เปิดภาพด้วยฝูงคนมหาศาลจาก “วัดร่องขุ่น”น่าจะเคยเห็นภาพสวย ๆ ที่ไร้ผู้คนไปกันเยอะแล้ว มาดูแบบเรียล ๆ กันบ้าง ฮึ๊บ! กลั้นใจฝ่าดงฝูงคนเข้าไปข้างใน ขอสารภาพก่อนเลยนะคะ ทริปนี้เป็นทริปสั้น ๆ แบบสั้นมากจริง ๆ โดยขับรถยนต์จากเชียงใหม่แว๊บไปเชียงรายเพื่อไปแค่ 3 สถานที่นี้โดยเฉพาะ แล้วต้องรีบกลับเชียงใหม่ ก็เลยให้เป็นมินิทริปของเราก็แล้วกันเนาะ ประทับใจกว่าสถานที่น่าจะวิวภูเขาระหว่างทางนี่แหละ ..รักป่า รักเขา ไม่ต้องรักเราก็ได้ ฮ่า ๆ ประเดิมด้วยสถานที่แรกกันเลยนะคะ วัดร่องขุ่น เป็นสถานที่ร่ำลือกันเรื่องศิลปะที่สวยงามอีกที่หนึ่ง ว่ากันว่า.. แม้กระทั่งห้องน้ำก็ยังสวย จึงอยากไปเยือนสักครั้งให้เป็นบุญตา มาดูประวัติคร่าว ๆ ของสถานที่แห่งนี้กันบ้างดีกว่าค่ะ วัดร่องขุ่น เป็นวัดพุทธ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน วัดร่องขุ่นถอดแบบมาจากวัดมิ่งเมือง จังหวัดน่าน (วิกิพีเดีย) ความหมายของอุโบสถ สีขาว : พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า สะพาน : การเดินข้ามจากวัฏสงสารสู่พุทธภูมิ เขี้ยว หรือ ปากพญามาร : กิเลสในใจ สันของสะพาน : มีอสูรอมกัน ข้างละ 8 ตัว 2 ข้าง รวมกันแทนอุปกิเลส 16 กึ่งกลางของสะพาน : เขาพระสุเมรุ ดอกบัวทิพย์ : มี 4 ดอกใหญ่ตรงทางขึ้นด้านข้างอุโบสถแทนซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ บันไดทางขึ้น : มี 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ออกจากอุโบสถเลี้ยวขวาเดินต่อไปด้านหลังวัด จะพบกับ "หอพระพิฆเนศ" โดยที่ทราบกันดีว่าพระพิฆเนศเป็นเทพแห่งความสำเร็จ แต่เราไม่ได้เข้าไปสักการะนะคะ มัวแต่เดินชื่นชมสถาปัตยกรรมอยู่รอบนอกจนเพลิน มาอีกที อ๊าววว คนเพียบ! ออกจากวัดร่องขุน ไปต่อที่ “วัดร่องเสือเต้น” ตั้งอยู่ที่ชุมชนร่องเสือเต้น ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ที่พระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยศิลปะแบบไทยประยุกต์ จากฝีมือการรังสรรค์ของ นายพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และเคยเข้าไปทำงานที่วัดร่องขุ่น ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ สีขาวมุกขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร โดยมีพระรอดลำพูนจำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองหลายสิ่งถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ รวมทั้งบริเวณพระเศียรก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่เราชอบวัดนี้คงเพราะมีสีน้ำเงิน ใช่ค่ะ ชอบสีน้ำเงิน มันดูเงียบสงบ เหมือนเวลาเรามองท้องฟ้าแล้วรู้สึกถึงความสงบภายในใจ และสถานที่สุดท้ายของทริปนี้ชาไปทั้งตัว.. ไร่ชาฉุยฟงกะจะหนี P.M.2.5 ไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย ไร่ชาฉุยฟงเป็นไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงรายเลยก็ว่าได้ เป็นของบริษัท ฉุยฟงที จำกัด มีประวัติการปลูกชาที่ยาวนานนนนนนนนนนนมากกว่า 40 ปีแหนะ การเดินทาง ใช้เส้นทางเชียงราย-แม่จัน ประมาณ 20 กิโลเมตรจะเจอป้ายทางเข้าที่เขียนว่าทางไปไร่ชาฉุยฟงอยู่ทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าซอยไป แล้วขับตรงไปเรื่อย ๆ ขับขึ้นเนินเตี้ย ๆ ไปอีกนิดก็จะเจอไร่ชาฉุยฟง มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียว เขียว เขียวเต็มไปหมดเลย มันดีต่อใจสุดแล้ววววววววว (ว.แหวนล้านตัว) ขอปิดท้ายด้วยภาพไร่ชาแล้วกันนะคะ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีค่ะ ค่าใช้จ่ายสำหรับมินิทริป เติมน้ำมัน 500 บาท ค่าก๋วยเตี๋ยว 40 บาท รวม 540 บาท