม้ดอกสวยๆเยอะมากๆเลยค่ะ ทำให้เดินชมเพลินเลยสวน 80 พรรษา ซึ่งจัดในปี พ.ศ.2550 เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.9 ทรงมีพระชนมพรรษา ครบ 80 พรรษา และเป็นสถานที่จัดแสดงขึ้นเพื่อรองรับการศึกษาดูงานของผู้มีความสนใจศึกษาเกี่ยวกับพรรณไม้ดอกเมืองหนาว (ข้อมูลจาก www.chillpainai.com) เดินถ่ายรูปเพลินมากๆเลยค่ะที่นี่ เหมาะกับมาเที่ยวกับครอบครัว หรือพาผู้สูงอายุมาชมพันธ์ไม้ของทางโครงการได้ดีเลยนะคะ สวยมากค่ะกลับมาที่พัก เย็นพอดีนี่คือวิวที่ได้จากหน้าเต้นท์ อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว สังเกตที่หมองที่เริ่มลงปกคลุม ช่วงที่เราไปไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ เป็นปีที่หนาวน้อยก็ว่าได้ ภายในเต็นท์ที่พักของเรา ผ้าห่มที่นอนหมอน ผ้าเช็ดตัวน้ำดื่ม ปลั๊กไฟ ครบครัน สบายเลย ที่พักบริเวณใกล้เคียง มีที่สวยๆและน่าพักอยุ่หลายที่เลยนะคะDAY 2 : ฟินตื่นเช้ามาอากาศดีมากๆนะคะแหนะ เมื่อคืนเราอาบน้ำนะ กินข้าวเสร็จเราก็อาบน้ำนั่งชมวิว สั่งค็อกเทลมาจิบเบาๆ อิอิ ได้บรรยากาศมากๆ มองออกไปทางเข้าที่พัก สงบดีจังหลังจากที่เก็บของอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เราก็เช็คเอาท์เลยตอนเช้า เพราะกะจะไปเที่ยวยอดดอยอินทนน์กันแล้วลงไปในเมืองเพื่อไปต่อรถไปม่อนแจ่มเลยทางช่วงใกล้ๆยอดดอยค่อนข้างลาดชันและอันตราย ขับอย่างระวังกันด้วยนะคะ แต่ถ้ามีสติก็ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ ^^ ซิ่งไปเลยฉันระยะทางขึ้นไปดอยอินทนนท์จากที่พักก็ประมาณ ครึ่งชั่วโมงค่ะ หนาวบ้างบางจุด เพราะต้นไม้เยอะมาก ใครจะเหมารถมาจากจอมทองก็ได้นะคะ ตามที่สะดวกเลย ฝรั่งต่างชาติเหมาขึ้นมาเยอะมากพอเดินเที่ยวยอดดอยเสร็จ ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปมาให้ดู เพราะว่า คนเยอะมากถ่ายป้ายไม่ได้ แล้วก็เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเค้าปิดปรับปรุง เลยไม่ได้เดิน เราเลยเลือกกลับเลยบวกกับกลัวลงไปในเมืองช้าด้วยและก็ไม่ลืมแวะจุดชมวิวทางเดินขึ้นไปกิ่วแม่ปาน เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ไปขึ้นไปที่กิ่วพอกลับถึงตัวเมืองเชียงใหม่ การเดินทางที่หลับแล้วหลับอีกบนรถจากจอมทองถึงในเมืองก็เกือบบ่ายสอง ซึ่งเราต้องไปต่อรถเพื่อไปม่อนแจ่มต่อจากจุดลงรถไปยังอาเขตก็บ่าย 2 ครึ่งพอดี เราเดินหาร้านเช่ารถแบบมั่วๆ เลยได้ร้านนี้มา S.K.Service เฮ้ยไม่แย่รถใหม่ด้วย ปรึกษาเค้าเค้าบอก scoopy ขึ้นสบาย เอาสิ รออะไร สบายจริงๆด้วย ขับง่าย ประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก น้ำมันเต็มถัง ขากลับลงมาจากม่อนแจ่มเติมแค่ 50 บาทเองถึงแล้ว