ภาพปกโดยผู้เขียนสวัสดีวันอีสเตอร์ค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เริ่มปรับตัวกับสถานการณ์ที่ต้องกักตัวอยู่บ้านและทำทุกอย่างแตกต่างไปจากปีก่อน ๆ กันหรือยัง ฮานะเดาว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงเสียดายที่ไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์แน่ ๆ เลยใช่มั้ยคะ ? ฮานะก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันค่ะ หงอย ๆ เลยล่ะ 55555 แต่ถึงจะอยากเล่นน้ำ อยากสนุกสนานมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่คุ้มกับการที่ต้องเสี่ยงติดเชื้อโควิดหรอกเนาะ ดังนั้น เรามาอยู่บ้านกักตัวเพื่อชาติกันต่อไปค่ะ (Keep fighting !!!) วันนี้ฮานะไม่ได้มาเล่าเรื่อง COVID-19 หรือออกความเห็นต่อเทศกาลสงกรานต์หรอกนะคะ แต่จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ “วันอีสเตอร์” ในวันที่ไม่เหมือน “วันอีสเตอร์” วันอีสเตอร์ ในปีที่ไม่เหมือนปีก่อน ๆ เท้าความก่อนเลยนะคะ ฮานะนับถือศาสนาคริสต์ค่ะ และวันอีสเตอร์ก็เป็นวันสำคัญของชาวคริสต์ แต่ถึงเพื่อน ๆ จะไม่ได้นับถือคริสต์ก็ไม่เป็นไรนะคะ ถือว่าฟังสนุก ๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ซีเรียสนะ :) ภาพประกอบโดย : https://pixabay.com วันอีสเตอร์เป็นวันที่สำคัญมาก ๆ สำหรับชาวคริสต์ทั่วโลก เพราะเชื่อว่าเป็นวันที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนม์ชีพหลังจากสิ้นพระชนม์ได้สามวัน (หรือเรียกว่า ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายนั่นเอง) ทั่วโลกจึงเฉลิมฉลองเพื่อระลึกถึงการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า และเชื่อว่าทุกคนที่เชื่อจะมีชีวิตใหม่ดั่งพระเยซูคริสต์ การฉลองนี้จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งฤดูใบไม้ผลินี้เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่ (พืชผักต่าง ๆ ก็มักจะปลูกในช่วงนี้) ต้นไม้ใบหญ้าที่แห้งเหี่ยวตายในฤดูหนาวกลับผลิดอกออกใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งวันอีสเตอร์จะเป็นวันอาทิตย์ และอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน แน่นอนว่าแต่ละปีก็ไม่ตรงกัน (ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน) ภาพประกอบโดย : https://pixabay.comวันอีสเตอร์ในยุโรปจะยิ่งใหญ่มาก ๆ ค่ะ ยกตัวอย่างในประเทศอิตาลี จะมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ทั้งการเล่นละครอันศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับเรื่องราวของพระเยซูเจ้า มีการรับประทานอาหารร่วมกันกับครอบครัว และที่สำคัญ เด็ก ๆ จะรักวันนี้มาก เพราะในวันอีสเตอร์จะเต็มไปด้วยขนม และของขวัญมากมาย โดยสัญลักษณ์ที่แสดงถึงวันอีสเตอร์ได้แก่ไข่แดง (ที่ต้มสุกแล้ว) และกระต่ายค่ะ ซึ่งฮานะคิดว่าในประเทศไทยเราไม่ค่อยมีเจ้ากระต่ายตัวน้อยมาร่วมด้วยเท่าไหร่นะคะ อาจจะเพราะมันมีชีวิตล่ะมั้ง จึงดูไม่สมควรเท่าไหร่ หากจะนำมาร่วมกิจกรรมด้วย จึงมีการนำวัสดุอื่น ๆ มาจำลองเป็นรูปทรงกระต่ายมากกว่าเอาล่ะ !! ทีนี้เพื่อน ๆ ก็ทราบถึงที่มาของวันอีสเตอร์ไปบ้างแล้ว (ใครอยากหาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถหาอ่านได้จากใน Google เลยนะคะ ข้อมูลแน่นมาก ฮานะขอข้ามไปเลยดีกว่า) คราวนี้มาดูบรรยากาศของวันอีสเตอร์ในปีที่ไม่เหมือนปีไหนเลย วันที่เงียบเหงามาก ๆ เพราะ COVID-19 ทำพิษ มาดูกันค่ะ ว่าปีนี้ฮานะทำอะไรบ้าง ฮานะเป็นเด็กชนเผ่าอาข่า และอาศัยอยู่ในหมู่บ้านอาข่า จึงสัมผัสกับบรรยากาศวันอีสเตอร์มาตลอดทั้งชีวิต ทุก ๆ ปีในช่วงนี้ เราทุกคนจะตื่นเต้นกันมากค่ะ เพราะทุก ๆ บ้าน (ย้ำว่าทุกบ้าน) จะต้องต้มไข่แล้วนำไปย้อมสีแดง (สีอื่นก็ได้นะ แต่จะนิยมสีแดงเป็นส่วนใหญ่) วิธีการทำ เดี๋ยวฮานะจะอธิบายคร่าว ๆ นะคะ เพื่อน ๆ ดูภาพประกอบไปด้วย จะเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้นค่ะ ภาพประกอบโดยผู้เขียนขั้นตอนแรก เราจะนำพืชสมุนไพรที่ปลูกไว้ (ฮานะไม่ทราบชื่อค่ะ ต้องขออภัยเพื่อน ๆ ด้วย) มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด บดใส่ครกจะสะดวกที่สุดค่ะ แล้วนำพืชที่บดเสร็จแล้วใส่ลงไปในหม้อต้มน้ำที่เดือดแล้ว จากนั้นก็ใส่ไข่ตามลงไป วระหว่างต้มต้องคอยคนเป็นช่วง ๆ นะคะ สีจะได้ติดอย่างสมำเสมอค่ะ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีโดยประมาณ สามารถคาดเดาเวลาไข่สุกคร่าว ๆ ได้นะคะภาพประกอบโดยผู้เขียนขั้นตอนต่อไป เมื่อเรามั่นใจว่าไข่สุกแล้วแน่ ๆ ให้นำไข่มาเทใส่ตะกร้า ล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาใส่ภาชนะที่แห้ง อาจจะนำผ้ามารองด้วยก็ได้นะคะ ป้องกันไข่แตกค่ะ แต่ในภาพ แม่ฮานะนำมาวางบนขันโตกเลย 555555ภาพประกอบโดยผู้เขียนจบไปแล้วค่ะ วิธีทำไข่แดงง่าย ๆ ความจริงแล้ว นอกจากไข่แดงเรายังมีอีกหนึ่งเมนูที่ขาดไม่ได้ เรียกว่า ถ้ามีไข่ ก็ต้องมี “สิ่งนี้” ด้วย เมนูนี้คนอาข่าเรียกว่า “แตปุ” ซึ่งแตปุเป็นขนมชนิดหนึ่งคล้ายกับขนมจอกเนี่ยแหละค่ะ แต่จะแตกต่างกันที่รูปร่างเท่านั้น โดยขนมจอกจะมีรูปทรงเป็นสามเหลี่ยนทรงจั่ว แต่แตปุขนมอาข่าจะมีรูปทรงแบน ๆ และเป็นสี่เหลียมผืนผ้า ส่วนผสมที่ทำก็คล้าย ๆ กันค่ะ แต่แตปุจะผสมน้ำอ้อยที่นำมาบดอย่างละเอียดลงไปกับแป้งด้วย บางคนก็อาจจะใส่วัตุดิบอื่น ๆ ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติและรสสัมผัสด้วยค่ะ เช่น มะพร้าว ถั่วลิสง น้ำผิ้ง กล้วย อย่างในภาพ แม่ฮานะใส่ไส้มะพร้าวลงไปค่ะ ขอบอกคำเดียวว่าอร่อยมาก :)เพื่อน ๆ สงสัยกันมั้ยคะ ว่าทำไมฮานะถึงเน้นย้ำในข้างต้นว่าต้องต้มไข่แดงทุกบ้าน เพราะทำไมหน่ะหรอ ? ฮานะจะเล่าให้ฟังค่ะ โดยปกติแล้วคนอาข่าจะนำไข่แดงและแตปุ หรืออาจจะมีข้าวใหม่ด้วย ไปมอบให้แก่คนชราได้รับประทานก่อน (ทำนองว่า ให้คนแก่ชิมก่อนค่ะ เป็นการแสดงความเคารพและให้เกียรติอย่างหนึ่ง) เพื่อให้ท่านอวยพรในการปลูกพืชผักในฤดูกาลใหม่ โดยเชื่อว่าคำอวยพรของคนเหล่านี้ศักดิ์สิทธ์และจะส่งผลให้ผลผลิตออกมาสมบูรณ์ดีค่ะ เราจะนำไข่แดง ข้าวใหม่และแตปุไปให้คนชราทุกคนในหมู่บ้านเลยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหมู่บ้านนี้มีคนชราอยู่ 30 เราก็ต้องทำอย่างน้อย 30 ชุด เยอะใช่มั้ยล่ะคะ ความจริงแล้ว จำนวนคนชราในหมู่บ้านฮานะ เยอะกว่านี้อีกค่ะ ภาพประกอบโดยผู้เขียนถ้าจะนำไปให้แต่คนชรา มันจะสนุกอะไรล่ะจริงมั้ยคะ ไม่งั้นไม่เรียกว่าเทศกาลอีสเตอร์หรอก นอกจากจะนำไปให้คนชราแล้ว เรายังนำด้าย หรือไหมพรมมาสานเป็นรูปทรงรี ๆ เพื่อใส่ไข่แล้วนำมาคล้องคอ เพื่อสะดวกในการให้และการจัดเก็บ เพราะเรายังต้องนำไข่แดงไปให้เพื่อน ๆ หรือญาติ ๆ โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ เรียกได้ว่า ใครเป็นญาติ หรือใครสนิทกันแต่ไม่ได้รับไข่แดง แบบนี้ท่าจะไม่ดีแล้วค่ะ เพราะตามธรรมเนียมแล้ว เราต้องให้ทุกคนที่สมควรแก่การให้ รับมาก็ต้องให้ไป แลกใจกันค่ะ ฮานะยังจำภาพในปีก่อน ๆ ได้เลยค่ะ ว่าสนุกสนานมากเลยทีเดียว แต่ปีนี้เงียบเหงามากจริง ๆ เป็นทำนองว่า ให้ไป รับมา แลกกันแล้วแยกย้าย แค่นั้นจริง ๆ ค่ะ ไม่ได้มีการร่วมวงสนทนาอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ช่างงียบเหงาอะไรเช่นนี้ !!! ขออย่าให้ปีหน้าเป็นแบบนี้อีกเลยนะ แต่สำหรับปีนี้ถึงจะเงียบเหงาแต่มันก็ไม่ได้แย่ทีเดียวนะ ถือว่าเป็อีกหนึ่งความทรงจำดี ๆ ของ "วันอีสเตอร์" แล้วกัน#เราจะผ่านมันไปด้วยกัน#ดูแลตัวเองกันเยอะ ๆ นะคะทุกคน :)