หากเราเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก อยากที่จะผ่อนคลายความตึงเครียด เราก็อยากที่จะไปสูดอากาศธรรมชาติ หาที่เงียบสงบให้พ้นจากความวุ่นวายในตัวเมืองกันใช่มั้ยคะ ทริปนี้เป็นทริปที่เราตั้งใจจะไปดริปกาแฟท่ามกลางธรรมชาติที่เชียงรายกับครอบครัวกันค่ะ เราแพลนเที่ยวเชียงราย 3 วัน 2 คืนนะคะ โดยขึ้นไปพักที่ดอยผาหมีเพื่อดริปกาแฟ เก็บผลเมล็ดกาแฟ และลงมาที่ดอยแม่สลองเพื่อเที่ยวไร่ชากันค่ะ แต่เราขอรีวิวทริปที่ดอยผาหมีกันก่อน เพื่อนๆ ที่สนใจเที่ยวบรรยากาศธรรมชาติสามารถตามรอยทริปนี้ของเรากันได้เลยค่ะ เริ่มตั้งแต่การเดินทางจากกรุงเทพกันเลยนะคะ เรามาสายการบินพี่นกแอร์ค่ะ ออกจากสนามบินดอนเมือง 10.30 น. ถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย 11.30 น. นั่งมาประมาณชั่วโมงนึงแป๊บเดียวเองค่ะ… หลังจากถึงสนามบินเรียบร้อย เราก็มารับรถที่เช่าไว้กันค่ะ เราจองตั้งแต่ก่อนเดินทางมาประมาณ 2 อาทิตย์ ผ่านทางเวป drivehub นะคะ รถที่เราเช่าเป็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่น vios จากคนพื้นที่ค่ะ รถเค้ายังใหม่อยู่เลย เป็นรถปี 2018 เราเช่ามาราคา 850 บาทต่อวันค่ะ ถ้ารถรุ่นใหญ่หรือใหม่กว่านี้ก็ประมาณ 1,000 บาทต่อวัน ถ้าพวกกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อจะประมาณพันกว่าเลยค่ะ เรามากัน 4 คน คิดว่ารถประมาณรุ่นนี้ก็พอแล้วค่ะ แต่เพื่อความอุ่นใจขอรถที่ใหม่นิดนึงค่ะ 55 สามารถขับขึ้นดอยได้เหมือนกัน แต่ถ้าเพื่อนๆ อยากสบายใจในการขับขึ้นดอยก็จะเช่าพวกรถกระบะก็ได้ค่ะ Let’s go... กันเลยพิกัดแรกของเราก็มุ่งขึ้นสู่ดอยผาหมีกันเลยค่ะ เปิด google map นำทางไปอย่างเดียวเลยค่ะ ใช้เวลาจากสนามบินประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเราจะเข้าที่พักฝากกระเป๋าไว้ก่อนนะคะ ทางขึ้นดอยช่วงแรกยังไม่ชันเท่าไร แต่ถ้าเลยขึ้นจากที่พักของเราไปแล้วจะชันขึ้นมาอีกค่ะ และขอฝากไว้นิดนึงนะคะ ข้างบนดอยจะไม่มีพวกร้านเซเว่น หรือมินิมาร์ทอะไรเลยนะคะ แนะนำว่าให้ซื้อเสบียงตุนเอาไว้ในช่วงที่ขับผ่านถนนใหญ่เอาไว้ก่อนค่ะ และแล้วก็มาถึง...ขอต้อนรับเข้าสู่หุบเขาดอยผาหมี 555 บรรยากาศมันให้มากเลยค่ะ แบบว่าดูลึกลับ เงียบสงบปลีกวิเวกซ้อนเร้นจากโลกภายนอก 55 และแล้วก็มาถึงที่พักของเราค่ะ 1 ในไฮไลต์ที่ดอยผาหมีเราก็คือที่พัก “ม่านฟ้า โฮมสเตย์” แห่งนี้เลยค่ะ เราจองจากหน้าเพจ facebook ของที่พัก เราพักห้องครอบครัว 5 ท่าน ราคา 2,000 บาทต่อคืน ที่ม่านฟ้าโฮมสเตย์เค้ามีสวนต้นกาแฟของเค้าเองอยู่ด้านล่างที่พักด้วยแหละ เราขอเค้าเข้าไปเก็บได้ค่ะ ^^ ที่นี่เค้าจะเก็บผลเมล็ดกาแฟแล้วนำไปลอกเปลือกออกให้เหลือแต่เมล็ดกาแฟแล้วนำไปส่งขายต่อค่ะ และเนื่องจากบังเอิญจริงๆ ค่ะ 555 เราได้ยินเสียงเค้าสีผลเมล็ดกาแฟพอดี๊ พอดี เลยขอไปดูเลยค่ะ เจ้าของเค้าก็ใจดีเนอะเป็นกันเอง เลยได้ชมแบบ exclusive สุดๆ ><&nbsp; อันนี้เค้าสีเปลือกผลกาแฟเพื่อให้ได้เมล็ดข้างในก่อนเอาไปล้างและตาก แล้วส่งขายเพื่อนำไปคั่วต่อให้ได้เมล็ดกาแฟแบบที่พวกเราเห็นตอนที่คั่วกันแล้วค่ะ ไฮไลต์ของที่พักที่นี่ ก็คือบรรยากาศช่วงเช้าจากจุดชมวิวของที่พักค่ะ ที่นี่เค้าทำสะพานยื่นออกไปเพื่อชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางหุบเขาด้วยแหละค่ะ เราสามารถเดินไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอดได้เลย ฟินน...