สำหรับสาวกเหล่านักเดินทาง พร้อมจะออกเดินทางกันอีกครั้งแล้วหรือยังคะ ตบเท้าของคุณแล้วเตรียมขึ้นเหนือประลองและท้าทายระดับความเสียว ชมวิวทิวทัศน์ของสามประเทศ ณ สกายวอล์คเชียงราย สกายวอล์คผาเงาสามแผ่นดินได้เลยค่ะ วันนี้แอดขอแนะนำแลนด์มาร์กใหม่ที่จะให้คุณๆสามารถถ่ายรูปเช็คอิน อัพไอจี เฟสบุ๊ค และบอกทุกคนว่า "เฮ้ย กูไม่ได้ป๊อดนะโว้ยยย" (แฮ่ๆ ขออภัยในการใช้ภาษากันเองค่ะ) พร้อมรูปสวยๆกับวิวสวยๆในจังหวัดที่อยู่เหนือสุดในแดนสยามกันค่ะ แต่สำหรับใครที่ไม่ชินกับความสูง บางทีคุณอาจรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ทั่วท้องของคุณก็เป็นได้นะคะ (แอดก็เป็นค่ะ ><)จังหวัดเชียงรายตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศไทย มีอาณาเขตติดกับประเทศพม่าและประเทศลาว ทางตอนเหนือและตะวันออกติดกับจังหวัดพะเยา และจังหวัดลำปาง ทางทิศใต้ติดกับจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากภูมิประเทศที่มีทั้งภูเขาและแม่น้ำ จังหวัดเชียงรายจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย มีเยอะมากๆเลยนะคะ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวดังๆก็อย่างเช่น วัดร่องขุ่น ไร่ชาฉุยฟง สิงห์ปาร์ค บ้านดำ วัดร่องเสือเต้น วัดห้วยปลากั้ง พระธาตุดอยตุง ด่านพรมแดนแม่สาย และสามเหลี่ยมทองคำเป็นต้นค่ะ แต่วันนี้แอดจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์กใหม่ที่เพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2565 หรือในช่วงปลายปีที่เพิ่งจะผ่านมานี้เอง ซึ่งก็คือ "สกายวอล์คผาเงาสามแผ่นดิน" สกายวอล์คพื้นกระจกใสที่มีความสูงถึง 25 เมตรหรือเทียบเท่ากับตึก10ชั้น บนพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 400 เมตรสกายวอล์คเชียงราย สกายวอล์คผาเงาสามแผ่นดิน ตั้งอยู่บนไหล่เขาด้านทิศเหนือของพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ วัดพระธาตุผาเงา หมู่ที่ 5 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 486 เมตร และครั้งนี้แอดไม่ได้มาคนเดียวนะคะ แอดมาเที่ยวกับพี่ๆและเด็กๆค่ะ เนื่องจากเรามีธุระมาส่งพี่สาวที่ท่าอากศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายแต่เช้าตรู่ และเพื่อไม่เป็นการมาเสียเที่ยวจึงหาที่เที่ยวกันต่อค่ะ ><ซึ่งการเดินทางครั้งนี้แอดเดินทางด้วยรถส่วนตัวเพราะมากับครอบครัว ซึ่งเราก็ขับรถไปตามที่พี่จีพีเอสบอกกันเลยค่ะทุกคน ระหว่างทางมีขับผ่านสามเหลี่ยมทองคำด้วยนะคะ เมื่ออยู่ในรถมองไกลออกไปผ่านบานกระจกของประตูรถ ทางฝั่งตรงข้ามริมน้ำโขงก็จะเห็นตึกสูงที่มีลักษณะแปลกตาสักหน่อยตั้งอยู่ทางฝั่งประเทศลาว และยังมีบางตึกที่กำลังก่อสร้างอยู่ (ซึ่งคาดว่าทุนในการสร้างก็คงมาจากนักเสี่ยงโชคกระเป๋าหนาจากแดนมังกรล่ะมังคะ อิอิ)เมื่อขับรถผ่านสามเหลี่ยมทองคำ ไม่นานเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเราค่ะ ซึ่งการเดินทางไปยัง สกายวอล์คผาเงาสามแผ่นดิน รถส่วนตัวไม่สามารถขึ้นไปได้นะคะ แต่มีรถสองแถวของคนในพื้นที่ให้บริการรับส่งในราคา 30 บาทต่อคนอยู่ค่ะ สำหรับใครที่ขับรถมาเองสามารถจอดรดไว้ที่บริเวณลานจอดรถของทางวัดได้เลยนะคะ จากนั้นก็ให้ไปซื้อตั๋วรถสองแถวเพื่อนขึ้นไปยังสกายวอล์คกันค่ะ ถ้าหากไม่แน่ใจสามารถสอบถามคนในพื้นที่เพิ่มเติมได้เลยนะคะทุกคนหลังจากที่พี่สาวของแอดได้ไปสอบถามวิธีการขึ้นไปยังสกายวอล์คแล้ว และได้ความว่า การเดินทางเพื่อขึ้นไปยังสกายวอล์คผาเงาสามแผ่นดิน มีด้วยกันสองวิธีค่ะ วิธีแรกคือการไปด้วยรถรับส่งสองแถวของคนในพื้นที่ และวิธีที่สองคือการเดินขึ้นเขาค่ะ ซึ่งระยะทางก็ประมาณ 1 กิโลเมตรค่ะ และเราก็เลือกที่จะลองเดินขึ้นเขาูด แต่ว่าการเดินขึ้นเขาครั้งนี้เหมือนเป็นกิจกรรมแอดเวนเจอร์ปีนเขาเลยนะคะทุกคน ซึ่งถ้าหากใครอยากลองทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์สัมผัสประสบการณ์การปีนเขาท่ามกลางธรรมชาติ (กลางป่า) แอดขอแนะนำเลยนะคะ ระหว่างทางหากเดินไปได้สัก 500 เมตร ก็จะเจอกับพระธาตุจอมจันและอาราม ซึ่งสามารถขึ้นไปสักการะกราบไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลได้ค่ะแต่กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง หลายคนก็หอบแฮกๆไปแล้วนะคะ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเดินขึ้นเขาซึ่งเป็นบันไดสูงชันในช่วงแรกก่อนจะเจอกับอาราม และช่วงครึ่งหลังเป็นดินลูกรังอารมณ์เดินป่าสุดๆไปเลยค่ะ และขอบอกเลยว่าไม่มีใครเดินขึ้นมาเลยนอกจากแอดและครอบครัวค่ะ ระหว่างทางก็มีพักเป็นระยะๆ และคุณหลานคือไม่ไหวแล้วค่ะ ขอนั่งพักระหว่างทางเป็นระยะๆ ><เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ตรงทางเข้าจะมีซุ้มจำหน่ายบัตรเข้าอยู่ตรงริมถนนเลยค่ะ ซึ่งราคาก็ 40 บาท/คน ก่อนเข้าอย่างลืมหยิบรองเท้าผ้าซึ่งมีไว้สำหรับใส่เดินเข้าไปยังสกายวอล์คโดยเฉพาะนะคะ เพราะตัวสะพานเป็นกระจกนิรภัยลามิเนตจึงอาจเป็นรอยได้ สำหรับตัวสะพานมีความยาวอยู่ที่ 70 เมตร และรองรับคนได้มากถึง 100 คนเลยนะคะซึ่งวันนี้มีน้องๆนักเรียนมาทัศนศึกษาพอดี เลยดูคึกคักเป็นพิเศษค่ะ ลักษณะของตัวสกายวอล์คจะคล้ายกับตัวUเล็กน้อย ตรงจุดหักโค้งจะเป็นลักษณะวงกลมตรงกลางและเป็นหลายเหลี่ยมในวงนอกรูปร่างคล้ายใยแมงมุม จุดโค้งมนสองจุดยังมีต้นซากุระสีชมพูที่เบ่งบานเต็มที่ตั้งตระหง่านสะดุดตาเป็นพิเศษ และเมื่อยืนอยู่บนสกายวอล์คผาเงาสามแผ่นดิน ก็จะสามารถมองเห็นภูมิประเทศทั้งประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศเมียนมาร์ได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ แม่น้ำที่เห็นคือแม่น้ำโขงและฝั่งตรงข้ามคือประเทศลาว ส่วนประเทศเมียนมาร์จะเยื้องขึ้นไปอีกนิดค่ะ และเมื่อเดินมาจนสุดทางเดินแล้วจะเจอกับประตูทางออก ซึ่งก็เดินออกมาและถอดรองเท้าแล้ววางตรงตะกร้าที่อยู่ริมประตูทางออกได้เลยค่ะสำหรับใครที่หิวระหว่างวันตรงบริเวณวัดหรือก็คือบริเวณสถานที่ตั้งของสกายวอล์คผาเงาสามแผ่นดินก็จะมีร้านค้า ร้านขายของชำ ที่มีทั้งน้ำขนมนมเนย และของเล่นวางจำหน่ายในราคาที่ย่อมเยามากๆ หากเทียบกับราคาขายตามสถานที่ท่องเที่ยว และเมื่อแอดและครอบครัวนั่งพักดื่มน้ำ ซื้อของว่างทานเล่นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวลงเขากันค่ะ แต่ขากลับเราเลือกที่จะนั่งรถสองแถวลงไปนะคะเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินปีนเขาแล้วค่า ซึ่งหากไม่ได้ซื้อตั๋วรถไปกลับมา ขากลับก็ให้ไปรอที่จุดรับส่งและสามารถซื้อที่นั่งได้ที่พี่คนขับเลยค่ะ ราคาเที่ยวเดียวคือ 20 บาท/คน ส่วนเด็กเล็กพี่เค้าไม่คิดเงินค่ะ พอลงจากเขาเรียบร้อยแล้วแล้วแอดและครอบครัวก็เดินทางไปเที่ยวที่ด่านพรมแดนแม่สายแห่งที่ 1ต่อ จากนั้นก็เดินทางกลับบ้าน และจบทริปวันเดย์ทริปของวันนั้นค่ะสกายวอล์กผาเงาสามแผ่นดิน สกายวอล์คเชียงราย เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-18.00 น. (ยกเว้นวันที่ฝนตก หมอกลงจัด พื้นเปียกลื่น) ค่าเข้า 40 บาท/คน แอบได้ยินมาว่าพระ เณร เถร ชี นักเรียนในชุดนักเรียน และเด็กที่มีความสูงไม่ถึง 120 เซนติเมตร เข้าฟรีค่ะทุกคน และค่ารถบริการรับส่งคือ 30 บาท/คน สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางมาเที่ยว ถ่ายรูปอัพไอจี เฟสบุ๊ค วัดระดับความกล้า และพิสูจน์ว่าคุณกลัวความสูงหรือไม่ บนพื้นที่ที่สามารถมองเห็นวิวของทั้งสามประเทศที่ขั้นกลางด้วยสายน้ำ ในจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย ในราคาระหว่าง 40-70 บาท ราคานี้คือราคาของบุคคลทั่วไปนะคะ ซึ่งสนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก วัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โทรศัพท์ 09-5424-0126 ภาพทั้งหมดโดยครีเอเตอร์แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”