>> ภาพปกโดยผู้เขียนค่ะ << ช่วงต้นปี 2019 ผู้เขียนมองหากิจกรรมหรือกีฬาใหม่ ๆ เพราะส่วนตัวชอบความท้าทายตัวเอง และอยากจะเพิ่มทักษะความสามารถของตัวเองในทุก ๆ ด้าน ก็ได้มีรุ่นพี่ที่ทำงานแนะนำให้ผู้เขียนลองเรียนเค้นโด้ และรุ่นพี่คนนี้เป็นนักกีฬาเคนโด้เช่นกัน แถมยังเป็นผู้ฝึกสอนให้กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงด้วยค่ะ ผู้เขียนจึงลองค้นหาข้อมูลก่อนที่จะตอบตกลง ซึ่งกีฬาชนิดนี้ตามประวัติความเป็นมา แต่เดิมเป็นศิลปะการต่อสู้ของชาวญี่ปุ่น ซึ่งจะใช้ดาบในการต่อสู้ เช่นเดียวกับเหล่าซามูไร ต่อมามีการถ่ายทอดให้ใช้เป็นดาบไม้ไผ่ และกลายเป็นกีฬายอดนิยมสำหรับชาวญี่ปุ่น ถ้าเทียบกับบ้านเราก็จะเป็น มวยไทย การฟันดาบ เป็นต้น สำหรับบ้านเรา เคนโด้ ไม่ค่อยเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากอุปกรณ์และเครื่องแต่งกาย มีราคาค่อนข้างแพง และการฝึกซ้อมต้องอาศัยความอดทน ความตั้งใจสูงมาก มาดูกันว่าอุปกรณ์และเครื่องแต่งกาย มีอะไรกันบ้างค่ะ >> ภาพถ่ายจากผู้เขียนค่ะ << 1. ดาบไม้ไผ่ เรียกว่า ชิไน ( Shinai ) >> ภาพถ่ายจากผู้เขียนค่ะ << 2. เสื้อ เรียกว่า เคโกกิ ( Kegoki ) >> ภาพถ่ายจากผู้เขียนค่ะ << 3. กางเกง เรียกว่า ( Hakama ) 4. ชุดเกราะ เรียกว่า โบกุ ( Boku) ชึ่งประกอบไปด้วย >> ภาพถ่ายจากผู้เขียนค่ะ << ศีรษะ (เม็ง = Men) >> ภาพถ่ายจากผู้เขียนค่ะ << เสื้อเกราะหน้าอก (โด = Do) >> ภาพถ่ายจากผู้เขียนค่ะ << สนับข้อมือ (โคเทะ = Kote) >> ภาพถ่ายจากผู้เขียนค่ะ << ส่วนสะโพก (ทาเระ = Tare) หลังจากที่ผู้เขียนได้อุปกรณ์และเครื่องแต่งกายครบแล้ว ก็เริ่มไปเรียนกับรุ่นพี่ที่ทำงานเลยค่ะ ช่วง 1- 2 เดือนแรก จะเป็นการฝึกเกี่ยวกับท่าพื้นฐาน ผู้เขียนต้องฝึกนับเลขเป็นภาษาญี่ปุ่น คำศัพท์ที่ใช้เรียกในแต่ละท่าต้องจำให้ได้ แล้วก็ฝึกการตี จังหวะการก้าวเท้า ทุกท่วงท่าต้องดูสง่า ถูกต้อง และแข็งแรง อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้กีฬาเคนโด้ เป็นกีฬาที่มีเสน่ เพราะผู้เล่นต้องผนวก ดาบ จิตใจ และร่างกายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะชนะคู่แข่งในสนามได้ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า เวลาที่นักกีฬาแข่งขันกัน บางคนสามารถเอาชนะคู่แข่งได้เพียงการตีแค่ครั้งเดียว แต่เป็นการตีที่เฉียบขาดมาก >> ขอบคุณภาพถ่ายจากเพจ Chiang Rai Kendo Club << เมื่อการฝึกในทักษะพื้นฐานเริ่มเข้าที่แล้ว ผู้ฝึกสอนก็ได้ลองให้ฝึกสู้กัน มีชื่อเรียกว่า เคโก๊ะ โดยใช้กติกาตามจริงที่ใช้แข่งขันกันเลยค่ะ จะมีการจับเวลา 1 นาที ใครไได้แต้ม 2 ใน 3 ก้เป็นฝ่ายชนะ ซึ่งแต่ละคนต่างก็งัดเทคนิคที่ได้ฝึกซ้อมกันมา เพื่อเอาชนะคู่แข่งให้ได้ >> ขอบคุณภาพถ่ายจากเพจ Chiang Rai Kendo Club << การให้คะแนน กรรมการจะดูว่าเราใช้เทคนิค หรือเรียกว่า waza ได้ถูกต้องหรือไม่ โดยเราจะต้องตีให้ถูกจุด คือ ศีรษะ men, ลำตัว do, แขนระหว่างข้อมือ kote >> ภาพถ่ายจากผู้เขียนค่ะ << การที่จะสามารถชนะคู่แข่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เพราะแต่ละคนต้องอาสัยความว่องไว แม่นยำของตัวเอง และรวมกับความหนักของชุดเกราะ ผู้เล่นจะเหนื่อยง่ายมากๆ ต้องอาศัยความแข็งแรงของร่างกายเข้าช่วยด้วยค่ะ อีกทั้งผู้เล่นจะไม่แสดงอาการเหนื่อยหอบ ให้คู่แข่งเห็นเด็ดขาด เพื่อเป็นการสร้างความกดดัน ความน่าเกรงขามค่ะ >> ภาพโดยผู้เขียนค่ะ << ผู้เขียนเรียนเคนโด้ เป็นระยะเวลากว่า 8 เดือนค่ะ และได้หยุดพัก เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่หลัง เนื่องจากออกกำลังกายหนักค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ และภูมิใจในตัวเองมาก ที่สามารถฝึกความอดทน และมีระเบียบวินัยต่อตนเองมากขึ้น หลังจากที่รักษาตัวหายดีจะกลับไปเรียนเคนโด้ต่อแน่นอนค่ะ