จากนั้นเราก็ไปดริปกาแฟท่ามกลางธรรมชาติกันเลยค่าา กาแฟที่คั่วเองของดอยผาหมีกลิ่นหอมๆ ดริปท่ามกลางธรรมชาติที่โอบกอดด้วยขุนเขา ฟินนนน บริเวณที่รับประทานอาหาร เค้ามีลานนั่งดริปกาแฟแบบเปิดโล่ง สามารถมองเห็นวิวหุบเขาได้แบบพาโนรามากันเลยค่าา มาเที่ยวต่อกันที่ร้านกาแฟในหมู่บ้านดอยผาหมีกันบ้างดีกว่าที่นี่ร้านกาแฟเยอะมากค่ะ แต่ร้านที่แนะนำก็ต้อง...ร้านกาแฟดอยผาหมีเลยค่ะ ขับรถขึ้นมาจากที่พักของเรามาหน่อย ที่ร้านมีพี่หมีเป็น mascot ประจำร้าน ร้านเค้ามีที่นั่งหลายชั้นพร้อมจุดถ่ายรูปให้เราเลือกนั่งเยอะมากค่ะ ราคาของกาแฟอยู่ที่แก้วละประมาณ 50 - 100 บาท ที่ชั้นบนสุดมีที่นั่งจิบกาแฟห้อยขาชมวิวสวยมากค่าา ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่มีหมอกน่าจะฟินเลยล่ะค่ะ มาต่อกันที่ภูฟ้าซาเจ๊ะโฮมสเตย์กันค่ะ ที่ร้านนี้มีทั้งบริการกาแฟ อาหารและที่พัก เราแวะมาทานข้าวมื้อเย็นค่ะ ร้านอยู่ถัดขึ้นมาจากร้านกาแฟดอยผาหมีนิดนึงค่ะ ที่เราบอกตอนแรกว่าตั้งแต่ที่พักม่านฟ้าโฮมสเตย์ขึ้นมาทางจะเริ่มชันใช่มั้ยคะ เป็นทางที่รถวิ่งสวนกันและมีโค้งเยอะด้วยทำให้ขับยากนิดนึง ถ้าเพื่อนๆ จะนำรถขึ้นมาเราแนะนำว่าควรเป็นคนที่ขับรถชำนาญนิดนึง หรือจะเดินขึ้นมาดีกว่าค่ะ ดอยผาหมีแห่งนี้เมื่อก่อนเป็นพื้นที่ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จพระราชดำเนินขึ้นมาทรงงาน ซึ่งเมื่อก่อนไม่ได้มีถนนลาดยางที่เดินทางสะดวกสบายเหมือนเช่นทุกวันนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านจึงต้องทรงม้าขึ้นมาด้วยความยากลำบากพร้อมกับข้าราชบริพาร ซึ่งพื้นที่บริเวณภูฟ้าซาเจ๊ะแห่งนี้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงเคยประทับเพื่อพักผ่อนจิบพระสุธารสชา พ่อหลวงซาเจ๊ะซึ่งเป็นเจ้าของภูฟ้าซาเจ๊ะแห่งนี้อดีตท่านเป็นผู้ใหญ่บ้านผาหมีคอยรับเสด็จ และถวายงานอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันพ่อหลวงซาเจ๊ะยังมีชีวิตอยู่นะคะ ถ้าใครได้มีโอกาสไปที่ภูฟ้าซาเจ๊ะแห่งนี้แวะไปเยี่ยมท่านได้นะคะ ที่ที่พักเค้ากั้นบริเวณจัดนิทรรศการที่มีการเล่าเรื่องราวการเสด็จมาทรงงาน และพื้นที่ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพักจิบพระสุธารสชาไว้ให้ด้วยค่ะ รูปด้านล่างเป็นวิวจากบนภูฟ้าซาเจ๊ะที่เรานั่งรับประทานมื้อเย็นกันนะคะ บรรยากาศเงียบสงบมองออกไปเจอภูเขาที่โอบกอดหมู่บ้านผาหมีเอาไว้ 555 เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ ค่ะ แล้วก็อาหารส่วนใหญ่ของที่ดอยผาหมีเค้าจะมีส่วนประกอบที่เรียกว่า “รากชู” หรือ “รากซู” มาประกอบอาหารแทบจะทุกเมนูเลยค่ะ ทั้งไข่เจียวรากชู หมูสามชั้นผัดรากชู มันคือพืชชนิดนึงคล้ายๆ พวกต้นหอม ผักชีแต่มีรากที่ยาวและอวบกว่าค่ะ ชาวเขาเผ่าอาข่านิยมนำรากของพืชนี้มาประกอบอาหารกัน เป็นอย่างไรกันบ้างคะทริปดริปกาแฟ ชมขุนเขาที่ดอยผาหมีของเราจะฟินอินกันมั้ยคะ...ที่จริงเรามีเที่ยวถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน สระขุนน้ำมรกตที่เป็นไฮไลต์อีกอย่างของดอยผาหมีด้วยค่ะ และมีขึ้นไปชมวิวที่สุดรั้วเขตชายแดนไทย - พม่าที่ดอยช้างมูบกันด้วยเพื่อนๆ สามารถติดตามรีวิวของเราต่อกันได้เลยค่ะที่ผลงานนักเขียน Park Seo Goo หวังว่ารีวิวทริปดริปกาแฟของเราอันนี้จะถูกใจเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ ^^ เครดิตภาพทั้งหมด: โดยผู้เขียน เครดิตภาพ 4 โดย: facebook@ม่านฟ้า โฮมสเตย์ เครดิตภาพ 16,17: โดย: facebook @Doipameecoffee