ARABICA COFFEE ดีอย่างไร? เมื่อพูดถึงที่สุดของกาแฟ เชื่อแน่ว่าคอกาแฟเกินกว่าร้อยละ 90 จะต้องนึกถึงกาแฟอาราบิก้า (Arabica) และเมื่อพูดถึงกาแฟอาราบิก้า ก็เชื่อแน่ว่าผู้ชื่นชอบรสกาแฟทั้งหลายจะต้องนึกไปถึงรสชาติที่นุ่มลิ้น กลิ่นที่หอมละมุน เหมาะสำหรับคนที่รักในรสชาติของกาแฟสด แต่ไม่อยากประสบปัญหาในเรื่องของการนอนไม่หลับ ทั้งนี้ก็เพราะว่ากาแฟอาราบิก้าเป็นกาแฟที่มีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟโรบัสต้า (Robusta) ถึงเกือบ 2 เท่า อีกทั้งยังมีกรด Chlorogenic ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดการดูดซึมกลูโคสเข้าสู่ร่างกายมากกว่ากาแฟโรบัสต้าอีกด้วย อาราบิก้าจึงเป็นกาแฟที่ค่อนข้างตอบโจทย์สำหรับคอกาแฟที่กังวลในเรื่องของการนอนไม่หลับ ตลอดจนถึงเรื่องของน้ำหนักและรูปร่างได้เป็นอย่างดี อาราบิก้า (Arabica) มีถิ่นกำเนิดจากบริเวณที่ราบสูงของเอธิโอเปีย จัดเป็นสายพันธุ์กาแฟที่หาได้ยากกว่าโรบัสต้า เติบโตช้า มีภูมิคุ้มกันต่อโรคและแมลงต่ำ มีโอกาสเสี่ยงที่ต้นพันธุ์จะตายได้ง่าย อีกทั้งยังให้ปริมาณเมล็ดกาแฟน้อยกว่ากาแฟโรบัสต้า ถึงแม้จะมีสัดส่วนพื้นที่ปลูกมากกว่ากาแฟโรบัสต้ามากเกินกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะว่ากาแฟอาราบิก้าที่มีคุณภาพดีจะต้องปลูกใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ในเขตพื้นที่สูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ( metres above mean sea level, MASL) ตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป ในความลาดเอียงของพื้นที่ปลูกไม่เกิน 30% และที่สำคัญถ้าจะให้กาแฟชนิดนี้เจริญงอกงามได้ดี บริเวณที่ปลูกก็จะต้องมีความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 60% ในสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นไม่เกิน 15-24 องศาเซลเซียสตลอดปีด้วย ดังนั้นกาแฟอาราบิก้าคุณภาพดีของไทยจึงมักได้ผลผลิตจากพื้นที่ปลูกในบริเวณภาคเหนือเป็นส่วนใหญ่ จึงจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติของอาราบิก้าแท้ 100% อย่างเช่นอาราบิก้าที่ร้าน ERABICA COFFEE จังหวัดน่าน ที่เราจะขอแนะนำในวันนี้ครับ ทำไมต้องไป ERABICA COFFEE? ERABICA COFFEE (เอราบิก้า คอฟฟี่) เป็นร้านกาแฟดีมีคุณภาพ ที่อาจถือว่าเป็น ‘Signature’ ของจังหวัดน่านเลยก็ว่าได้ เพราะวัตถุดิบที่ทางร้านเลือกใช้เป็น “กาแฟดอยเดียว” หรือที่คอกาแฟรู้จักกันในชื่อ Single Origin (เมล็ดกาแฟที่มาจากแหล่งเพาะปลูกเดียวกันทั้งหมดโดยไม่มีการนำเอาเมล็ดกาแฟจากที่อื่นมาปนผสม) นั่นก็คือเมล็ดกาแฟน่าน สายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% จากแหล่งเพาะปลูกบนดอยสวนยาหลวง อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่สูงและมีอุณหภูมิเหมาะสำหรับการปลูกกาแฟอาราบิก้า (Arabica) ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น โดยเราสามารถลิ้มรสกาแฟ Single Origin ดังกล่าวได้ในราคาเพียงแก้วละ 80-100 บาทเท่านั้นครับ (ตามรายละเอียดของเมนู) ซึ่งถือว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับรสชาติ กระบวนการผลิต การให้บริการ และบรรยากาศโดยรวมของร้าน นอกจากทางร้านจะคัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดสำหรับคอกาแฟแล้ว ยังพิถีพิถันในกระบวนการผลิตทุกเมนูด้วยความเอาใจใส่ โดยจะมีเมล็ดกาแฟคั่วแนะนำถึง 3 ระดับการคั่วให้เราเลือกได้ตามความต้องการ ตั้งแต่เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน เมล็ดกาแฟคั่วกลาง ไปจนถึงเมล็ดกาแฟคั่วเข้ม ซึ่งพอเราเลือกบอกเมนูไป น้องบาริสต้าสุดหล่อประจำร้านก็จะสอบถามรายละเอียดความต้องการของเราในทันทีครับ เพราะฉะนั้นใครที่กำลังจะตัดสินใจไปลองชิม ให้คิดไว้ก่อนล่วงหน้าได้เลยครับ ซึ่งถ้าจะให้ผู้เขียนแอบกระซิบบอกความแตกต่างของทั้ง 3 ระดับการคั่ว ก็ตอบยากเหมือนกันครับว่าระดับไหนดีกว่ากัน เพราะการคั่วทั้ง 3 ระดับก็จะให้รสชาติและความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปตามความชอบของแต่ละคนครับ ระดับคั่วอ่อนก็จะมีความเปรี้ยวที่ชัดเจนหน่อย ถ้าเป็นระดับคั่วกลางความเปรี้ยวก็จะลดลง แต่ก็ยังคงรู้สึกหลงเหลือซึ่งความเปรี้ยวอยู่ ส่วนในระดับคั่วเข้มความเปรี้ยวจะลดลงจนเหลือน้อยมาก แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหนก็ลองสั่งน้องบาริสต้าสุดหล่อของร้านได้เลยครับ บอกเล่าบรรยากาศของร้าน ERABICA COFFEE เป็นร้านที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะไทยกับตะวันตกไว้ด้วยกันแบบลงตัวอย่างที่เรียกกันว่า “ตึกฝรั่ง” สไตล์โคโลเนียล (Colonial Style) ซึ่งเป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่เข้ามาในประเทศไทยราวช่วงสมัยรัชกาลที่ 5-6 ตัวร้านเป็นตึกขนาดใหญ่สีเหลือง-เขียวออกโทนพาสเทล แบบที่เราจะเห็นได้ในละครพีเรียดประเภทคุณหญิง-คุณชายอะไรทั้งหลายเลยครับ พอเดินเข้าไปในอาณาเขตของร้าน ก็จะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคเลย ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปถึงเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่ภายในตึกที่สอง (ด้านในสุด) เราจะพบกับตึกแรกทางซ้ายมือก่อน ตึกนี้เป็นตึกสองชั้น ชั้นล่างจะจัดเป็นนิทรรศการรูปภาพขนาดย่อม ๆ โดยทางร้านบอกว่าจะพยายามสลับสับเปลี่ยนนิทรรศการกันไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินระหว่างรอรับเครื่องดื่ม ส่วนชั้นสองที่ขึ้นไปตรงบันไดทางซ้ายมือจะเป็นห้องประชุมสัมมนาที่ทางร้านมีไว้ให้บริการสำหรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มคณะ โดยผู้สนใจใช้บริการสามารถโทรศัพท์เข้ามาจองห้องได้ก่อนที่หมายเลขโทรศัพท์ 062-559-9044 ครับ เมื่อเดินผ่านตึกสองชั้นทางซ้ายมือเข้าไปเรื่อย ๆ ก็จะพบกับตึกด้านในครับ ผลักประตูบานใหญ่สีเขียวพาสเทลเข้าไปดื่มด่ำกับบรรยากาศภายในร้านที่กว้างขวาง แอร์เย็นฉ่ำได้เลย ตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์จะมีเมนูเครื่องดื่มให้เราสามารถเลือกจิ้มได้ในไอแพดตามใจชอบเลยครับ โดยจะมีพนักงานให้บริการคอยรับออเดอร์และแนะนำเมนูต่าง ๆ ของทางร้านให้เราอย่างเป็นกันเองและเอาใจใส่ ทางร้านไม่ได้มีเพียงแค่เมนูกาแฟนะครับ เมนูชาเขียว มันม่วง หรือน้ำผลไม้ปั่นสูตรเฉพาะของทางร้านก็อร่อยไม่แพ้ร้านอื่น