พิชิตภูเดียวเที่ยวสองแผ่นดิน ลานสนที่สวยงาม ชมทุ่งดอกหงอนนาค ที่ ภูสอยดาว เด้อ. Hello พบกับ Bambom อีกครั้งแล้วน่ะครับเพื่อน ๆ ชาวขาเลาะ ขาลุย ๆ และเพื่อน ๆ นักเดินป่าทั้งหลายครับ ครั้งนี้ผมจะมาขอแชร์เล่าประสบการณ์ในการเดินป่าครั้งแรกในชีวิตของผมให้เพื่อน ๆ ได้ฟัง ได้อ่านครับ ซึ่งที่นี่ก็คือ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จร้า เพื่อน ๆ พร้อมที่จะไปลุย ๆ ไปกับผมยังครับDay 1 . น้ำตกภูสอยดาว ครับสวยดีน้ำเย็นสบาย อากาศโคตรสดชื่น ฟินฟุด ๆ ๆ เลยจร้านี่ก็คือเป็นจุด Start ที่จะต้องเดินเท้าขึ้นไปสู่ยอดของภูสอยดาว ซึ่งมันทำให้ผมโคตร ๆ ตื่นเต้น เอามาก ๆ เลยครับ ขอบอก เพราะมันเป็นทริปแรกสำหรับผมที่ได้ออกมาฝึกหัดกับการเดินป่า ซึ่งมันเป็นอะไรที่ โคตร ๆ ท้าทายในชีวิตเอาซะเลยจร้า ขอ Check In กับป้ายชื่อตรงทางขึ้นก่อนน่ะครับ แค่เห็นข้อความที่เขียนไว้บนป้ายบอกเส้นทางการเดินเท้าในระยะทาง 6.5 กม. ผมแอบคิดในใจเลยว่าจะไหวใหมเนี้ย แค่คิดก็เหนื่อยแล้วแหละ…5555.ก่อนที่พวกผมจะออกเดินทางนั้น ขอแวะไหว้ศาลเจ้าปู่ภูสอยดาว และ เจ้าที่ เจ้าป่า เจ้าเขา ที่ปกปักรักษาพื้นป่าแห่งนี้ก่อนน่ะครับ เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเราเองครับ สำหรับเส้นทางการผจญภัยพิชิตลานสนภูสอยดาว จะต้องผ่านเนินวัดใจ ทั้งหมด 5 เนิน ดังนี้เลยครับ 1. เนินส่งญาติ เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะได้เจอสิ่งท้าทาย เพราะทางขึ้นนั้นจะเป็นบันไดเหล็ก สลับกับ ทางเดินที่มีความชันพอสมควร และดูเหมือนจะเดินง่ายน่ะครับ แต่หารู้ใหมว่าโคตรเหนื่อยสุด ๆ เลยแหละแค่พึ่งจะเดินยังไม่ไปถึงใหนเลย …555.2. เนินปราบเซียน แค่ผมเห็นป้ายชื่อบอกแค่นั้นบอกได้คำเดียวเลยว่า โคตรท้อเอามาก ๆ เลยเพราะเส้นทางที่เดินนั้นเพิ่มความลาดชันขึ้นมาอีก ซึ่งเนินนี้ถือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวพากันนั่งพักกันเยอะ ผมน่ะทั้งเหนื่อย ทั้งหอบ แถมแดดร้อนจัดด้วย ลมแทบจับเลยจร้า ( คือแทบจะเป็นลม ) คิคิคิ จนทำให้ผมเกิดคำถามมากมายขึ้นมาในหัวสมองของตัวเองขึ้นมาทันทีทันใดเลยว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ ฉันมาลำบากทำไม สู้วันหยุดฉันไปเดิน Shopping ตากแอร์เย็น ๆ ในห้างจะไม่ดีกว่าเหรอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมหายเหนื่อยในตอนนั้นได้ ก็คือ รอยยิ้ม หรือคำพูดที่บอกว่า สู้ ๆ ๆ ที่เราได้รับจากเพื่อน ๆ นักท่องเที่ยวด้วยกันครับ ที่พูดให้กำลังใจกันในระหว่างที่เดินสวนทางกันนั้นแหละครับ ซึ่งทำให้ผมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยครับมันเปรียบเสมือนเป็นยาวิเศษให้กับผม จริง ๆ เลยครับ3. เนินป่าก่อ เป็นช่วงทางเดินที่ผมคิดว่ามันเดินง่ายไม่ชันมาก มองไปรอบ ๆ ก็จะเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าหลากหลายชนิด และต้นไม้ที่มีความสูงทั้งต้นเล็กน้อยใหญ่ยืนเรียงสลับกันไปครับเขาน่าจะเรียกว่า ต้นก่อ ป่าไม้ที่นี่ถือว่าเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์อีกพื้นที่หนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ4. เนินเสือโคร่ง เป็นเนินที่เดินได้แบบเรื่อย ๆ ชิว ๆ เดินชมความสวยงามของธรรมชาติไปด้วย