มาถึงเช็คอินแล้วก็ นั่งเฉยๆเลยค่า เหนื่อยล้าเหมือนกันม่อนอิงดาวนี่คือที่พักคืนนี้ของเราค่ะ คืนละ 700 บาท ใครที่หนาวกลัวผ้าห่มไม่พอเค้ามีให้เช่านะคะไม่แย่นะ แต่ความสงบต้องทำใจนิดนึงเพราะสถานที่คนมาเยอะ เต็นท์จะติดกัน แต่ไม่แย่ ชิลๆ มีเป็นก๊วนจะดีมาก ไม่เหงาดี แต่ถึงมากันน้อยก็ไม่แย่ เพราะคนค่อนข้างเยอะค่ะ เกือบเต็มทุกเต็นท์เลย วิวจากที่พักค่ะ ดีอยู่นะเมฆครึ้มมาเชียว แอบมีตกเปาะแปะนิดนึงด้วยและแล้วคืนนั้น ก็รบกับกลิ่นเต็นท์อื่นๆไม่ไหว เค้าปิ้งย่างกันทุกเต๊นท์เลย เราก็เลย อ่ะ สั่งมาบ้างก็ได้ 400 บาท อิ่มมาก ผักคือสดมากDAY 3 : อรุณสวิสดิ์อากาศดีจังเลย ตอนเช้าๆ มีหมอกนิดๆให้ยลความหนาวม่อนแจ่มเมื่ออาบน้ำกินข้าวเช้า ทำธุระส่วนเสร้จเรียบร้อยแล้ว สองสาวก็พร้อมขับไปเที่ยวกันต่อจ้า ม่อนแจ่ม ไม่เจอกันนานเป็นไงบ้าง เปลี่ยนไปเยอะอยู่นะช่วงที่ไปม่อนแจ่ม ตอนนั้นเค้ากำลังบูรณะ เนื่องจากมีเหตุเกิดเพลิงไหม้ เราเลยไม่ค่อยมีภาพมาฝากนะคะ ตอนนี้คงกลับมาสวยเหมือนเดินแล้วแน่ๆสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ขับลงมาเรื่อยๆ ก็ถึงสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ภายในจะมีเส้นทางให้ศึกษาธรรมชาติชมกิ้งก่าบิน ซึ่ง เราไม่เจอจ้า แต่ก็มีสวนต่างๆ ให้เดินชมเยอะมากเลยนะคะ สวยๆทั้งนั้นเลยในระหว่างที่ขับกลับเข้าเมืองก็คิดว่าเอาไงต่อดี แล้วจะเดินทางไปไหนยังไง เลยตกลงกันเอาว่า เช่ารถต่ออีกวันละกัน เพราะคิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว สะดวกดี เมื่อเที่ยวเสร็จและก็ถึงที่พักในคืนนี้แล้วค่ะBedgasm Poshtel x Cafe ค่ะ จองผ่านเว็ปไซต์ดีนะสะอาดและชิคๆดี เดินทางก็สะดวกค่ะใกล้สนามบิน ใกล้ที่เที่ยวที่พักจะอยู่นิมมาน ซอย 2 พอตอนเย็นออกไปแว๊นกันต่อค่า ตอนแรกเราจะไปแกรนแคนยอน สรุปคือหลงทางค่ะ แบตโทรศัพท์ก็หมด พอไปถึงก็หมดอารมณ์จะเข้าไปถ่ายรูป เลยตัดสินใจไปบ้านข้างวัดดีกว่าเพราะมันเส้นทางเดียวกัน และก็ไม่ผิดหวังค่ะ ชอบบ้านข้งวัดมากๆ เลย ใครที่ชอบงานศิลปะ หรืองานทำมือ แนะนำเลยค่ะบ้านข้างวัดชอบอ่ะ เสียดายมีเวลาอยุ่แค่นิดเดียวเพราะเริ่มมืดแล้ว เค้าเริ่มจะปิดกันแล้วกาดรินคำหลังจากกลับจากบ้านข้างวัด ก็มาขับรถเล่นในมืองอีกรอบ ไปไหนดีนะไม่ได้วางแผนไว้ด้วยสิ เลยขับไปมั่วๆก็เจอกาดรินคำหม่าล่า อร่อยมากๆเลยไม้ละ 5 บาทเอง กินอิ่มแล้วแพลนที่วางไว้ว่าจะเที่ยวต่อคืนนี้ก็จบลงด้วยการ กลับไปนอนหลับจ้า ฮ่าๆ DAY 4 : สาวเจียงใหม่OMG!! ไฟแดงนานมากกกกก ถือว่าขยับขั้นของการขับมอเตอร์ไซน์ไปอีกหนึ่งสเต็ป กลัวไหม นิดหน่อย แต่ก็ใจสู้จ้า ขอใครอย่ามาชนก็พอ ไปๆมาๆ เออขับได้นี่นา สนุกดี ระหว่างนี้ เที่ยวกันต่อเลย