“ย่างเข้าหก ฝนก็ตกพรำ ๆ กบมันก็ร้องงึมงำ ระงมไปทั่วท้องนา...” คอเพลงลูกทุ่งคงคุ้นเคยกันดี สมัยก่อนหนุ่ม ๆ เค้าใช้ร้องเกี้ยวสาวกัน แต่ปัจจุบันนี้ เดือน 6 เดือน 7 ฝนยังไม่ตกเลย เดือดร้อนกันจนต้องทำพิธีขอฝนมาบรรเทาความแห้งแล้งตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเองก็มีการขอฝน โดยการจุดบ้องไฟ ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของประเพณี “ปอยจ่าตี่” หรีองานบูชาเจดีย์ทรายของชาวไทใหญ่ ที่จัดขึ้นเพื่อบูชาพระพุทธองค์ โดยชาวไทใหญ่มีความเชื่อว่าถ้าได้เข้าร่วมประเพณีดังกล่าวนี้จะได้บุญใหญ่ และยังเป็นการสะเดาะเคราะห์เราให้จางหายไปอีกด้วย โดยก่อนการจัดงานจะมีตัวแทนของแต่ละหมู่บ้านไปบอกบุญในหมู่บ้านต่างๆ ได้รับทราบวันที่จะจัดงานประเพณีปอยจ่าตี่ และชาวบ้านจะร่วมกันขนทรายเข้าไปถวายให้กับทางวัด และร่วมกันก่อเป็นเจดีย์ทรายพร้อมประดับธงทิว ตุง และดอกไม้ให้สวยงาม รุ่งเช้ามีการทำบุญ ฟังเทศน์ฟังธรรม และในตอนบ่ายจะมีการจุดบ้องไฟเป็นพุทธบูชาเพื่อให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลและเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนที่จะเริ่มทำการเพาะปลูกในฤดูฝนที่ถึงนี้ หลังจากเสร็จสิ้นจากพิธีทำบุญ ทานข้าวกันเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านทั้งในท้องถิ่นและต่างถิ่นก็จะไปรวมตัวกันที่ทุ่งโล่งกว้าง ที่ห่างไกลจากชุมชน เนื่องจากป้องกันบ้องไฟไม่ให้ตกใส่บ้านเรือนประชาชน โดยจะมีคณะหรือกลุ่มที่นำมาบ้องไฟมาจุดในงานนี้ มาตั้งเต็นท์รอกันอยู่ก่อนแล้ว ในการประกวดบ้องไฟกรรมการจะดูว่า บ้องไฟของใครขึ้นได้ตรง และขึ้นได้สูงกว่า หากบ้องไฟกระบอกไหน พุ่งขึ้นเป็นเส้นตรงหายลับตาไปเป็นอันว่าชนะ ถ้ากระบอกไหน ขึ้นตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ก็ได้คะแนนลดหลั่นกันลงมา ซึ่งแต่กลุ่มก็จะมีเทคนิคในการทำแตกต่างกันไป สูตรใครสูตรมันบอกกันไม่ได้ค่ะ ในแต่ละคราวจะมีจำนวนบ้องไฟที่มาร่วมประกวดหลายร้อยกระบอก และได้มีการจัดลำดับในการขึ้นจุดโดยการจับสลากก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนการขึ้นจุด กองเชียร์ของแต่ละคณะจะประโคมเสียงดนตรีพร้อมวาดลีลาการรำเรียกความฮึกเหิมและสร้างกำลังใจให้กับทีมของตนเอง และตามธรรมเนียมของการแข่งขันก็มักจะมีการพนันขันต่อร่วมอยู่ด้วย สร้างสีสันและกระตุ้นความตื้นเต้นอีกเท่าตัว โดยผู้เล่นจะจับคู่หมายเลขบ้องไฟมาแข่งขันกัน และยึดคำตัดสินของกรรมการเป็นที่สุด โดยที่กรรมการไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการพนันขันต่อดังกล่าวนี้แต่อย่างใด เป็นเพียงกฎกติกาของผู้ที่เล่นกำหนดขึ้นมาเท่านั้น และเมื่อบ้องไฟถูกดึงขึ้นประจำ ณ แท่นจุดแล้ว กรรมการจะให้สัญญาณในการจุด คนที่กลัวเสียดังต่างก็เอามือปิดหูด้วยความกลัวระคนความตื่นเต้น กองเชียร์จะมีการปรบมือ ประโคมเครื่องดนตรีกันคักคัก และส่งเสียงเชียร์กันสนั่น ฟังไม่ได้ศัพท์ ไป ไป ไป ขึ้น ขึ้น ขึ้น ....จนกระทั่งบ้องไฟทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั้งกรรมการ กองเชียร์ และคนดู ต่างก็แหงนคอดูบ้องไฟว่าขึ้นสูงแค่ไหน พุ่งเป็นเส้นตรง หรือเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาหรือไม่ หากบ้องไฟของตนเองชนะก็จะกระโดดโลดเต้น โห่ร้อง ประโคมดนตรีร่ายรำกันด้วยความดีใจกันเต็มเหนี่ยวเลยทีเดียว ไม่ใช่ทุกกระบอกที่จะขึ้นสู่เบื้องบนได้ บางกระบอกเมื่อจุดแล้วไม่ขึ้น บ้างก็จุดแล้วสักพักก็เกิดการระเบิด หรือขึ้นไปแค่ครึ่งทางก็เกิดการระเบิดกลางทาง แต่จะตื้นเต้นที่สุดตรงที่กระบอกนั้นเมื่อขึ้นไปแล้วครึ่งทางเกิดเปลี่ยนใจเลี้ยวลงมาเบื้องล่าง คนดูก็จะลุ้นทิศทางของบ้องไฟจะมาทางไหน เพื่อจะได้วิ่งหนีได้ทันค่ะ กุศโลบายของการจัดงานประเพณีปอยจ่าตี่ ก็เพื่อสร้างความสามัคคีของคนในหมู่บ้านและต่างถิ่น รวมถึงการสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกัน อีกทั้งเป็นการสืบสานประเพณีท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไป รวมถึงการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เกษตรกรที่จะเริ่มต้นการเพาะปลูกในอีกไม่ช้า ซึ่งการจุดบ้องไฟขอฝนได้ผลทุกปีค่ะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะค่ะ ผู้เขียนรับรองได้เลยค่ะภาพทุกภาพโดย งานประชาสัมพันธ์ เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน