อุทยานแห่งชาติดอยภูคา มีดีอะไร ถ้าเราไม่ไปพิสูจน์ก็ยังหาตอบคำถามที่ดังขึ้นในหัวของเราตลอดเวลาไม่ได้ เมื่อปีที่แล้วระหว่างที่กำลังหาข้อมูล Road trip ไป จ.น่าน อยู่นั้น ส่วนใหญ่จะขับรถไปถ่ายรูปบนถนนลอยฟ้าบ้าง ไปนอนโฮมสเตย์ เที่ยวบ่อเกลือบ้าง จนเรามาสะดุดกับ comment ของคนๆหนึ่งใน Facebook เค้าแนะนำให้ไปลองนอนกางเต็นท์ชิวๆที่ อุทยานแห่งชาติดูสิ บรรยากาศดีไม่แพ้ใครเลยแหละ ด้วยความที่ไม่เคยไปเที่ยวน่านมาก่อนเลย ใจก็อยากจะไปในสถานที่ๆทุกคนก็บอกว่า "Must Have" แต่อีกใจนึงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอุทยานแห่งนี้ มีอะไรดี?? เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้ว ไม่รอช้า เก็บกระเป๋า เตรียมอุปกรณ์แคป์ปิ้งให้พร้อม แล้วออกไปยังจุดหมายปลายทางกัน ขอเริ่มจากความเป็นมาของดอยภูคาก่อน (website อุทยานแห่งชาติ : http://nps.dnp.go.th) ความเป็นมา : ด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน (นายสมชาย โลหะโซติ ) ได้มีหนังสือ ที่ 13/2526 ลงวันที่ 24 กันยายน 2526 เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายณรงค์ วงศ์วรรณ) ว่าได้รับการร้องขอจากราษฎร ขอให้กำหนดป่าดอยภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน เป็นอุทยานแห่งชาติ เนื่องจากยอดดอยภูคาเป็นยอดเขาสูงสุด ของจังหวัดน่านอันเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด โดยมีความสูงถึง 1,980 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นป่าต้นน้ำลำธารที่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำน่าน มีทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากมีการเล่าขานกันมาแต่ครั้งโบราณและเชื่อมั่นว่าเมืองเก่าของบรรพบุรุษคนเมืองน่านอยู่ในเขตบนเทือกเขาดอยภูคา จากข้อมูลได้อ่านนั้น จะเห็นได้ว่าดอยภูคา เป็นยอดเขาที่สูงสุดของจังหวัดน่าน ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะว่าอากาศที่นี่จะดีขนาดไหน จากภาพจะเห็นได้ว่ามีแดด แต่ในความจริงแล้วอากาศเย็นสบายมากๆค่ะ เมื่อเราเข้ามาที่อุทยาน หลังจากชำระเงิน และแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานว่าเราจะเข้ามากางเต็นท์เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาไปหาทำเลกางเต็นท์กันค่ะ เราเลือกมากางเต็นท์ที่ ลานดูเดือน เนื่องจาก ลานค่อนข้างกว้าง ลมพัดเย็นสบาย มองเห็นภูเขาตรงหน้าสวยๆ เนื่องจากเดินทางมาถึงช่วงเวลาสายๆ แดดกำลังส่องเลย หลังจากกางเต็นท์เสร็จรีบออกมาเดินสำรวจสถานที่กันดีกว่าค่ะ ที่แรกที่สำคัญเลยของผู้หญิงคือ.... ห้องน้ำค่ะ ด้วยความที่ชอบเที่ยวตามอุทยานอยู่แล้ว แต่ขอสารภาพตรงนี้เลยว่า ห้องน้ำที่นี่สะอาดสุดค่ะ เจ้าหน้าที่ดูแลดีมากค่ะ สะอาดแค่ไหน ตามภาพเลย แต่ถ้าไปช่วงเทศกาลก็ยากที่จะควบคุมให้สวยสะอาดแบบนี้ตลอดได้ ยังไงนักท่องเที่ยวก็ต้องช่วยกันนะคะ เพื่อคนที่ไปเที่ยวจะได้เก็บความประทับใจกลับบ้านกันทุกคน ยังคงสำรวจไปเรื่อยๆค่ะ ตามหาต้น ชมพูภูคา เป็นพรรณไม้ที่มีชนิดเดียวในโลก ในประเทศไทยพบเพียงที่เดียวที่ป่าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เท่านั้น เสียดายที่ยังไม่เห็นดอกค่ะ เนื่องจากต้นนี้จะออกดอกช่วงเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม ของทุกปีค่ะ ใกล้ๆต้นชมพูคาจะมีจุดชมวิว สวยมากค่ะ เดินไปเรื่อยๆ ท้องเริ่มร้องแล้ว อีกหนึ่งอยากที่ต้องทำสำหรับการไปนอนอุทยานก็คือ ไปทานอาหาร ของแต่ละอุทยานค่ะ เค้าว่ากันว่าอุทยานแถบภาคเหนือ ทำอาหารอร่อย สั่งไปหลายอย่างมากเลยค่ะ แต่ทีเด็ดคือเมนูนี้ "ไก่ทอดมะแขว่นภูคา" Recommend เลยค่ะเมนูนี้ รสชาติของมะแขว่นจะคล้ายๆลูกพริกไทยสด แต่จะมีกลิ่นหอมกว่ามาก หลังจากอิ่มท้องแล้ว ตถึงเวลาต้องเดินย่อยซักหน่อย ระหว่างทางเดินกลับเต็นท์ เก็บภาพบ้านพักของอุทยานมาให้ชมค่ะ น่ารักเชียว หากท่าไหนสนใจบ้านพักของอุทยานก็สามารถเข้าไปจองได้ที่ Website ของอุทยานได้เลยค่ะ >> http://nps.dnp.go.th/reservation.php << กลับถึงเต็นท์เริ่มมืดแล้ว พื้นที่มีคนมาจับจองกับจนเกือบเต็มลานกางเต็นท์ พรุ่งนี้มีแพลนขับรถไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว 1715 ที่จุดชมวิวตอนเช้าๆ จะมีชาวบ้านขายของเยอะแยะมากเลยค่ะ จะเป็นพวกอาหารเช้า โอวัลตินร้อน กาแฟร้อน มาม่า อีกอย่างได้เห็นมะแขว่นแล้ว ว่าแล้วก็ซื้อกลับไปเป็นของฝากเลยค่ะ พวงละ 10 บาท ถูกมากค่ะ ระหว่างทางที่ลงจากดอยภูคา เจอร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาดอยกว่าง จะมีขายทั้งชา กาแฟ และ ก๋วยเตี๋ยว บรรยากาศของร้านดีจริงๆค่ะ เจ้าของร้านยังคงความคลาสิิคไว้ เปิดวิทยุทรานซิสเตอร์ให้ฟังด้วย ถ้ามาช่วงปลายฝนต้นหนาว ต้นข้าวคงจะเขียวน่าดู หน้าตาของก๋วยเตี๋ยวก็จะประมาณนี้เลยค่ะ สไตล์ต้มยำแบบเปรี้ยวๆหวานๆ อร่อย ราคาไม่แพงเลยค่ะ ทริปนี้จบแบบแฮปปี้มากๆ ทั้งกินอิ่ม นอนหลับไปพร้อมกับอากาศเย็นๆบนภูเขา อยากให้ทุกคนไปเที่ยวตามเสียงของหัวใจแบบนี้ดูบ้างค่ะ ที่เที่ยวในประเทศของเราสวยๆ ยังรอให้เราไปค้นหาอีกหลายที่เลย