ด้วยอุณหภูมิที่ลดลงต่ำมาก ๆ ในเวลานี้ เทือกเขาที่อยู่ตรงหน้าของเราจากสีเขียวกลับกลายไปเป็นสีส้ม ๆ แดง ๆ ทำให้นึกถึงภาพทิวทัศน์ในแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดา ที่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงต้นไม้จะเปลี่ยนสี ต้นเมเปิ้ลกลายไปเป็นสีแดง ...แต่เดี๋ยวก่อน...ไม่ได้รวยขนาดที่จะไปเที่ยวแคนาดาได้ในตอนนี้นะ ใช่ครับ ที่นี่คือประเทศไทย ไม่ต้องไปถึงแวนคูเวอร์ก็สามารถมาดูทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีได้ เหมือนกับในตอนนี้ ที่พวกเรากำลังโดนมนตราแห่งธรรมชาติ สะกดไม่ให้ละสายตาไปจากภูมิประเทศรายรอบตัวเรา ทุก ๆ ปี เราจะนัดกัน 1 ครั้ง เพื่อขึ้นมาเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ เดิมทีจะมีกันทั้งหมด 4 คน แต่ปีนี้ เหลือเพียง 3 คน เนื่องด้วยภาระกิจต่าง ๆ ทำให้เวลาของทุกคนมันยากซะเหลือเกินที่จะบรรจบตรงกันได้ บางคนถึงกับยอมหอบเอางานขึ้นมาทำที่เชียงใหม่ ปีก่อนเราไปชมดอกพญาเสือโคร่งบานที่บ้านขุนวาง จะว่ามันเหมือนซากุระหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ ไม่เคยได้ไปดูซากุระซักที ยังคงสงสัยว่าทำไมจะต้องเอาไปเปรียบเทียบกัน พญาเสือโคร่งก็สวยในแบบของมัน ซากุระก็งามในแบบที่มันเป็น อย่าว่าแต่ดอกไม้ที่ไฮโซขนาดนั้นเลย แม้แต่ดอกหญ้าข้างทางก็มีความงามที่รอให้ใครซักคนมาค้นพบ และปีนี้...เรามีเป้าหมายที่จะไปเยือนสวนดอกไฮเดรนเยียที่โครงการหลวงบ้านขุนแปะกัน เหมือนเช่นทุกปี ผมอาสาเป็นพลขับพาทุกคนไปยังจุดหมายเพราะค่อนข้างมีประสบการณ์ในการขับรถขึ้นเขาลงห้วย เคยมีหมอดูทำนายว่าชาติที่แล้วเป็นคนเกาหลีขับสิบล้อมาก่อน ฟังดูแล้วก็แปลก ๆ นะ คือเป็นคนเกาหลีก็พอจะชื่นใจอยู่แต่ทำไมต้องขับสิบล้อ จะชมหรือจะชม เอ๊ย จะชมหรือจะด่าก็ไม่รู้ ออกทะเลไปซะไกลกลับมาขึ้นเขากันต่อดีกว่า เนื่องจากเราพักกันคนละที่ จึงต้องมีการนัดแนะเวลากันให้เรียบร้อย ตกลงเวลากันที่ 9 โมงตรงเป๊ะ ผมเป็นคนขับไง ก็เลยต้องรีบตื่นขึ้นมาล้างหน้า แปลงฟัน อาบน้ำ กินข้าว แล้วรีบไปรอเพื่อน ๆ กะว่าจะได้ออกไปเร็ว ๆ มีเวลาแวะระหว่างทางได้เยอะ ๆ แต่พอมาเห็นเพื่อน ๆ ตอนถึงที่พักของพวกมันแล้ว ก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่า บรรยากาศหน้าหนาวของจังหวัดเชียงใหม่สำหรับใครหลาย ๆ คนมันสวยงาม สบาย สดชื่น ที่พักแต่ละที่ก็ตกแต่งอย่างอลังการงานสร้าง คือมีมุมให้ถ่ายรูปได้แบบว่าไม่เบื่อกันเลยทีเดียว เลยเปลี่ยนแผน เป็นไม่ต้องรีบเร่ง ให้เพื่อน ๆ กินข้าวเช้า ถ่ายรูปกันไปให้เพลิดเพลิน ล่วงเลยเวลานัดมาได้โค- ตะ-ระ มากแล้ว เราก็เดินทางออกจากบริเวณที่พักแถว ๆ ถนนนิมมานเหมินทร์ หรือที่เค้าเรียกกันสั้น ๆ ว่า นิมมาน ขับรถที่เช่ามาเลียบคันคลองชลประทานไปเรื่อย ๆ จะเป็นทางเลี่ยงเมือง คือเลี่ยงการเข้าไปติดไฟแดงในตัวอำเภอหางดง กับ อำเภอสันป่าตอง ซึ่งวันหลังถ้ามีโอกาสไปแถวนั้่นอีกจะได้นับไฟแดงมาให้ว่ามันมีกี่อัน เพราะมันเยอะมาก ๆ หลุดจากตัวเมืองมาได้ก็จะพบกับที่ราบกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ที่สุดทางนั้น ก็จะเห็นทิวเขารายล้อมเหมือนกับอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขายังไงยังงั้น บริเวณนี้ส่วนมากจะเป็นนาที่ผ่านการเก็บเกี่ยวแล้วจะเป็นสีทองอร่าม อาจจะดูแห้ง ๆ ไปหน่อยแต่ก็สวยไปอีกแบบ ขับรถสบาย ๆ ชมทิวทัศน์ทุ่งนามาได้ซักพัก ก็จะเลี่ยวขวาไปยังอำเภอจอมทอง วันที่เรามามันเป็นช่วงกลาง ๆ เดือนธันวาคม คนยังไม่เยอะ ขับรถสบาย ๆ แต่ไม่มีใครคุยอะไรกันเลย แต่ละคนเอาแต่จัดการธุระกิจพันล้านกันจนแทบจะไม่มีเวลาเงยหน้าขึ้นมาสนทนากับใคร ผมก็ยังคงตั้งใจขับรถเพ่งสมาธิอยู่ที่ท้องถนน ตัดทะลุอำเภอจอมทองไปสู่อำเภอฮอด เจ้าสวนดอกไม้ของเรามันอยู่ระหว่างจอมทองกับฮอด จากตัวอำเภอ มาแค่อึดใจก็ถึงทางเข้า ซึ่งถ้าจะสังเกตจริง ๆ คงไม่ยากแต่ถ้าให้แน่เปิด GPS มาเถอะครับ เข้าสู่ถนนชุมชนแคบ ๆ เล็ก ๆ เริ่มมีเสียงวี้ด ว้าว ให้ได้ยินบ้าง เพราะทิวทัศน์ในหมู่บ้านเริ่มจะสวยงาม และความตกตะลึงแรกก็มาสู่พวกเรา แทบไม่ได้นัดหมาย ทุกคนทิ้งภาระกิจแสนล้านลงทันที พร้อมกับชื่นชมความงามของธรรมชาตินอกตัวรถ ต้นไม้ที่ใบเป็นสีเหลือง สีส้ม สีแดง ผุดขึ้นตรงหน้าเราเต็มไปทั้งขุนเขา ผมอยากจะปล่อยมือจากพวกมาลัยรถ แล้วถ่ายรูปเสียเหลือเกินแต่ก็ทำไม่ได้ ไม่งั้นจะพากันลงเหว ขับรถไปตามทางคดเคี้ยวของไหล่เขา กำลังเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีได้ไม่นานก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ชุมชนบ้านขุนแปะ พอมาถึงเราจะต้องจอดรถเอาไว้ในลานจอดที่ทางชุมชนเตรียมไว้ให้ และใช้บริการของชุมชน เป็นรถกระบะของคนในชุมชน เสียค่าบริการคันละ 500 บาท พวกเราไปกัน 3 คน เจ้าหน้าที่เลยถามเราว่าจะรอแชร์กับคนอื่นไหม ถ้าไม่อยากแชร์ก็ไปกันเองได้เลย พวกเรานั้นรวยมากมีธุระกิจกันคนละหลายพันล้าน จึงรอแชร์กับคนอื่นดีกว่า555 จริง ๆ จ่ายเถอะครับ 500 บาท ถือว่าเป็นการอุดหนุนชุมชน ให้พวกเขาได้มีกำลังใจที่จะปลูกดอกไม้สวย ๆ ให้พวกเราได้ดูไปนาน ๆ เผื่อให้คนที่ยังไม่มีโอกาสมาวันนี้ได้มาเที่ยวในวันหน้า นั่งรอกันไม่นานก็มีสมาชิกมาเพิ่มเป็นสาวสวยอีก 2 คน คิดหารเฉลี่ยด้วยแคลคูลัสชั้นสูงแล้วเราจะเสียค่าโดยสารคนละ 100 บาท โอ๊ย เงินในกระเป๋ามันสั่นระริก จึงไม่อยากรอใครอีก ไปกันเลยดีกว่า แต่จริง ๆ แล้ว รถมันนั่งได้ 8-10 คนเลยครับ เป็นรถกระบะที่นั่งข้างหน้าได้ 3-4 คน แล้วนั่งตรงกระบะหลังได้ หลายล้านคนเลยทีเดียว แนะนำอีกนิดว่า เอาหมวกหรือผ้าคลุมหรือเสื้อคลุมไปด้วยจะดีมากเพราะทางยังเป็นถนนลูกรัง ดังนั้นจังหวะที่รถขับเร็ว ๆ ก็จะเป็นฝุ่นไปหมด ออกจากจุดจอดรถแล้วก็ต้องร้องโอ้โหอีกครั้ง ในระหว่างทางที่ไปยังสวนดอกไม้ พ่อ ๆ แม่ ๆ คนท้องถิ่นเค้าปลูกต้นคริสมาสต์ที่ใบสีแดงเป็นรั้วบ้าน เป็นแนวยาวไปตลอดสองข้างทาง สวยงามมากคือจังหวะของสีสันมันพอดี ใบไม้แดงแปร๊ด ตัดกับฟ้าครามกระจ่างใจในบางแปลงก็มีดอกไม้สีม่วง ๆ อยู่ด้วยผมก็ไม่ทราบได้ว่ามันคือดอกอะไร แต่ไม่ใช่เจ้าไฮเดรนเยียเป็นแน่แท้ ตลอดเส้นทางที่เราไป เต็มไปด้วยดอกไม้แดง ๆ และวิวทุ่งนาขั้นบันไดอยู่ไกลลิบ ๆ ผมพยายามถ่ายรูปสองข้างทางด้วยมือถือราคาไม่กี่พัน อยากถ่ายรูปก็อยาก แต่ถนนหนทางก็ดูไม่ค่อยเป็นใจ กระเด้งกระดอนจนมือถือจะตกมิตกแหล่ เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงแปลงดอกไม้ซึ่งเต็มไปด้วยดอกช่อทรงกลมสีม่วง ๆ ละลานตาเต็มไปหมด วันนี้ดีมากด้วยเพราะคนน้อย เราเลยใช้เวลาในการถ่ายภาพเจ้าดอกไม้ม่วงกันอย่างจุใจ ขากลับเพื่อนคนหนึ่งถึงกับเอ่ยว่า มาเที่ยวรอบนี้แค่สองข้างทางก็คุ้มแล้ว ผมเลยพูดต่อว่า จริงเนอะ ดอกไฮเดรนเยีย เหมือนเป็นกำไรให้เราเลย