หากมีโอกาสผ่านไปจังหวัดแพร่ หลาย ๆ ท่านจะมีความเข้าใจว่าเมืองแพร่นั้นเป็นเพียงแค่เมืองทางผ่าน แต่ในความเป็นจริงแล้วเมืองในหุบเขาเช่นเมืองแพร่นี้ กลับมีสถานที่ที่ท่องเที่ยวทางด้านพระพุทธศาสนาอันน่าสนใจหลายแห่งด้วย โดยเฉพาะที่เป็นซิกเนเจอร์ที่หลายท่านรู้จักเป็นอย่างดี นั่นก็คือ วัดพระธาตุช่อแฮ่ โด่งดังถึงขนาดปรากฏเด่นชัดในคำขวัญของจังหวัดแพร่เลยทีเดียว [ พระธาตุช่อแฮ่ จุดเริ่มต้นของพระธาตุดอยเล็ง ] เมื่อได้ไปวัดพระธาตุช่อแฮแล้ว ไม่ไกลกันนั้นห่างออกไปเพียงประมาณ 1 กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุจอมแจ้ง ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ แล้ว ครั้นจะไม่ไปต่อก็กระไรอยู่ ดังนั้นทั้งสองสถานที่นี้จึงเป็นเหมือนของคู่กัน เมื่อมาถึงวัดพระธาตุช่อแฮแล้วต้องไปต่อที่พระธาตุจอมแจ้ง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า หลังวัดพระธาตุช่อแฮ ไกลออกไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จะมีวัดพระธาตุแห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาอันสูงใหญ่ คอยมองดูความเจริญรุ่งเรืองของพระธาตุช่อแฮ และเมืองแพร่อย่างเงียบ ๆ วัดพระธาตุแห่งนั้นคือ...วัดพระธาตุดอยเล็ง... [ องค์พระธาตุดอยเล็ง ] วัดพระธาตุดอยเล็งแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ เคยได้ยินชื่อครั้งแรกเมื่อตอนยังเป็นเด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบ การเดินทางขึ้นพระธาตุดอยเล็งในสมัยนั้น รถยนต์ธรรมดาไม่สามารถเดินทางขึ้นไปได้ ต้องอาศัยรถขับเคลื่อนสี่ล้อตะลุยขึ้นไปเท่านั้น ตั้งแต่นั้นจึงชอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อมาตลอด เพราะไปได้ทุกที่แม้จะไม่มีทางก็ตาม ดังนั้นวัดพระธาตุแห่งนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนัก จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปหลายปีต่อหลายปี ถนนหนทางเริ่มได้รับการพัฒนาจนกระทั่ง รถธรรมดาสามารถขับขึ้นไปถึงตัวพระธาตุได้ และด้วยความร่วมมือกันของท่านเจ้าอาวาส เจ้าคณะฯ ผู้บริหารจังหวัดฝ่ายฆราวาส และพุทธศาสนิกชน จึงได้ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระธาตุดอยเล็ง เมื่อนั้นวัดพระธาตุแห่งนี้ จึงเริ่มเป็นที่รู้จักกันจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ได้ ในที่สุด [ วิวจาก พระธาตุดอยเล็ง ทางมุมขวาเล็กๆ ของภาพจะเป็นวัดพระธาตุช่อแฮ ] เหตุที่ได้ชื่อว่าดอยเล็งนั้น ตำนานเมืองเขาเล่าว่า ในสมัยพระมหาธรรมราชาธิราช (ลิไท) พระองค์ได้พระราชทานพระบรมธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแด่ขุนลัวะอ้ายก้อม ขุนลัวะอ้ายก้อมซึ่งมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ต้องการจะหาสถานที่สร้างพระธาตุเพื่อบรรจุพระบรมธาตุนั้น จึงเดินทางสำรวจขึ้นมายังจุดสูงสุดของเมืองแพร่ เพื่อจะเล็งหาสถานที่เหมาะแก่การสร้างองค์พระธาตุนั้น เมื่อสร้างพระธาตุองค์พระธาตุเสร็จเรียบร้อย (ต่อมาองค์พระธาตุนั้นได้ชื่อว่า พระธาตุช่อแฮ) ขุนลัวะอ้ายก้อม ก็ระลึกถึงภูเขาที่ตนขึ้นไปยืนเล็งดูภูมิประเทศ จึงได้สร้างเจดีย์ขนาดเล็กเรียกว่า อุทเทสิกเจดีย์ บนภูเขาดังกล่าวเอาไว้ จนเป็นที่มาของ พระธาตุดอยเล็ง ในเวลาต่อมา [ ทวารบาล ประจำประตูในพระอุโบสถ ] ในส่วนของการเดินทางมาพระธาตุดอยเล็งนี้ รถยนต์ หรือรถสองล้อ ทุกชนิดสามารถขับขี่ขึ้นมาได้ถึงตัวองค์พระธาตุเลยครับ เห็นว่ามีคนปั่นจักรยานขึ้นไปด้วย แข็งแรงสุด ๆ สำหรับถนนหนทางในขณะนี้แม้จะได้รับการซ่อมแซมดีแล้วก็ตาม แต่ทางค่อนข้างชันต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทางด้วยนะครับ ส่วนการเดินทางโดยรถสาธารณะเท่าที่ทราบยังไม่มีรถวิ่งผ่าน อาจจะต้องใช้วิธีเหมารถจากตัวเมืองแพร่ หรือเหมารถจากวัดพระธาตุช่อแฮ เพื่อขึ้นไปชมความงาม และวิวทิวทัศน์บนวัดพระธาตุดอยเล็งแทน [ ภายในในพระอุโบสถ ] ในส่วนของ เวลาทำการ คือ ทุกวัน จันทร์ - จันทร์ เวลา 9.00 -17.00 น. หลังจากเวลานี้ ขึ้นไปได้ เพราะทางขึ้นไม่มีประตูปิด แต่จะไม่มีใครอยู่คอยนะครับ เคยขึ้นช้าไปสักหน่อยในเวลาเกือบจะ 5 โมงเย็น...เงียบมากกก... [ เขาช้างผ่าน ที่มองจากดอยเล็ง เยื้อง ๆ มาทางด้านซ้าย จะเห็นเทือกเขาที่สูงเด่น เหมือนช้างที่มองจากด้านข้าง ] ภาพประกอบโดย Shenzhen inDY