พร้อมมีจุดที่ให้นั่งพักอีกด้วย แบบว่าเหนื่อย ก็พัก หายเหนื่อยก็ค่อยเดินไปต่อครับ แบบไม่รีบตามกำลังเราไหวครับผม 5555.5. เนินมรณะ เป็นเนินสุดท้าย ที่มีความลาดชันที่สุดที่จะต้องเดินขึ้นเขา และเส้นทางนั้นจะแคบ ๆ นิดหน่อย ซึ่งเดินได้ทีละคนชนิดที่เดินต่อแถวตามหลังกันไปครับ และเป็นเนินที่ทำให้เรานั้นหายเหนื่อยก็ว่าได้ครับ ซึ่งมีจุดถ่ายภาพและจุดชมวิวที่สวย ๆ หลายจุดด้วยกันครับ ซึ่งผมและเพื่อน ๆ ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 4 – 7 ชั่วโมง ( ขึ้นอยู่กับความฟิตร่างกายของแต่ละคนด้วยครับ )ผมโคตรดีใจมาก ๆ พอเห็นป้ายนี้อยู่ตรงหน้าน่ะในที่สุดผมและเพื่อน ๆ ก็ถึงที่หมายจนได้จร้า และที่สำคัญมันโคตรภูมิใจในตัวเองมากที่ตัวเองทำได้ที่สู้เดินขึ้นมาสู่ที่เป้าหมายปลายทางสำเร็จจนได้ ....อิอิอิอิอิ.นี่ก็ถือเป็นบทเรียนแรกอีกบทเรียนหนึ่งสำหรับผมก็ว่าได้ที่จะต้องดูวิธีสาธิตการกางเต้นท์นอนสำหรับค่ำคืนนี้ครับ ต้องขอขอบคุณพี่แบงค์ มาก ๆ ครับที่สอนวิชานี้ให้กับผมและเพื่อน ๆ จนทำได้สำเร็จทุกคนเลยจร้า...5555.ตรงนี้ถือว่าเป็นไฮไลต์ที่สำคัญของงานเลยก็ว่าได้ครับ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ในครั้งนี้ก็คือ " ทุ่งดอกหงอนนาค " ที่เป็นดอกเล็ก ๆ สีม่วงอ่อน ๆ ที่ดอกบานสะพรั่งเต็มบริเวณลานต้นสนที่มีความสูงโปร่งซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณจุดกางเต้นท์ไม่มากเท่าไหร่ มันโคตรสวยงามมาก ๆหลังจากที่ผมเหนื่อยจากการเดินทางและสนุกกับการถ่ายรูปแบบฟิน ๆ มาทั้งวันแล้วก็ได้เวลาหิวขึ้นมาทันทีครับท่าน นี่ก็คือเป็น อาหารมื้อค่ำ สำหรับผม และ เพื่อน ๆ แห่งค่ำคืนนี้ครับ บอกได้เลยว่าโคตรอร่อยที่สุดในสามโลกเลยจร้า ก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้าไปนอนหลับพักผ่อน เพื่อที่จะเตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า Good Night จร้า. Day 2 . Good Morning จร้า แสงแรกแห่งเช้าวันใหม่ที่ผมและเพื่อน ๆ มารอดูพระอาทิตย์ขึ้นในยามตรู่ บอกได้เลยว่า บรรยากาศตรงนี้โคตร ฟิน สุด ๆ และอากาศโคตรดีมาก ๆ มีลมพัดเย็นดี แบบว่าดื่มด่ำธรรมชาติกับอากาศที่บริสุทธิ์ทำให้ชุ่ม ปอด ตับ ไต ไส้พุง ไปเลยจร้า ...5555.โคตรตลกตัวเองมาก ๆ เลย ทำไปได้ไงกับการโพสต์ท่านี้ยัง กะ ว่าเหมือนตัวเองอยู่บนเวทีประกวดมีสยูนิเวิร์สอย่างงั้นแหละ... 5555..มันโคตรคุ้มมากกับการที่ออกมาเที่ยวในทริปนี้ คือการที่ได้มาพิชิตภูเดียวเที่ยวสองแผ่นดินที่ ภูสอยดาว คือ จะมีหลักเขตที่ปักปันเขตแดนแบ่งระหว่างประเทศไทย และ ประเทศลาว ครับ ที่มีเกิดขึ้นหลังสงครามบ้านร่มเกล้า หลังจากที่พวกเราประชุมอาเซียนเสร็จแล้ว เอ๊ะเอ๊ะ! ! ไม่ใช่นี่หว่า ผิดงาน 5555. หลังจากที่ผมและเพื่อน ๆ เต็มอิ่มกับการถ่ายรูปแบบว่ากดชัตเตอร์แบบรัว ๆ กันไปเลย จึงพากันเดินกลับไปยังที่พัก เพื่อที่จะได้ช่วยกันเก็บสัมภาระเตรียมตัวเดินลงเขาอาหารมื้อเช้า คือ ข้าวต้ม จร้า และจะมีพวกชา กาแฟ ให้ทานอีกด้วยครับ เลือกตามใจเราได้เลย เอาที่เราสะดวกครับท่านนี่ก็คือเป็นภาพพลังแห่งความสามัคคีกันที่ร่วมด้วยช่วยกันในการเก็บเต้นท์และเก็บสัมภาระจะได้เสร็จเร็ว ๆ เพื่อที่จะเดินทางลงเขาไปพร้อมกันจร้าขาเดินลงจากเขานั้นผมขอแวะถ่ายรูปกับป้ายตรงนี้ก่อนที่เขียนบอกว่าเรานี่คือ ผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว ระดับความสูง 1,633 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของงานอีกจุดที่ใคร ๆ มาแล้วจะต้องหยุดถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกจร้า เก็บภาพสวย ๆ พร้อมกับ วิวเขา ทิวทัศน์ที่สวย ๆ มาฝากเพื่อน ๆ ครับผมบอกได้เลยว่าโคตรสวย จนทำให้ลืมความเหน็ดเหนื่อยไปเลยแล้วผมก็เดินลงมาถึงที่หมายปลายทางแล้วจร้า เราเป็นผู้พิชิตยอดเขาภูสอยดาว เย้ ๆ ๆ ๆ ในที่สุดผมก็ทำได้จร้ากับการเดินป่าครั้งแรกในชีวิตของผม และผมเชื่อว่าถ้าทุกคนมีใจพร้อมที่จะกล้าทำสิ่งใหนแล้วพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ผมเชื่อว่าทุกคนก็ทำได้อย่างที่ผมทำนี้แหละครับ บอกได้เลยว่า มันโคตรมีความสุขจริง ๆ แล้วจงสร้างความศัทธาสร้างพลังให้กับตัวเองอยู่เสมอ รับรองได้ว่าคุณก็สามารถทำสิ่งนั้นได้สำเร็จเหมือนกัน ในระหว่างที่รอสมาชิกลงมาให้ครบนั้นผมได้มานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจตรงน้ำตกภูสอยดาว ให้หายเหนื่อยอย่างสบายใจฉ่ำไปเลย ขอบอกเลยว่าน้ำโคตรเย็นมาก ๆ ซึ่งเป็นลำธารที่ไหลลงมาจากบนเขาเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาระหว่างที่นั่งรอรถมารับเพื่อที่จะไปอาบน้ำ ก็พากันถ่ายรูปกลุ่มแบบรัว ๆ ชนิดที่เรียกได้ว่าถ่ายให้เลนส์กล้องแตกกระจายเป็นเลยจร้า...คิคิคิ.นี่ก็คือรถ มารับ - ไปส่ง นักท่องเที่ยวไปยังจุดตรงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เพื่อที่จะให้พวกเราได้อาบน้ำ หรือ จุดที่พวกเราได้จอดรถส่วนตัวเอาไว้ครับ หลังจากนั้นพวกผมก็พากันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยสมาชิกมาครบกันทุกคนแล้วพวกผมจึงพากันเดินทางกลับกรุงเทพอย่างปลอดภัยพร้อมทั้งความสุขและมิตรภาพที่ดี ๆ ที่มอบให้แก่กัน และประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ได้เรียนรู้ ในทริปนี้แบบเต็มอิ่มไปเลย ปล.เพื่อน ๆ คนใหนที่มีประการณ์ในการเดินป่าครั้งแรกแบบนี้ ก็เอามาแชร์เล่าสู่กันฟังบ้างเด้อครับ ผมเชื่อว่าถ้าหากทุกคนได้ทำในสิ่งที่เรายังไม่เคยได้ทำแต่ถ้าได้ลองทำหรือได้ลองมาสัมผัสดูแล้วจะรู้เลยว่ามันโคตร ๆ มีความสุข แล้วมันโคตรเจ๋งจริง ๆ ครับ ลองดูน่ะครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนน่ะครับ ถ้าหากผมเขียนคำผิดพลาดประการใด ก็ต้องขอกราบขอโทษมาในที่นี้ด้วยน่ะครับ ฝากกดติดตาม หรือ แสดงความคิดเห็น ติชม เข้ามาได้เลยน่ะครับ และทริปหน้าไว้เจอกันใหม่น่ะครับ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว : แห่งนี้ มีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ที่ตั้ง : ต.ห้วยมุ่น อ. น้ำปาด จ. อุตรดิตถ์ 53110 Tel. 05-543-6793 , 095 -629 -9528 , 091-024 - 7633อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ : ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท เวลาเปิดทำการ : ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน กรกฎาคม - กลางเดือน มกราคม ของทุกปีห้องน้ำมีให้บริการ และมีลูกหาบ ด้วย เขาคิดเป็น กิโลกรัม ล่ะ 30 บาท ภาพถ่ายโดยผู้เขียน :"Bamboo98"