สวัสดีครับสำหรับใครหลาย ๆ คนที่สนใจการเดินทางท่องเที่ยวกับธรรมชาติ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบการท่องเที่ยวกับธรรมชาติ ก็เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ในการเดินป่าของผม ภูสอยดาว หลาย ๆ คนคงจะรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี โดยสำหรับ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอน้ำปาด อำเภอบ้านโคก ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก และเขตแดนติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นอีกสถานที่หนึ่งสำหรับใครหลาย ๆ คนที่เป็นนักเดินป่า ยิ่งเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคม - เดือนตุลาคม การเดินขึ้นลานสน เป็นสิ่งที่ควรจะไปสัมผัสให้ได้ วันนี้ผมอยากจะเล่าบันทึกการเดินของผม ภูสอยดาว เป็นสถานที่แรกในชีวิตของผมที่ได้เดินขึ้นไปบนลานสนและไปกางเต้นท์นอนกับเพื่อน ๆ เพราะส่วนมาก็เคยเดินแต่ป่าในค่ายลูกเสือมากกว่า สำหรับผู้ร่วมผจญภัยของเราในครั้งนี้ มี 6 คน ผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 4 คน สำหรับการวางแผนผมและเพื่อนผู้ชายอีกคนเป็นคนวางแผนว่าวันนี้เราจะกินอะไรดี ก็คือเป็นฝ่ายเตรียมเสบียงนั้นเอง ในวันแรกเราเดินทางไปถึงที่ทำการอุทยานประมาณเที่ยง พอจัดการลงทะเบียนอะไรเรียบร้อย ก็จะมีรถของอุทยานพาไปส่งที่ตัวน้ำตกภูสอยดาว เพื่อเดินขึ้นไปลานสน เราเริ่มเดินขึ้นลานสนประมาณเวลา 12.00 น. ไปถึงลานสนประมาณ 17.00 น. เนินที่โหด ก็น่าจะเป็นเนินส่งญาติซึ่งเป็นเนินแรก และเนินมรณะ ที่เป็นเนินสุดท้ายก่อนถึงลานสน พอขึ้นไปถึง อากาศข้างบนคือเย็นจนหนาวเลยครับ ความคิดที่จะอาบน้ำนี่แวบหายไปจากความคิด 555 พอถึงเราก็หาจุดกางเต้นท์ครับ พยายามหาที่กางแบบมีต้นไม้บังลมให้ด้วย เพราะกลางคืนลมแรงมาก โดยแบ่งหน้าที่ผู้หญิงกางเต้นท์ ผู้ชายเดินออกหาฟืนครับ (ทางอุทยานมีเตาให้เช่าและมีถ่านขาย หากไม่สะดวกก่อกองไฟ) ผมชอบอาหารเย็นข้างบนที่สุดเลย เพราะเรากินแบบแสงไฟไม่ค่อยมีก็ไม่รู้ว่าหมูที่ย่างมันดำแค่ไหน 555 แต่มันสนุกตรงล้อมวงกันกินข้าวครับ สิ่งที่ประทับใจที่สุดก็เป็นท้องฟ้าเวลากลางคืนเลยครับ สวยแบบสุดๆ ความรู้สึกแบบอยู่ใกล้ท้องฟ้าแทบจะเอามือเอื้อม เสียดายที่กล้องเราไม่สามารถถ่ายได้ แต่ผมว่าตาเราเห็นเองนี่แหละสวยที่สุด พอเห็นดวงดาวความเหนื่อยที่ผ่านมาเราลืมไปหมดเลยครับ อากาศตอนกลางคืน นี่หนาวถึงใจมากๆ พอตอนเช้าเราตื่นมาก่อไฟอุ่นข้าว แต่ไฟติดยากจนพี่ๆ เต้นท์ข้างๆ เขายกเตามาให้ใช้ พี่ๆเขาใจดีมากๆ มิตรภาพที่หาได้ระหว่างทางเลยครับ หมอกตอนเช้า รอดูดวงอาทิตย์ขึ้น มันคือสิ่งที่เราหาตามในเมืองยากมากๆ พอเก็บของเสร็จก็เดินลงระหว่างทางเราจะสวนทางกับนักท่องเที่ยวที่เดินขึ้นครับ ก็คือทักทายให้กำลังใจกันตลอดทางครับ มีจับมือให้กำลังใจกัน ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ดีสุด ๆ อยากให้ทุกคนไปลองสัมผัสครับ เราลงมาถึงข้างล่างประมาณเที่ยง ก็จะมีรถของอุทยานรับเราจากน้ำตกไปที่ตัวสำนักงานอุทยานเพื่อรอสัมภาระจากลูกหาบครับ สุดท้ายนี้แม้มันอาจจะไม่หวือหวา แต่ผมว่ามันเป็นความทรงจำดีๆ ระหว่างเรากับเพื่อนๆที่ไปด้วยกัน ...นี่เป็นบทความแรกของผู้เขียนอาจจะไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ผมจะพยายามพัฒนาต่อไปนะครับ... ฝากติดตามด้วยนะครับบ