ๆ ที่ผู้เขียนเคยไปตระเวนชิมมาครับ หลังจากสั่งเมนูเราจะได้รับป้ายโต๊ะจากพนักงานบริการ เราก็หามุมที่นั่งดี ๆ ตามอัธยาศัย รอให้พนักงานมาเสิร์ฟความอร่อยจนถึงที่ได้เลย โดยระหว่างที่รอรับเมนูเครื่องดื่ม เราสามารถเดินชมบรรยากาศภายในร้านและหามุมสวย ๆ ถ่ายรูปไปพลาง ๆ ก่อนก็ได้ครับ ภายในร้านชั้นแรกจะตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่เน้นรูปทรงคลาสสิกแบบวินเทจโบราณ เช่น โต๊ะ ตู้ไม้ โคมไฟ พัดลมทองเหลือง หรือ นาฬิกาโบราณแบบไขลาน ซึ่งผสมผสานความเป็นตะวันตกคลาสสิกประยุกต์เข้ากับการตกแต่งเครื่องเรือนแบบไทยได้เป็นอย่างดี ส่วนชั้นสองจะเป็นห้องโชว์นิทรรศการภาพสำหรับผู้ชื่นชอบงานศิลปะ หรือถ้าหากว่าใครชื่นชอบบรรยากาศแบบ Out Door ก็สามารถเดินออกไปรับบรรยากาศร่มรื่นภายในสวนหย่อมนอกร้านก็ได้นะครับ ทางร้านก็มีโต๊ะ เก้าอี้เหล็กสีขาวจัดวางไว้ให้อยู่หลายชุดเลยทีเดียว มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ หลายมุมไม่แพ้บริเวณด้านในครับ ถ้าไปเพียงคนเดียวก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงานะครับ ไปนั่งตรงมุมหน้าเคาน์เตอร์บาร์ได้เลย บาริสต้าสุดหล่อของทางร้านคุยเก่งมาก จะนั่งคุยกับบาริสต้าไปพลาง ๆ หรือนั่งดูกรรมวิธีการชงเมนูเครื่องดื่มของเขาไปเพลิน ๆ ทางร้านก็ไม่มีการคิดเงินเพิ่มครับ เกือบลืมบอกไป ว่าทางร้านมีกาแฟดริปแบบซองและเมล็ดกาแฟคั่วจำหน่ายด้วยนะครับ ราคาประมาณ 280 – 500 บาท ตามขนาด เมล็ดกาแฟสาร (Green Beans) ในราคากิโลกรัมละ 200 บาท สำหรับคนที่ซื้อเมล็ดกาแฟคั่วจากทางร้าน แต่ว่าที่บ้านไม่มีอุปกรณ์ในการบดกาแฟ ทางร้านก็มีบริการบดให้เป็นเมล็ดกาแฟคั่วบดละเอียดให้ฟรี โดยที่เราสามารถเลือกระดับความละเอียดของการบดได้ตั้งแต่เบอร์ 0-10 ตามความต้องการของเราเลยครับ ขอแอบกระซิบบอกอีกนิดหนึ่ง ว่าภายในห้องคั่วมีเครื่องคั่วกาแฟ Probat ที่เจ้าของร้านสั่งมาโดยตรงจากเยอรมันเลยนะ เราขอเข้าไปดูได้เลยครับ ขอบอกว่าสวยมาก ERABICA COFFEE ตั้งอยู่ที่ไหน? สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาลองชิม Single Origin กาแฟน่าน เมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% จาก จังหวัดน่าน ร้าน ERABICA COFFEE ตั้งอยู่ใจกลางเมืองน่านเลยครับ ตรงถนนรังสีเกษม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน ไม่ไกลจากสนามบิน อยู่ถัดจากสามแยกหน้าโรงเรียนน่านคริสเตียนไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น (ถ้าใครขับรถมาเองแล้วกลัวไปไม่ถูก แนะนำให้ไปตามพิกัด GPS https://goo.gl/maps/9GnsPsxaC6Qon4vT6 ) ได้เลยครับ บริเวณหน้าร้านมีที่จอดรถค่อนข้างกว้าง ให้บริการฟรี แถมยังมีกล้องวงจรปิดติดอยู่หลายตัวเลยครับ รับรองหายห่วงเรื่องความปลอดภัยในระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ภายในร้าน ERABICA COFFEE เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. โดยลูกค้าสามารถโทร.สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 062-559-9044 และ 085-169-9916 ตามเวลาเปิดให้บริการของทางร้านครับ ภาพประกอบ โดย ผู้เขียน