อากาศร้อน ๆ อย่างช่วงซัมเมอร์แบบนี้ แถมวิกฤตเรื่องไวรัสก็ดันมาระบาดอีก จะอยู่บ้านเฉย ๆ ก็กลัวว่าจะเฉาตายกันเสียก่อน ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร วันนี้ผมจะพาทุกคนไปย้อนรอยทริปของผมเมื่อต้นปี ช่วงอากาศหนาว ๆ บวกกับลมเย็นและบรรยากาศของภาคเหนือ สมการนี้จะได้อะไรล่ะครับ ถ้าไม่ใช่ความสุข ความสุขเหมือนได้ขึ้นสวรรค์นั่นแหละครับ สถานที่ที่ผมหมายถึงก็คือ กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ นั่นเอง กิ่วแม่ปาน เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ที่ระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้กิ่วแม่ปานเป็นอีกจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยแห่งหนึ่งบนดอยอินทนนท์เลยล่ะครับ นอกจากนี้สิ่งที่ถูกใจนักอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ Nature conservationist อย่างใครหลาย ๆ คน ก็คือการได้ชมพืชพันธุ์หลากชนิดตลอดสองข้างทาง ที่อุดมและครึ้มไปด้วยป่ารำไร แถมด้วยมอสและเฟินนานาชนิด บอกเลยล่ะครับว่า สวรรค์บนดิน จริง ๆ อีกหนึ่งสิ่งที่สะดุดตาผมมาก ๆ จนต้องหันไปถามน้องไกด์ตัวเล็กข้าง ๆ ว่ามันคืออะไร ก็ได้คำตอบจากน้องมาว่า มันคือ “ดอกกุหลาบพันปี” นั่นเองครับ สีแดงสะดุดแบบนี้อาจจะไปต้องตาใครจนอยากเด็ดไปชื่นชมที่บ้าน แต่ขอเตือนก่อนเลยนะครับ ว่าอย่าทำ เพราะมันผิดกฎนั่นเอง ก่อนที่เราจะขึ้นไป น้อง ๆ ไกด์เขาจะแนะนำในเรื่องของกฎการเดินป่าก่อนครับ ขืนใครฝ่าฝืน ระวังจะได้ไปนอนดูดอกพันปีในคุก อันนี้ผมไม่รู้ด้วยนะครับ น้องไกด์ว่าพลางชี้ไปที่มุมนึงของเส้นทาง แล้วบอกผมว่า "อาทิตย์ที่แล้ว ดอกกุหลาบพันปีมันยังอยู่ตรงนี้เลยครับ ตอนขึ้นมารอบแรกผมยังเห็นมันแดงสวยอยู่ตรงนี้เลย ตอนขึ้นมาอีกรอบ มันหายไปแล้ว ไกด์โดนด่ายกแผงเลยครับ" เห็นไหมล่ะครับว่า ความมักง่ายของนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ที่คิดว่า แค่นี้ไม่เท่าไรหรอก แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก มันส่งผลกระทบต่อวงกว้างมากมายแค่ไหน.... โดยรวมแล้วกิ่วแม่ปานสร้างความประทับใจให้กับนักเดินป่ามือใหม่แบบผมมาก เพราะเส้นทางไม่ได้ไกลหรือลำบากมากเท่าไรนัก อีกทั้งผลของการเดินป่าครั้งนี้ ยังคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ถ้าเปรียบการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางขึ้นสวรรค์ คนที่ทำชั่วมาอย่างผม คงภูมิใจไม่น้อยที่ครั้งหนึ่งตัวเองได้มาเยือนสวรรค์บนดินที่เขาเลี่ยงลือกันในครั้งนี้ ขอขอบคุณการอนุเคราะห์ภาพถ่ายประกอบบทความและภาพปกบทความจาก : อาจารย์ชัยชาญ มณีรัตนรุ่งโรจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร