ในวันที่ฉันได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ฉันก็ได้สัมผัสถึงเมืองอันแสนวุ่นวาย เอะหรือว่านี้มันกรุงเทพหมายเลขสอง? ไม่ผิดแน่ๆนี้มันต่างจังหวัดจริงๆเหรอ? ฉันเกิดคำถามมากมายในใจฉันเอง ระหว่างนั้นฉันก็คิดอยากหนีออกจากเชียงใหม่ขึ้นมา และเริ่มหาข้อมูลในอินเตอร์เน๊ตทันที จากนั้น.... ลำพูน! อยู่ไม่ไกลเลย นั่งสองแถว 20 บาท จากเชียงใหม่ไปแค่ครึ่งชั่วโมงเอง! ไม่รอช้า ฉันรีบแบกกระเป๋าแบ็คแพคอันหนักอึ้งโดดขึ้นสองแถวไปทันที ถามว่าลำพูนมีอะไร? คนเชียงใหม่เองยังเป่าหูบอกว่า "ลำพูนมันไม่มีอะไรนะ" แต่ความไม่มีอะไรที่เขาว่า กับมีอะไรมากกว่าที่ฉันคิดเชียวละ ฉันได้ค้นหาโฮสเทลในตัวเมืองลำพูน ก็ได้เจอที่ที่หนึ่งชื่อน่ารักว่า "ปิ๊กบ้าน" ฉันโทรไปทันทีว่ามีห้องว่างหรือไม่ เมื่อรู้ว่ามีห้องว่างฉันก็ไปทันที จึงได้รับการแนะนำว่าขึ้นสองแถวแล้วให้ลงไปที่ไหน และเดินมายังไง เมื่อมาถึงที่พัก เป็นบ้านโฮมสเตย์แห่งหนึ่งที่บรรยากาศดี และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น นอนห้องพักรวม ราคา 450 บาท แถมมีจักรยานให้ปั่นฟรีด้วย อาหารเช้าก็ฟรี นี้และความสงบที่ฉันตามหาล่ะ พอฉันเก็บกระเป๋าเสร็จฉันก็รีบจัดการ ออกไปขี่จักรยาน เพื่อไปดูเมืองรอบๆ ในเมืองก็แทบไม่มีรถเลย จึงขี่จักรยานได้สบายมาก และทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ก็มีตลาดคนเดินเล็กๆขายอาหารอร่อย เสื้อผ้าพื้นเมือง ด้วยนะ บางคนอาจจะคิดว่า อ้าวมีแค่นี้เหรอ ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา.... จริงๆแล้ว ความพิเศษที่ฉันเจอในลำพูนนั้นคือ พี่เจ้าของที่พัก ชื่อพี่ใหม่ พี่ใหม่ใจดีมาก และเล่าเรื่องต่างๆเกี่ยวกับโปรเจคในหมู่บ้านที่กำลังทำอยู่ในลำพูน และแกยังรับคนที่เป็น host ของที่พักแห่งนี้ ที่มีไอเดียจะทำอะไรสักอย่างในที่พักนี้ ประมาณสามถึงหกเดือน อย่าง host ในคราวนี้ชื่อพี่หญิง เป็นคนที่ทำอาหารมังสวิรัติ จึงมีอาหารมังสวิรัติให้ทานทุกเช้า ปกติแล้วพี่เจ้าของบ้านจะไม่ค่อยอยู่ เพราะต้องไปทำงานในเมือง จึงมีพี่หญิงคอยดูแลบ้านให้แทน ตอนหลังก็คุยกับพี่หญิงจนถูกคอ เขาจึงพาไปเดินตลาดสดด้วยตอนเย็น ซึ่งฉันก็ได้เดินตลาดสดที่อุดมไปด้วยผักผลไม้เมืองหนาวหลากหลาย ชาวบ้านมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศแบบนี้มันช่างต่างจากเชียงใหม่อย่างสิ้นเชิง! เมื่อพี่หญิงได้วัตถุดิบมาทำอาหารตอนเช้าเรียบร้อยก็เดินกลับที่พักด้วยกัน วันก่อนที่ฉันจะกลับ จึงได้พี่หญิงชวนไปเดินจงกลมที่วัดพระธาตุ เหมือนได้ใช้ชีวิตอย่างช้าๆเหมือนเราเป็นคนที่นั้นเลย ชื่อที่พัก "ปิ๊กบ้าน" นั้น ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับได้"กลับบ้าน"จริงๆ เราไม่ต้องคิดว่าเรามาเที่ยวแบบเร่งรีบ ให้คิดว่าเราไปใช้ชีวิต และสิ่งที่ได้รับมันก็คุ้มค่า เราได้รู้จักผู้คนใหม่ๆ และเรื่องใหม่ๆที่เราไม่เคยรู้ในเมืองเล็กๆแห่งนี้ อยู่ที่เราว่าเลือกที่จะค้นหามันรึเปล่าก็เท่านั้น เรื่องราวโดย : a girl who love travel with local