แม้ว่างานนี้จะผ่านพ้นไปแล้วก็ตามนะคะ แต่ยังมีควันหลงจากงานนี้ในด้าน ความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของเมืองลำปาง ที่ผู้เขียนจะขอรีวิวย้อนหลังจากความประทับใจที่ได้พบเห็นมากมาย แบบที่ทำให้รู้สึกว่าเมืองลำปางก็เป็นเมืองรองที่น่าอยู่มากแห่งหนึ่ง จากการไปเที่ยวงาน "ประเพณีล่องสะเปาจาวละกอน ปี 2565" มีความรู้สึกดี ๆ น่าสนใจมากมาย มาติดตามกันค่ะ เวทีจัดงาน "ล่องสะเปา จาวละกอน" เมื่อวันที่ 7 - 9 พฤศจิกายน 2565 ณ บริเวณท่าน้ำบ้านสิงห์ชัย และข่วงนคร ห้าแยกหอนาฬิกา งานประเพณีล่องสะเปาจาวละกอน ประจำปี 2565 จัดขึ้นโดยเทศบาลนครลำปาง ระหว่างวันที่ 7– 9 พฤศจิกายน 2565 ณ บริเวณข่วงนคร ห้าแยกหอนาฬิกา จนถึงบริเวณท่าน้ำบ้านสิงห์ชัย ตลอดแนวถนนริมแม่น้ำวัง มีนักท่องเที่ยวมาร่วมเดินชมงานกันอย่างหนาแน่น ซึ่งเป็นมนต์เสน่ห์ของเมืองลำปางที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในประเทศไทยทีเดียวเลยค่ะ และยังมีประเพณี "การล่องสะเปา" ซึ่งเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวลำปางที่สืบทอดกันมาช้านาน บริเวณพื้นที่จัดงาน ณ ข่วงนคร ห้าแยกหอนาฬิกา เมืองลำปาง ความเชื่อดั้งเดิมจนกลายเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของเมืองลำปาง นั้นคือ ตั้งแต่สมัยอดีตชาวลำปางได้ร่วมใจกันทำสะเปา หรือ เรือสำเภา เพื่อลอยไปตามน้ำ ในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยมีความเชื่อว่า เป็นการขอขมาและบูชาพระนารายณ์ที่รักษาแม่น้ำลำคลอง และเป็นการลอยเคราะห์ให้ไปกับแม่น้ำ หรืออีกความเชื่อว่าเป็นการลอยสะเปาเพื่อส่งสิ่งของที่จำเป็นไปให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น ในขณะที่มีการ "ล่องสะเปา" จึงมีการอธิษฐานก่อนที่จะลอยไปด้วย เพื่อให้ได้สมหวังตามที่ปรารถนา จนปัจจุบันได้กลายเป็นประเพณีสืบเนื่องตลอดมา สะพานข้ามแม่น้ำวัง และถนนเลียบแม่น้ำวัง เมืองลำปาง สถานที่ที่มีความเก่าแก่ และมีประวัติความเป็นมายาวนาน ได้แก่ บริเวณตั้งแต่ห้าแยกหอนาฬิกาตามถนนบ้านเชียงราย เราจะได้เห็นการจัดให้มีการประดับตกแต่งด้วยโคมไฟสีสันสวยงามแบบล้านนา และเราจะได้เห็นวัดที่สวยงามมีสีขาวคล้าย ๆ กับวัดในจังหวัดเชียงราย มีชื่อเรียกว่า วัดเชียงราย อยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย ที่น่าแปลกคือ วัดนี้ไม่มีกำแพงกั้น ทำให้เราสามารถเดินเข้าไปชมความงาม และเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันได้อย่างใกล้ชิดเลยค่ะ วัดเชียงราย เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในเมืองลำปาง วัดเชียงราย เชื่อว่าสร้างโดยเจ้าผู้ครองนครลำปางในอดีต ที่อพยพมาจากเมืองเชียงแสน เพื่อระลึกถึงบ้านเดิมที่เชียงราย เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของเมืองลำปาง อีกอย่างที่ไม่ควรพลาดสำหรับใครที่มาเยือนลำปาง คือ รถม้าลำปาง เมื่อเรามาถึงเมืองรถม้าแห่งเดียวในประเทศไทย ก็ต้องหาโอกาสนั่งรถม้าชมเมืองกันสักครั้งนะคะ มีคิวจอดรถม้าอยู่ตามจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ แต่ที่หลัก ๆ จะอยู่ที่หน้าศาลากลางหลังเก่า และแล้วเราก็ได้นั่งรถม้าชมบรรยากาศในเมืองลำปางที่ยังคงรักษาเมืองลำปางดั้งเดิมไว้ หรืออย่างน้อย เราก็มีส่วนช่วยสนับสนุนให้รถม้าอยู่คู่เมืองลำปางต่อไปค่ะ เมืองลำปางในอดีต มีการใช้รถม้าในการเดินทางระหว่างสถานีรถไฟลำปางกับตัวเมือง แต่ในปัจจุบันไม่ได้ใช้รถม้าเป็นยานพาหนะหลักแล้ว แต่จะใช้ในการท่องเที่ยว ชมรอบเมืองมากกว่า นักท่องเที่ยวนั่งรถม้าลำปางชมรอบเมือง เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของเมืองลำปาง สมาคมรถม้าลำปาง ได้กำหนดค่าโดยสารแน่นอนไว้ 3 อัตรา คือ รอบเมืองเล็ก 200 บาท รอบเมืองใหญ่ 300 บาท เหมาชั่วโมงละ 400 บาท “สะพานรัษฎาภิเศก” หรือ “สะพานขาว” เป็นจุดแลนด์มาร์ค ของเมืองรถม้าลำปาง เป็นสะพานสีขาว ดูสะอาดตา นับว่าสถานที่เก่าแก่ น่าจะมีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว มีความโดดเด่นด้วยเส้นโค้งทรงคันธนูรวม 4 โค้งทอดข้ามผ่านแม่น้ำวัง เพื่อใช้สัญจรผ่านไปมาและเชื่อมวัฒนธรรมระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ ตั้งอยู่กลางเมืองลำปาง ปัจจุบันได้กลายเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวที่อยู่คู่เมืองลำปาง “สะพานรัษฎาภิเศก” หรือ “สะพานขาว” เป็นจุดแลนด์มาร์ค ของเมืองรถม้า นครลำปาง แม่น้ำวังสายน้ำหลักแห่งเมืองลำปาง อยู่กลางใจเมืองลำปาง มีสะพานข้ามฝั่งหลายจุด ยามค่ำคืน บนถนนคนเดิน บริเวณกาดกองต้า ริมแม่น้ำวัง เมืองลำปาง ในวันเสาร์ - อาทิตย์ จะมีนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปมาเดินเที่ยว มีสินค้าและอาหารการกินมากมาย การได้มาเที่ยวงานล่องสะเปาจาวละกอนครั้งนี้ ได้รับความประทับใจกับเมืองเก่านครลำปาง และวัฒนธรรมท้องถิ่นของเมืองรอง เช่นเมืองลำปางแล้ว ก็ทำให้เราได้รับความสุขไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ และได้เห็นชัดเจนว่าเมืองลำปางมีหลายอย่างที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของเมืองลำปาง กับกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป แม้จะนำความเจริญทางด้านวัตถุหรือสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามามากมายก็ตาม แต่ก็ทำให้ผู้ที่มาเยือนเมืองลำปางครั้งหนึ่งแล้วต้องกลับมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอน แบบไม่มีวันลืมเลือนเสน่ห์ของเมืองลำปาง ได้ลงทีเดียวค่ะ !! พิกัด : เมืองลำปาง ภาพประกอบโดยผู้เขียนภาพปก : Canva แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”