ความเชื่อและสถานการณ์จริง บางครั้ง ก็มาบรรจบกันโดยมิได้นัดหมาย อย่างกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 181,576 คน หายแล้ว 78,094 คน เสียชีวิต 7,126 คน แค่เฉพาะในประเทศไทย ผู้ติดเชื้อ 177 (เพิ่มขึ้น 30 คน เมื่อ 17/3/2020) กำลังรักษา 135 คน หายแล้ว 41 คน และ เสียชีวิต 1 คนข้อมูลเหล่านี้กระจายผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ทั้งที่เป็นสื่อในการกำกับดูแลของรัฐบาล สื่อมวลชนและบุคคลสาธารณะที่มีความรู้ด้านสาธารณสุขและคนทั่วไปรวมถึงองค์กรเอกชน ภาคประชาชนต่างๆที่สนใจอัพเดทสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ไม่ว่าใครจะอยู่ส่วนไหนขอประเทศ ถ้ามีสัญญาณโทรศัพท์ก็สามารถต่อเชื่อมเข้ากับระบบออนไลน์ได้ทั่วโลก ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันทีชุมชนบนดอยเช่นชาวปกาเกอะญอบางแห่ง ตระหนักและเร่งประกาศแนวทางในการควบคุมในพื้นที่ตนเอง เช่น งดจัดกิจกรรม ปิดทำการชั่วคราว เปลี่ยนวิธีการทำงานและอื่นๆตามแต่ความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ตัวอย่างเช่น ชุมชนบ้านเมืองแพม ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ชุมชนดอยช้างป่าแป๋ อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ชุมชนบ้านขุนแม่รวม อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ก็ไม่ต่างจากชุมชนอื่นๆที่รับรู้ข้อมูลข่าวสารการระบาดของไวรัสดังกล่าวและตระหนักว่า น่าจะมีผลกระทบต่อชาวบ้านพอสมควรหากไม่มีมาตรการอะไรออกมาดูแลชุมชนให้ทันถ่วงทีชาวบ้านจึงได้ร่วมกับผู้นำชุมชน โดยมีปราชญ์ชุมชนเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมเพื่อปิดชุมชน และการแพร่กระจายของไว้รัสจากคนนอกที่จะเข้ามาในชุมชน ด้วยพิธีกรรมที่เรียกว่า "เกราะหยี่” พิธีกรรมนี้ มีจุดประสงค์หลัก คือ ห้ามคนเข้าออกชุมชนเด็ดขาด ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตาม จนกว่าจะมีการทำพิธีเปิดชุมชนอีกครั้งเท่านั้น ทุกคนในหมู่บ้านจึงจะสามารถออกไปข้างนอกและปฎิสัมพันธ์กับคนจากหมู่บ้านหรือพื้นที่อื่นๆได้พิธีเริ่มต้นด้วยการที่ผู้นำด้านจิตวิญญาณในชุมชนที่ได้รับความเคารพนับถือสูงสุดและสมาชิกในหมู่บ้านประชุมหารือกัน จากนั้นก็ลงมติรับรู้และพร้อมที่จะปฏิบัติพร้อมกันทุกหลังคาเรือนอย่างเป็นเอกฉันท์ และสาบานว่าจะไม่ละเมิดหรือฝืนข้อตกลงที่กำหนดไว้เด็ดขาดต่อจากนั้น ผู้นำและชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านจะออกไปตัดไม้ที่ขนาดพอประมาณ เหลาให้แหลมจนได้จำนวนมากพอที่จะปักกั้นตลอดความกว้างของถนนเข้าหมู่บ้าน พร้อมทำเอาไม้ขนาดยาวปักทำเป็นซุ้มทางเข้าหมู่บ้านประดับด้วยยอดใบไม้ที่มีลักษณะแหลมคม บริเวณแผงที่กั้นด้านล่างในระดับเอว จะอาภาพวาดรูปชายหญิงและเอาเสื้อผ้าเก่ามาทำเป็นผู้รูปชายหญิงและสัญลักษณ์ของเพศชายเพศหญิงอย่างละคู่ วางหันหน้าออกด้านนอก ต่อด้วยการขึงด้ายสายสิญจน์และรดน้ำส้มป่อยให้ทั่วบริเวณ ทั้งนี้ เพื่อให้คนที่จะเข้ามาในหมู่บ้านได้เห็นและรู้ว่า หมู่บ้านนี้อยู่ระหว่างปิดหมู่บ้าน คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้ทุกวันนี้มีการประยุกต์พิธีกรรมมากขึ้นด้วยการเขียนข้อความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ทราบ เพราะคนที่เข้าออกหมู่บ้าน มีชาวต่างชาติที่เคยมาเที่ยวชมหมู่บ้านด้วยเจตนาดั้งเดิมของพิธีปิดหมู่บ้านของชาวปกาเกอะญอนี้ คือ ทำเพื่อป้องกันเหตุหรือเภทภัยความชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้าน และจัดทุกปีในช่วงฤดูร้อน แต่ปีนี้จัดเป็นกรณีพิเศษเพราะมีเหตุเภทภัยจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งพิธีกรรมนี้ถือว่าเป็นมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อจากเมืองสู่ชุมชน ทั้งยังตรงกับนโยบายรัฐบาลและประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ห้ามทำกิจกรรมใดๆที่มีการรวมตัวหมู่มาก รวมทั้งไม่ควรเดินทางไปยังพื้นที่ที่เสี่ยงและเปราะบางต่อการติดและกระจายเชื้อไวรัสนั่นเองการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อและประยุกต์เข้ากับสถานการณ์โรคภัยแบบนี้ถือว่าเป็นการปรับตัวและประยุกต์ใช้พิธีกรรมให้สมสมัยมากขึ้นอย่างน่าสนใจและน่าเรียนรู้มากทีเดียวดังนั้น ช่วงนี้ ถ้าใครไปเที่ยวหรือทัวร์ตามหมู่บ้านบนดอย หากเจอสิ่งของขวางกั้นแบบนั้น ก็อย่าได้เข้าไปเด็ดขาด ควรกลับออกมาแล้วกักตัวพักผ่อนอยู่ในที่บ้านดีที่สุดครับ