การซักผ้า”แบบคนบนดอย” ในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีเครื่องซักผ้าให้ซักผ้ากันได้แบบสะดวกสบายเหมือนกับคนในสมัยนี้ คนบนดอยนั้นเขาจึงมีวิธีการซักผ้าแบบฉบับของเขาเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังนิยมใช้กันอยู่ การซักผ้าแบบคนบนดอยนั้นต้องออกแรงในการซักผ้าสักหน่อยเพราะใช้แรงคนในการทุ่นแรงซัก ที่ซักผ้าของคนบนดอยนั้นก็จะมีการใช้ไม้ตีลงบนผ้า (ดอยในที่นี้ ที่ยังมีการซักผ้าแบบนี้อยู่คือดอยบ้านสบป่อง จังหวัดแม่ฮ่องสอน บ้านยายของผู้เขียนเอง) ใช้เป็นไม้แดงมาผ่าไว้เป็นท่อน ๆขนาดกำลังพอดีมือไว้จับและใช้ตีเสื้อผ้า และความยาวของไม้กำลังพอดี ไม่ยาวมากไป และไม่สั้นจนเกินไป จะใช้ไม้แดงที่ท่อนไม้ที่ค่อนข้างจะแข็งแรงสักหน่อยเพื่อที่ตีกับเสื้อผ้าแล้วไม้จะได้ไม่แตกออกจากกัน และใช้ตีลงกับพื้น หรือจะตีลงกับท่อนไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าก็ได้ตามสะดวก แต่คนยุคก่อน ๆ นั้นคนบนดอยเขามักจะนำเสื้อผ้าไปซักผ้ากันที่แม่น้ำใหญ่ หรือแม่น้ำปาย ใช้ไม้แดงคนละท่อนไปตีเสื้อผ้ากันข้างแม่น้ำและนำผ้าลอยน้ำทำความสะอาดผ้าได้เลย ส่วนแฟ๊บหรือผงซักฟอกนั้นคนสมัยก่อนมักจะไม่ใช้ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้สบู่ในการซักผ้าซะมากกว่าค่ะ วิธีการซักผ้าแบบคนบนดอยในสมัยก่อนนั้น คือนำเสื้อผ้าที่เราจะซักมาจุ่มน้ำให้เปียกแล้วใช้สบู่ถูลงบนผ้าให้ทั่วเสื้อผ้าทุกชิ้น เสร็จแล้วก็นำเสื้อผ้านั้นมาวางไว้บนไม้ แล้วใช้ไม้แดงที่เป็นท่อน ๆ สำหรับตีผ้า ตีลงไปบนเสื้อผ้าให้ทั่ว ๆ เสร็จแล้วก็ล้างบิดให้แห้ง แล้วนำไปตากได้เลยในสมัยนี้การซักผ้าแบบนี้หาดูได้ยากมากแล้ว เพราะปัจจุบันนี้มีเครื่องซักผ้าไว้คอยอำนวยความสะดวกสบายกันแล้ว จึงไม่นิยมซักผ้าแบบตีผ้าเหมือนกับสมัยก่อน แต่การซักผ้าแบบคนสมัยก่อนของคนบนดอยนี้ก็สะอาดไม่แพ้การซักแบบเครื่องในปัจจุบันเลยค่ะ การซักผ้าแบบคนบนดอยแม้จะต้องออกแรงซักกันสักหน่อย แต่มีข้อดีตรงที่เสื้อผ้าที่เราซักแบบตีลงบนผ้านั้นไม่ทำให้เสื้อผ้าของเราขาดหรือเสียรูปทรงเลยค่ะ ในปัจจุบันนี้ยังมีการซักผ้าแบบนี้อยู่แทบทุกดอยที่เทคโนโลยีหรือไฟฟ้าเข้าไม่ถึงเพราะอยู่สูงและไกลมาก จึงต้องใช้วิธีนี้ในการซักผ้าค่ะ (ดอยในที่นี้ที่ผู้เขียนอ้างอิงรูปมา ยังมีการซักผ้าแบบนี้อยู่คือบนดอยบ้านสบป่อง จังหวัดแม่ฮ่องสอน บ้านยายของผู้เขียนเองซึ่งเป็นชาวกะเหรี่ยงแดงที่ใช้วิธีการซักผ้าแบบนี้มานาน) ทุกภาพโดย ผู้เขียน ( นามปากกา ลูกพีช )