หากพูดถึงดินแดนที่ยังหลงเหลืออารยธรรมเก่าแก่ประจำท้องถิ่นในประเทศไทย คงต้องนึกถึงดินแดนแห่งล้านนา ที่ยังคงเอกลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ สืบเนื่องมาอย่างช้านาน บันทึกการเดินทางครั้งนี้ขอแนะนำสถานที่สำคัญและเป็นสถานที่ที่ยังคงเหลือกลิ่นอายอารยธรรมของถิ่นล้านนาที่ผู้เขียนได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง เริ่มจากวัดศรีมงคล (ก๋ง) ตั้งอยู่ที่ อำเภอท่าวังผา เป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2395 พระสงฆ์ที่มีชื่อที่สุดของวัดนี้คือ หลวงปู่ก๋ง ภายในวัดมีที่จอดรถกว้างขวาง รองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนนึง แต่สิ่งที่ผู้เขียนได้เห็นส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเป็นคณะสงฆ์และเณร คงเป็นเพราะความเก่าแก่ รวมถึงของสะสมในพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ บริเวณด้านหลังวัดมีจุดชมวิวเหมาะกับการถ่ายรูปอย่างมาก ทิวทัศน์มองเห็นทุ่งนาและทิวเขาของดอยภูคาเรียงรายสลับซับซ้อน บริเวณทุ่งนามีที่พักและร้านกาแฟฮักน่านคาเฟ่ สามารถลงไปเดินเล่นถ่ายภาพได้ ช่วงผู้เขียนไปเป็นช่วงหน้าฝนภาพที่เก็บมาได้จึงมีแต่เมฆหมอก ได้ฟีลความเย็นอีกแบบเลยค่ะ ภายในวัดมีวิหารหลวงที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม โดยเลียนแบบการวาดของหนานบัวผัน จิตรกรชาวน่านเชื้อสายไทลื้อซึ่งวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์และวัดหนองบัวของจังหวัดน่าน และมีพิพิธภัณฑ์มงคลธรรมรังสีที่รวมรวมของโบราณต่างๆให้ได้ชม สถานที่ต่อไป ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดน่านคือ วัดภูมินทร์ ที่ซึ่งมีจิตกรรมฝาผนังที่โด่งดัง "ปู่ม่านย่าม่าน" ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อในสมัยโบราณกระซิบสนทนากัน ภาพวาดมีความประณีตมากและได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่งามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์ ใจกลางอุโบสถของวัดภูมินทร์ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศ เป็นประติมากรรมที่สวยแปลกและไม่เหมือนใคร และนี้ก็เป็นทริปเล็กๆ ที่ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านได้เห็นประติมากรรม จิตกรรม ของถิ่นล้านนา ที่ยังคงความเป็นอารยธรรมของบรรพบุรุษของพวกเขา หากผู้อ่านมีวันหยุดก็สามารถไปสัมผัสบรรยากาศได้ด้วยตัวเองที่เมือง "น่าน" ได้นะคะ