โดยรูปภาพนี้ถูกวาดเมื่อประมาณ 153 ปีมาแล้ว ประดับอยู่ในตัววัดภูมิทร์ ในจังหวัดน่าน โดยจิตรกรรมภายในอุโบสถจตุรมุข ส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะของล้านนา ที่อธิบายถึงวิถีชีวิตของคนในสมัยก่อน โดยรูปภาพที่เด่นและโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ซึ่งก็คือ ภาพนี้ "ปู่ม่าน-ย่าม่าน" หรือ ภาพที่ทุกคนเรียกกันว่า "ภาพกระซิบรักบันลือโลก" ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวสถานที่หลายๆที่ของจังหวัดน่าน คุณจะสามารถเห็นรูปนี้ได้ตลอดเพราะว่ารูปนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่านเลยก็ว่าได้ไม่ผิด ปู่ม่าน-ย่าม่าน ภายในภาพเป็นคนพม่าหรือ คนม่าน เลยเป็นที่มาของปู่ม่าน-ย่าม่าน โดยสังเกตได้จากการแต่งตัวของปู่ม่านที่มากผูกผ้าไว้ที่ศีรษะ นุ่งโสร่ง มีลักษณะการแต่งตัวคล้ายคนพม่า และมีรอยสักตั้งแต่ใต้หัวเข่าขึ้นมา โดยเรียกว่าการสักขายาว โดยมีลวดลายเป็นสัตว์ในวรรณคดี เช่นตัว มอม ลิงลม นกยักษ์ และมีการสักต่อจนถึงพุง จนพุงนั้นเป็นสีดำเลยเรียกคนแถบนั้นที่สักว่า "คนลาวพุงดำ" ตามร่างกายของผู้ชายจะมีรอยสักสีแดง ซึ่งเรียกว่าสักฝาง ซึ่งฝางหมายถึงสีแดง รอยสักนี้จะบ่งบอกฐานะว่ามีมากน้อยเท่าไร และย่าม่านจะแต่งกายใส่เอียมเกาะอกหนาหนึ่งหรือสองชั้น ใส่เสื้อคลุมแขนกระบอก นุ่งผ้าซิ่นลุนตยาของพม่าซึ่งจะมีการแหวกด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อให้สะดวกต่อการเดิน โดยการที่เข้าไปจีบของคนที่สักขาลายนั้นจะต้องทำการถกผ้าขึ้นมาเพื่อโชว์รอสสักให้ฝ่ายหญิงเห็นว่าตัวเองเป้นลูกผู้ชายมากแค่ไหน (แสดงความอดทน ความแข็งแกร่งในการมีรอยสักที่ยาวและเยอะ) คำฮักน้อง กูปี้นี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮิ้ ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา กลอนในข้างต้นนี้ ผมเชื่อว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยได้ยินผ่านหูมาบ้างจากเพลงหรือ ได้เห็นผ่านตาจากหนังสือมาบ้างซึ่งกลอนนี้ก็เป็นที่รู้จักกันอย่าแพร่หลาย โดยกลอนนี้ถูกแต่งขึ้นมาในภายหลังโดย อาจาร์ย สมเจตน์ วิมลเกษม ความรักของพี่นี้จักจะฝากไว้ในน้ำก็กลัวหนาวฃหากจะฝากน้องไว้บนอากาศกลางหาวฃก็กลัวเมฆหมอกจะบังความรักของพี่เสียหากจะฝากน้องไว้ในคุ้มในข่วงก็กลัวเข้าเมืองมาเจอจะแย่งน้องของพี่ไป จึงฝากไว้ในอกจึงฝากไว้ในอกในใจพี่นี้ให้มันร่ำร้องรำพี้รำพันอาลัยหายามหลับแลสดุ้งตื่นก็ไม่หาย คำแปลไทยของกลอนนี้ โดยมีคนเก่าคนแก่ภายในพื้นที่ที่ทำการบอกเล่าแล้วร่ายกลอนของภาพนี้ให้ฟัง ซึ่งคุณลุงเขาได้บอกสิ่งที่น่าตกใจสำหรับผมในตอนนั้นมาก รูปภาพรูปนี้ ที่โด่งดังขึ้นมาเพราะว่าจินตนาการของผู้คนที่ผ่านเข้ามา โดยเขาได้ดูและสังเกตจากการกระทำของผู้ชายในภาพที่เป็นการเอามือป้องที่ปากเหมือนพยายามที่จะปิดบังคำพูดไม่ให้คนรอบข้างรู้นอกจากผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาให้รู้แต่เพียงผู้เดียว โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเอ่ยวาจาใดออกมา เลยเป็นที่มาของ "ภาพกระซิบรักบันลือโลก" ในภายหลัง เครดิตภาพจาก: Apiwit Wongpair / Facebook ภาพปก ภาพที่1 ภาพที่3 เครดิตภาพจาก: อดิศักดิ์ สาศิริ / Facebookภาพที่2 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !