"เมื่อสุริยันต์ลาลับขอบฟ้า จันทราก็สาดแสงมาทายทัก" ทะเลสาบสุริยันต์จันทรา หรือทะเลสาบลำน้ำน่าน จุดชมพระอาทิตย์ตกและพระจันทร์ขึ้น ยิ่งในช่วงที่สุริยันต์กำลังจะสิ้นแสงลาลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกในเวลาเดียวกันทางฝั่งทิศตะวันออกก็จะเห็นจันทราแวะมาทายทักให้เห็น มันช่างงดงามยิ่งนัก วันนั้น (21/12/2561) โอ๋กับเพื่อนไปถึงก็เย็นมากแล้ว ทั้งหลง ทั้งอ้อมมั่วไปหมด 555 เลยเก็บภาพมาได้เพียงบางส่วน เพราะมัวแต่รีบกันช่วยกางเต็นท์ ( ครั้งแรกของการออกทริปแค้มป์ปิ้ง ) กว่าจะกางเสร็จเล่นเอาเหนื่อยตามประสามือใหม่หัดกางเต็นท์ " สุริยันต์กำลังจะลาลับขอบฟ้า " โชคดีที่ถ่ายไว้ได้ทันก่อนพระอาทิตย์ตก ก่อนหน้าที่โอ๋กับเพื่อนจะมาถึง มีกลุ่มน้อง ๆ วัยรุ่นประมาณ 7-8 คน มากางเต็นท์กันอยู่ก่อนแล้ว (เ ต็นท์ 3 หลัง ) และตรงเนินด้านบนจะมีเต็นท์ของคุณลุงคุณป้ากางอยู่ โอ๋กับเพื่อนเลยขยับมากางเต็นท์อยู่ตรงจุดกึ่งกลางริม ๆ จะได้ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน " จันทราสาดแสงทายทัก " ดวงจันทร์ที่นี่สุกใสมาก ยังจำได้ดี วันนั้นโอ๋เงยหน้าขึ้นมองพอเห็นปุ๊บก็ยกโทรศัพท์ถ่ายเลยทันที มันเหมือนเชิญชวนแบบ ถ่ายชั้นสิ ชั้นสวยนะ อะไรประมาณนั้น 555 ( แต่มันก็สวยจริง ๆ นะ ) จากจุดกางเต็นท์ ก็เดินย้อนขึ้นมาประมาณ 500 เมตร เอาจริงตรงจุดกางเต็นท์จะมีห้องน้ำอยู่ 2 ห้องนะแบ่งเป็นชาย-หญิง แต่วันนั้นมีนักท่องเที่ยวมาพักพอสมควร โอ๋เลยต้องเดินมาไกลอีกนิด เพราะถ้ารอคงอีกนานเลยละ แต่ตรงนี้ก็ดีนะทั้งกว้าง ทั้งห้องเยอะดี แถมสว่างอีกด้วย บรรยากาศภายในห้องน้ำ ส่วนใหญ่แทบจะทุกอุทยานฯ จะแยกห้องอาบน้ำกับห้องสุขาไว้อย่างชัดเจน ส่วนจะมีมากน้อยแค่ไหนก็น่าจะขึ้นอยู่กับงบประมาณ และสถานที่ว่าคนนิยมมากน้อยเพียงใด ห้องอาบน้ำ โชคดีที่ฝักบัวใช้ได้ แต่น้ำกระจายรอบทิศทางมาก ( คือห้องนี้ดีที่สุดแล้ว ) ไม่แคบจนเกินไป เหมือนเดิมเพื่อน ๆ ที่เป็นผู้หญิง อย่าลืมพกตะขอตัวS ตะกร้าใส่อุปกรณ์อาบน้ำ ไม้แขวนเสื้อ ถุงผ้า ถุงพลาสติก ( สำหรับใส่เสื้อที่ซัก ) มากันด้วยนะ เพราะอย่างที่นี่ บังเอิญห้องน้ำที่ว่างมันดันไม่มีกลอน โอ๋เลยเอาตะขอตัวSเกี่ยวแทน ( เห็นไหมมีประโยชน์มากมาย ) บรรยากาศยามเช้ายังไม่มีเต็นท์ไหนตื่น โอ๋ตื่นก่อนเลยได้เปรียบได้เดินมาเก็บภาพบรรยากาศแบบชิล ๆ เงียบ ๆ มันก็ได้อีกอารมณ์นะ " ศาลาไม้ริมทาง " วิวนี้ถ่ายตรงศาลาไม้ เดินเลยห้องน้ำเมื่อคืนขึ้นมา มันเป็นศาลาไม้ที่พร้อมจะหักรึเปล่าไม่รู้ คือ โอ๋เป็นคนกลัวความสูงไง พอต้องไปเดินบนพื้นที่มันไม่มั่นคง ความกลัวก็จะมาเยือนทันที และระหว่างถ่ายรูปอยู่นั้น เสียงก็มาพร้อมการเหยียบย่างขึ้นมาบนศาลา โอ๋หันขวับไปในทันที พร้อมตะโกนบอก พี่คะรอสักครู่นะคะ ขอโอ๋เดินออกไปก่อน ( ขืนเดินเข้ามาพร้อม ๆ กันเกิดพังลงไป ก็แย่เลยสิเรา ) พอโอ๋เดินออกมาพ้นศาลา พี่ ๆ เค้าถามทันที เข้าไปได้ไหมครับ โอ๋ก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมบอกว่า พี่ก็ค่อย ๆ หยั่งเท้าไปละกันค่ะ เพราะโอ๋ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน " มุมมองจากในเต็นท์ " ตอนที่ถ่ายนี่แดดจ้ามาก ถึงขนาดเอาเก้าอี้ตาก ผ้าขนหนูตาก แป๊บเดียวแห้งได้เลย (ร้อนมาก) ก่อนมาโอ๋เคยลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่นะ เค้าบอกว่าเมื่อก่อนมันกว้างกว่านี้ แถมแนวดินยังเชื่อมต่อไปถึงเกาะน้อยฝั่งนู้นอีกด้วย แต่อาจเป็นเพราะน้ำในเขื่อนด้วยแหละ ที่ทำให้มันเปลี่ยนไปจากเดิม " ปูนขาว " เห็นรอยขาว ๆ กันรึเปล่า เป็นปูนขาวที่โรยกันมด ก่อนกางเต็นท์เราต้องคอยส่องว่าไม่ไปทับรังมดหรือขวางทางเดินของมดนะ ไม่งั้นไม่ได้นอนทั้งคืนแน่ ทำไมนะหรือ ก็เพราะเจ้ามดจะเข้ามากวนในเต็นท์แทนนะสิ " วิถีชีวิต " เป็นเรื่องปกติของคนที่นี่ ที่มีอาชีพประมงหาปลาในเขื่อน พอเช้าก็ขับเรือยนต์ออกทำมาหากินเลี้ยงชีพ ส่วนใครอยากดื่มด่ำกับธรรมชาติต่อก็จัดไป กางอยู่โดดเดี่ยวมากเช้านี้ ( เต็นท์อื่นเค้ากลับกันหมดละ ) " กะหล่ำปลีหมูสามชั้น " เมนูง่าย ๆ ยามเช้า มีทั้งผัก และเนื้อสัตว์ ยิ่งกินพร้อมกับข้าวกล้องร้อน ๆ เคล้ากับบรรยากาศ ยิ่งทำให้เมนูธรรมดาจานนี้ เป็นเมนูที่สุดแสนจะพิเศษไปเลย หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็ได้เวลาโบกมือลา สุริยันต์จันทรา ที่แสนประทับใจ อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็เคยได้มาสัมผัส เชื่อว่าหากมาอีกครั้งอะไรหลาย ๆ อย่างคงเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนอาจจะเป็นวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ ที่พยายามปรับตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติ เคารพธรรมชาติ เราผู้มาเยือนก็คงต้องเคารพกติกานี้เฉกเช่นกัน ภาพปกและภาพประกอบโดย : Oh Wanwisa