คราวนี้ก่อนจะเที่ยวเราแอบเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่สนามบินก่อนค่ะ แบกไม่ไหวเป้ใหญ่เกินไป ค่าเสียหายค่าฝากก็ 200 บาทรับก่อน 3 ทุ่ม เอออออ แพงอยู่แต่ไม่เป็นไร ซื้อความปลอดภัยเที่ยวต่อสิ รออะไรสถานที่ของวันนี้คือOne Nimman แหล่งชอปปิ้งที่น่าสนใจ วันธรรมดาเราก็เดินเที่ยวได้เย่ๆ ตอนแรกก็ทำใจแล้วว่าไม่ใช่เสาร์อาทิตย์ อดเดินถนนคนเดินไปแล้วแต่เราก็เจอที่เที่ยวแห่งนี้เย่ มีของกินและเสื้อผ้าของใช้งานฝีมือน่ารักๆเต็มเลยจ้า ONE NIMMAN ร้านค้าในนี้ดีมากค่ะไปลอง ๆ เดินดูกัน อาจเสียเงินได้ เตือนไว้ก่อนแล้วนะ Shop Fritag ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ ใครสาวกแบรนด์นี้ลองไปเยี่ยมชมดูจ้า และใครกลัวไม่มีรถกลับสนามบิน ไม่ต้องกลัวจ้า จุดรอรถบัส เราจะมาขึ้นรถกลับสนามบินกันตรงนี้ค่ะ มีแอพด้วยนะ ดูได้ด้วยว่าตอนนี้รถอยู่จุดไหนแล้ว สะดวกมากๆ จุดนี้เราขึ้นที่หน้า One Nimman เลย ภาพบรรยากาศประทับใจก่อนกลับและแล้ว ก็ถึงเวลากลับ นั่งรอขึ้นเครื่องด้วยความง่วง ไว้มีโอกาสจะไปใหม่นะปิดทริปด้วยความง่วงระหว่างบินใกล้ถึงกรุงเทพฯเจอฝนตกเครื่องสั่น ที่ไว้กระเป๋าเต็มต้องยัดกระเป๋าเป้ไว้ใต้ที่นั่งด้วยความลำบาก ก็ยังสงสัยมันอันตรายไม่ใช่หรอ ทัวร์จีนเกือบทั้งลำไม่ต้องพูดถึงว่าเราเจออะไรบ้างงงงง TT ไม่ใช่เค้าไม่ดีนะแต่เราไม่ไหวเองน้ำตาจะไหล พอลงเครื่องกว่าจะได้กลับบ้าน ตี 1 เย่ เช้าเรามีไปถ่ายงานนัด 6 โมงเช้า เยี่ยมไปเลย สู้ เพื่อเงินเที่ยวทริปต่อไป จบ ปิดทริปด้วยการบ่นเล็กๆน้อยๆสนุกดีไว้จะมารีวิวใหม่นะคะ เจอกันทริปหน้าจ้า สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริปค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 4,149.72 บาท 2 คนค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์จอมทอง-อินทนนท์ 300 บาทต่อ 1 วัน มัดจำ 1000 บาท (ได้คืนตอนคืนรถ)ค่านำ้มันรถรวมไปกลับ ขึ้นดอยอินทนนท์แค่ 70 บาทค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ในเมือเชียงใหม่ 250 บาทต่อ 1 วัน นำ้มันเต็มถัง 2 วัน 500 บาทค่านำ้มันรถขากลับลงมาจากม่อนแจ่ม 50 บาท วันคืนรถอีก 50 บาท รวมที่ต้องเติมน้ำมันเป็น 100 บาทค่าที่พักคืนที่ 1 รวม 2 คน 1,200 บาทค่าที่พักคืนที่ 2 รวม 2 คน 700 บาทค่าที่พักคืนที่ 3 รวม 2 คน 588 บาทค่ากินคนละไม่เกิน 1500 บาท อันนี้จำไม่ได้ อาจถึงหรือไม่ถึง เพราะทริปนี้ไม่ได้กินหรูอะไร เน้นก็เพื่ออยู่นะค่าฝากกระเป๋าสนามบินก็ 200 บาท ไม่กี่ชั่วโมง ค่อนข้างแพงอยู่ค่ะ..........ทั้งนี้ลองๆ หาตั๋วเครื่องบินถูกๆ ที่พักอื่นๆ และปัจจัยการใช้เงินของแต่ละคนดูนะคะ บางคนอาจใช้เงินน้อยกว่านี้ บางคนอาจมากกว่าก็ได้ค่ะ