การเดินทางไปที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลในครั้งนี้ ผมได้เริ่มต้นเดินทางจากบ้านของผมที่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา โดยใช้รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ซึ่งถือว่าเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลมากเลยทีเดียว ทั้งสัมภาระและความปวดเมื่อยระหว่างการเดินทาง ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า การเดินทางในครั้งนี้จะต้องเป็นการเดินทางที่น่าจดจำอย่างแน่นอน สายลมเย็นๆจากการเดินทางของช่วงเช้าที่ผมเริ่มออกเดินทางในเวลา 03.00 น. เริ่มเปลี่ยนเป็นสายลมที่อบอุ่นและร้อนขึ้นในช่วงเวลาสาย ซึ่งเป็นช่วงที่ผมเดินทางมาถึงเขตจังหวัดพิจิตร ผมจึงหยุดพักเพื่อหาอาหารมาบรรเทาความหิวของตัวเอง ในขณะที่พักผ่อนอยู่ผมก็นึกถึงช่วงเวลาที่ผมได้เดินทางมากับรถคู่ใจ ที่ผ่านเส้นทางและวิวข้างทางมามากมาย บางสถานที่ที่ผ่านมาก็ไม่รู้จักชื่อเรียก แต่เป็นสถานที่ที่สวยงาม ผมจะจดจำเอาไว้ในความทรงจำ พื้นถนนบางเส้นทางก็ทำให้การขับรถของผมมีความยากลำบากพร้อมกับความระแวงว่าสัมภาระยังคงถูกรัดเอาไว้โดยเชือกอย่างแน่นหนาดีหรือเปล่า หรือว่ามีของอะไรตกหล่นไปแล้วตามทาง ในขณะที่คิดทบทวนไปมา อาหารก็ถูกรับประทานจนหมด ผมจึงทำการสำรวจเส้นทางอีกครั้งด้วย gps บนสมาร์ทโฟนให้แน่ใจว่าเส้นทางที่จะไปเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง ผมหยุดพักอีกครั้งในช่วงของเส้นทางที่จะตรงเข้าสู่จังหวัดลำปาง ซึ่งผมสังเกตได้ว่า พื้นถนนค่อนข้างดี ขับรถได้สนุก และช่วยเรื่องของการทำเวลาได้ดีเลยทีเดียว แต่ถึงแม้จะขับสนุกแค่ไหน ก็ยังมีความปวดเมื่อยเกิดขึ้นมาเป็นระยะๆ ทำให้ต้องมีการหยุดพัก ยืดเหยียด และเติมพลังเอาเรี่ยวแรงซะหน่อย และเมื่อผมเดินทางต่อในช่วงรอยต่อระหว่างจังหวัดแพร่และจังหวัดลำปางนั้นทำให้ผมได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ถนนคดเคี้ยวไปตามสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาน้อยใหญ่สลับกันไป สองข้างทางที่เต็มไปด้วยสีเขียวของป่าไม้ทำให้ผมต้องลดความเร็วในการขับขี่ลง เพื่อซึมซับเอาความสวยงามเหล่านี้มาช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าทางกาย เมื่อเริ่มเข้าใกล้อุทยาน ผมเริ่มสัมผัสถึงความสงบของหมู่บ้านกลางป่าเขา ที่เปรียบเสมือนกับว่าเป็นคนละโลกกับความเจริญทางด้านวัตถุของเมืองใหญ่ ผมขับผ่านหลายหมู่บ้านก่อนจะเข้าเขตอุทยานซึ่งไม่สามารถขับเร็วได้เลย เนื่องจากเส้นทางคดเคี้ยวมาก และมีเนินที่ผมเข้าใจว่าคงจะเป็นสันเขาด้วยค่อนข้างเยอะ แต่ผมเองก็ไม่ได้รีบอะไร ขับช้าๆเพื่อซึมซับเอาสิ่งที่สวยงามที่พบเจอระหว่างทางลงความทรงจำมันเป็นอะไรที่มีความสุขมาก จนผมมาถึงที่ทำการอุทยานโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเวลาก็เกือบจะเย็นแล้ว ทำให้ผมรีบจัดการเรื่องเข้าไปตั้งแคมป์ที่อุทยานอย่างรวดเร็ว เพราะยังต้องใช้เวลาเดินป่าขึ้นไปยังสถานที่ตั้งแคมป์อีกราวๆ 1 ชั่วโมง แต่ผมใช้เวลามากกว่านั้น เพราะสัมภาระค่อนข้างเยอะ กระเป๋าก็หนัก ทำให้เดินขึ้นได้ช้า พอถึงสถานที่กางเต้นท์ ก็เกือบๆจะพระอาทิตย์ตกดินพอดี ทำให้ผมจัดการกางเต้นท์และรับประทานอาหารแห้งที่เป็นเสบียงพร้อมกับพักผ่อนทันที และต่อให้มีเสียงจากนักท่องเที่ยวคนอื่นๆก็ไม่เป็นการรบกวนในการนอนของผมเลย เพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ทำให้ผมหลับได้ในเวลาอันรวดเร็ว ผมตื่นเช้าเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น และเดินสำรวจป่าในอุทยานช่วงเช้าอย่างใจเย็น ซึมซับทุกๆอย่างให้เปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อพร้อมที่จะกลับไปต่อสู้กับงานหนักอีกครั้ง การเดินทางคนเดียวในครั้งนี้ ทำให้ผมรู้สึกถึงความสงบในจิตใจของตัวเองมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น และทุกๆครั้งที่ถึงที่หมายผมมักจะพูดกับตัวเองว่า "เรามาไกลเหลือเกิน" "ภาพถ่ายจากผู้เขียน"