เที่ยวชุมชนชาวอาข่า ตามรอยพระราชา ที่ดอยผาหมี จากภาพพระราชกรณีกิจที่เราคุ้นตาเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จไปถิ่นทุรกันดารโดยทรงม้าเข้าไปในหมู่บ้าน ภาพที่พระองค์เสวยเครื่องดื่มกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง และเหรียญที่ระลึกสำหรับชาวเขา ซึ่งไม่ใช่แค่เหรียญที่ระลึกแต่เป็นเหรียญที่ให้ความเป็นคนไทยกับชาวเขาที่พระองค์ทรงมอบให้ชาวอาข่าเพื่อแทนบัตรประชาชนในเวลานั้น แค่ได้นึกถึงสถานที่ต่างๆ ก่อนเดินทางก็อดตื่นเต้นไม่ได้ และยิ่งมีโอกาสได้พบบุคคลผู้เคยถวายงานในหลวงแล้วยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเราได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านมากขึ้น ในตอนเช้าของเดือนมกราคม ๒๕๖๓ อากาศเย็นสบาย 14 องศา การเดินทางจากเมืองเชียงรายไปยังดอยผาหมีเป็นเส้นทางป่าไม้ที่เขียวชะอุ่มโอบล้อมตลอดเส้นทาง ระหว่างการเดินทางก็อดคิดถึงสมัยเมื่อ 50 ปีที่แล้วไม่ได้ว่าเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จมาครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ นั้นการเดินทางจะยากลำบากเพียงใดในสมัยที่ยังไม่มีถนนหนทางแบบทุกวันนี้ เมื่อไปถึงดอยผาหมีเราเดินตามเสียงดนตรีของชาวอาข่าที่กำลังแสดงเต้นรำกระทุ้งไม้ไผ่ให้เราชมเป็นการแสดงเพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือน แล้วได้พบกับพ่อหลวงซาแจ๊ะ หรือ นายมนตรี พฤกษาพันธุ์ทวี คำว่าพ่อหลวงหมายถึงผู้นำ ซึ่งพ่อหลวงซาแจ๊ะเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านดอยผาหมีชาวเอาข่าผู้เคยถวายงานในหลวงรัชกาลที่ ๙ เราได้ฟังเรื่องราวรำลึกถึงความหลังที่ประทับใจในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เมื่อครั้งที่ในหลวงเสด็จมาถึง 3 ครั้ง และภายหลังจากการเสด็จของพระองค์ท่านได้เปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอาข่าให้ดีขึ้นตามลำดับ จากดอยที่เคยปลูกฝิ่นและเป็นแหล่งยาค้ายาเสพติดข้ามแดนกลายเป็นไร่กาแฟ และผลไม้ต่างๆ เช่น ลิ้นจี่ แมคคาเดเมีย จนกระทั่งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนในปัจจุบันซึ่งเกิดจากการร่วมมือกันของคนในชุมชน ระหว่างฟังเรื่องราวเพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวน้ำก็เริ่มเอ่อล้นตาเรารู้สึกอบอุ่นอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก อาหารกลางวันมื้อนี้เป็นอาหารชาวอาข่า รสชาติอร่อยแปลกลิ้นเพราะเครื่องปรุงหลักของที่นี่จะเป็นเกลือและรากชู ซึ่งเป็นผักอเนกประสงค์ของคนอาข่า ตระกูลเดียวกับกระเทียมต้นหอม รากมีสีขาวยาว ชาวอาข่าถือว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญในการประกอบอาหารและปรุงรสกับอาหารได้หลากหลายชนิดเพื่อทำให้รสชาติของอาหารดีขึ้น เมนูวันนี้ได้แก่ ลาบหมูอาข่า รากชูผัดหมู มันเทศบดอาข่า น้ำพริกอาข่าพร้อมผัก ปลานิลราดซอสมะเขือเทศและต้มฟักสมุนไพร อาหารที่นี่ไม่เพียงแค่รสชาติดีแต่ยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอีกด้วย หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วก็ได้เวลาทำกิจกรรม กิจกรรมแรกคือ การดริปกาแฟจากกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งกาแฟที่ใช้ในการดริปป็นกาแฟสายพันธ์อาราบิก้าแบบคั่วกลางเพื่อให้เกิดความหอมนุ่มและยังมีความเป็นผลไม้อยู่ เมื่อดื่มแล้วจะมีรสชาติความเปรี้ยวของผลไม้ด้วย ขั้นตอนการทำคือเราใช้ครกในการบดเมล็ดกาแฟให้มีความละเอียดพอดี แล้วนำกระดาษกรองวางบนกระบอกไม้ไผ่เทน้ำร้อนให้ไหลผ่านกระดาษกรองก่อนเพื่อล้างกลิ่น จากนั้นจึงใส่กาแฟคั่วบดในกระดาษกรองแล้วค่อยๆ เทน้ำร้อนไหลผ่านเมล็ดกาแฟ ระหว่างขั้นตอนการทำจะได้กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟเหมาะสำหรับคนที่ชอบกาแฟสดอย่างยิ่ง หลังกิจกรรมได้ดื่มกาแฟสดฝีมือตัวเอง ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นคอกาแฟก็สนุกกับขั้นตอนการทำและกลิ่นกาแฟหอมๆ ท่ามกลางธรรมชาติ กิจกรรมถัดมาคือการทำข้าวปุ๊กหรือข้าวปุกงา เป็นอาหารประกอบพิธีมงคลของชาวอาข่า ทำจากข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ เอามาใส่ครกไม้และตำด้วยสากไม้ขนาดใหญ่ ตำจนข้าวเหนียวเป็นเนื้อเดียวกันคล้ายโมจิ จากนั้นใช้สากไม้ม้วนข้าวเหนียวขึ้นมา ตามความเชื่อต้องม้วนให้หมดภายใน 3 ครั้ง แล้วใช้ตอกรูดเนื้อข้าวเหนียวให้หลุดออกจากสาก นำมาปั้นเป็นคำๆ คลุกกับเกลือและงาขาวหรืองาดำ ซึ่งงาดำจะใช้ในพิธีมงคล หลังจากดูวิธีทำแล้วไม่น่ายากเแต่พอได้ลองตำเองถึงรู้ว่าข้าวเหนียวและหนืดมากจนแทบยกสากไม่ขึ้น ทำเสร็จแล้วได้ทานตอนอุ่นๆ รสชาติเค็มๆ มันๆ และอยู่ท้องดี ชาวอาข่าจะพกข้าวปุกงาเข้าป่าเป็นเสบียงไปทานระหว่างทางด้วย มาถึงกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้คือ การโล้ชิงช้า ประเพณีโล้ชิงช้าเป็นประเพณีศักดิ์สิทธิ์ของชาวอาข่าจัดเพียงปีละครั้ง ครั้งละประมาณ 4 วันในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งชาวอาข่ามีความเชื่อว่าชิงช้าสำหรับโล้ในประเพณีจริงห้ามแตะต้องก่อนกำหนดถ้าเผลอไปแตะหรือโล้เล่นจะถือเป็นการผิดผี ทางชุมชนจึงทำชิงช้าจำลองไว้สำหรับนักท่องเที่ยวให้ลองประสบการณ์การละเล่นพื้นถิ่นนี้ ตำนานของประเพณีการโล้ชิงช้าถือเป็นการฉลองให้กับเทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ ก่อนฤดูเก็บเกี่ยว และขอบคุณเจ้าป่าเจ้าเขาที่คอยปกปักษ์รักษา เสร็จสิ้นกิจกรรมก่อนจากกันชาวอาข่ามีพิธีมอบไข่แดง ซึ่งเป็นไข่ต้มย้อมสีแดงธรรมชาติจากสมุนไพรตระกูลว่านแล้วนำมาผูกกับเชือกฝ้ายที่ถักเองเป็นสร้อยคล้องคอ เปรียบเสมือนพิธีเรียกขวัญเพื่อความเป็นสิริมงคล ชาวอาข่าจะมอบให้แขกผู้มาเยือนพร้อมทั้งอวยพร ซึ่งไข่แดงที่ระลึกนี้ให้ทานเพื่อความเป็นสิริมงคลหรือเก็บเป็นที่ระลึกก็ได้ การมาเชียงรายครั้งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่ามากมาย และยิ่งเข้าใจว่าทำไมชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ ถึงรักในหลวงอย่างสุดหัวใจ แน่นอนว่าเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ‘อูดูถ่อมะ’ สวัสดีภาษาอาข่า แหล่งที่มาของภาพทุกภาพถ่ายด้วยตนเองเดือน ม.ค.2563