เมื่อมีช่วงพักเว้นวรรคจากการทำงาน เราทุกคนจะมีความโหยหาธรรมชาติ อยากย้ายร่างจากเมืองกรุงมุ่งหน้าสู่ท้องทุ่ง และเมื่อเหลือบมองเงินที่พอจะมีเหลือติดบัญชีในธนาคารอยู่นิดหน่อย ก็นิมิตว่าควรหาที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้ร่างกาย และ จิตวิญญาณภายในให้ชุ่มชื้นบ้าง จึงเลือกปักหมุดไปที่เมืองรองอย่าง “เขลางค์นคร” จ.ลำปาง เมืองเก่าแก่แห่งล้านนา เพราะชอบในความสงบแต่ไม่ถึงกับสงัด เพราะมีทั้ง วัดวาอาราม ผสมผสานความชิคด้วยมุมช็อปปิ้ง มุมถ่ายรูปที่ “ถนนคนเดิน กาดกองต้า” จึงคิดว่า ไปที่นี่ล่ะ เหมาะกับชีวิตวัยรุ่นตอนปลายอย่างเรา การเดินทางเราเลือกใช้บริการนครชัยแอร์ ให้รถได้ขับกล่อมโยกเยก หลับ ๆ ตื่น ๆ จนไปถึงรุ่งสางที่ บขส. ลำปาง แล้วเหมารถสองแถวเที่ยวต่อ วาร์ปไปถึงสถานที่แรก ประเดิมด้วยหาสิริมงคลเข้าตัวก่อน มุ่งตรงไปที่ อำเภอแม่ทะ เพื่อไปชมพุทธศิลป์ และ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ “วัดพระธาตุดอยพระฌาน” คุณลุงคนขับสองแถว จอดแล้วผายมือไปทางบันไดพญานาคสีขาว “เดินขึ้นทางนั้นนะ เดี๋ยวลุงรออยู่แถวนี้” ด้วยความที่ไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มเติมติดมือมา จึงเดินขึ้นไปแบบไม่ได้คิดอะไร ชมนกชมไม้ อากาศเย็นลมพัดเอื่อย ๆ เพราะเพิ่งจะ 6 โมงเช้า ระหว่างทางเดินขึ้นไป เจอนักท่องเที่ยวเดินสวนทางลงมา แล้วทักเราว่า “อุ๊ย เดินขึ้นกันมาหรือคะ?” เราตอบทันควัน “ค่ะ” แล้วในสมองก็คิดว่า “เอ๊ะ พวกคุณไม่ได้เดินขึ้นมาทางบันไดกันหรือ?” เดินไปได้อีกสักพัก นักท่องเที่ยวอีกกลุ่มเดินสวนลงมา ก็ทักทายแบบให้กำลังใจว่า “สู้ ๆ นะคะ” ตอนนั้นรู้แล้วล่ะว่าเป็นคำพูดปลอบใจให้หายเหนื่อยแน่นอน และ ค้นหาใน กูเกิล จึงรู้ว่า มีทางเดินรถพาขึ้นมาได้เช่นกัน แต่ธรรมชาติคงจัดสรรให้เราแล้ว เดินไปหายใจหอบไป จากอากาศเย็น ๆ จนเริ่มถกแขนเสื้อขึ้นเพราะร่างกายเริ่มระอุ ด้วยฤทธิ์ของพระอาทิตย์ที่ขึ้นเต็มดวง แต่เป้าหมายอยู่ที่ยอดเขา จึงมุ่งหน้าเดินต่อไปทีละก้าวด้วยใจอันสุนทรี จนครบ 624 ขั้น และแล้วก็ถึงยอดเขา สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้น สวยงามจนลืมเหนื่อยไปช่วงระยะหนึ่ง ชมวิวพร้อมลมพัดเย็น ๆ เพราะเปิดโล่งแบบ 360 องศา เสียดายที่มาช้าไป ไม่ทันได้เห็นทะเลหมอกบนยอดเขา แต่เท่านี้ก็แฮปปี้ที่สุดแล้ว ระหว่างถ่ายรูปไป สายตาก็เห็นประตูโบสถ์ที่ปิดอยู่ ในใจนึกเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปกราบพระ ทันใดนั้นได้ยินเสียงกุกกักจากข้างใน และแล้วหลวงพี่ก็เปิดประตูโบสถ์ออกมาเผยให้เห็นพระพุทธรูปด้านใน ถือเป็นความโชคดีที่ได้เข้าไปกราบสักการะแบบไม่เสียเที่ยว เมื่อเติมสิริมงคลแล้ว ถึงเวลาไปเช็คอินที่ สตรีทอาร์ต “ถนนคนเดิน กาดกองต้า” ตลาดเก่าที่คู่ขนานกับลำน้ำวัง มีจุดถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวได้แวะสะสมแต้มลงภาพให้โลกโซเชียลอิจฉา เพราะแต่ละภาพ น่ารัก น่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก อย่างเช่น ไก่ขาว ตัวนี้ ที่ใคร ๆ ก็ตามหา นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่น่ารัก ๆ ประปราย ที่ให้นักท่องเที่ยวได้แวะพักจิบชา กาแฟ เติมพลังก่อนเดินตามหาศิลปะบนกำแพงอีกหลายจุด เหมือนหา R.C. ในกิจกรรมแรลลี่ หากใครอยากเก็บให้ครบทุกจุด พึ่งพากูเกิลได้เลย มีหลายคนที่ทำหลายแทงไว้ แต่ทางเรานั้น อาศัยการเดินหาได้อารมณ์บันเทิงกว่าเยอะ เวลาเจอก็จะดีใจว่า “นี่ไง เจอแล้ว” และก่อนที่ดวงตะวันจะลับขอบฟ้า จุดสุดท้ายที่ต้องแวะมา คือ “สะพานขาว” หรือ “สะพานรัษฎาภิเศก” แลนด์มาร์คอีกหนึ่งแห่งของเมืองรถม้า ที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ทริปนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 วันก็เพียงพอที่จะเติมเต็มความสุขให้ชีวิตได้ เป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารักที่ไปแล้วไม่ผิดหวัง แถมยังมีจุด unseen อีกหลายที่พร้อมดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น วัดพระธาตุลำปางหลวง , อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน , ดอกเสี้ยวบาน บ้านป่าเหมี้ยง และ วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ เป็นต้น หากใครที่ยังไม่เคยไปแวะเวียน ถ้ามีโอกาสแวะไปสักนิด เมืองนี้จะทำให้จิตคุณแจ่มใสขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย แถมท้ายด้วย น้องหมี โพลาร์ แบร์ ของสะสมคู่ใจ ถ่ายคู่กับท้องฟ้าเมืองลำปาง ที่ฟ้าได้ใจจริง ๆ เรื่องและภาพโดย Queen BB