Tense ยังไงให้ Make Senseรูปกริยาในภาษาอังกฤษมีหลายรูปและปรับเปลี่ยนตามเวลาที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันจะให้ความหมายแฝงที่นอกเหนือจากการบอกเวลา "Tense"ที่น่าจะใช้ได้ง่ายที่สุดในภาษาอังกฤษคือ "Future Tense" เนื่องจากมีลักษณะการแปลตามภาษาไทยและไม่ต้องเปลี่ยนรูปกริยาให้ยุ่งยาก โดยกริยาแท้ที่ให้ความหมายการกระทำในประโยคเป็นรูปดั้งเดิมหรือ รูป "infinitive" การกล่าวถึงเรื่องในอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนทำให้เกิดรูปหลากหลายในการใช้เพื่อบอกระดับในความมั่นใจหรือเพื่อแสดงความรู้สึกส่วนตัว การใช้ "Future Tense" จึงมีจุดประสงค์หล้กๆ 2 อย่าง คือ 1) คาดการณ์เรื่องในอนาคต กับ 2) แสดงความคิดเห็น โดยมีรายละเอียดการใช้ดังต่อไปนี้ เมื่อใช้ รูป "will + กริยารูปดั้งเดิม (infinitive)" จะแสดงความมั่นใจสูงว่าจะเกิดขึ้น โดยอาจจะใช้ในสถานการณ์ที่แสดงตรรกะเหตุผลได้ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นหรือใช้บอกการวางแผนเรื่องที่จะทำให้อนาคต ยกตัวอย่างเช่น "When I am hungry, I will eat." แปลว่า "หิวเมื่อไรก็จะหาอะไรกิน""If it rains, the floor will be wet." แปลว่า "ถ้าฝนตกพื้นจะเปียก""I will go to Huahin next week." แปลว่า "ฉันจะเดินทางไปหัวหินสัปดาห์หน้า""would" เป็นรูปช่อง 2 โดยนำมาใช้เล่าเรื่องในอดีตได้แต่จะเกิดความหมายเพิ่มเติมคือมีความมั่นใจน้อยลงว่าสิ่งๆนั้นจะเกิดขึ้น และถ้านำไปใช้ในประโยคขอร้องหรือขออนุญาตจะให้ความหมายสุภาพกว่า ยกตัวอย่างเช่น"I would go to his house this weekend." แปลว่า "อาจจะไปหาเขาที่บ้านเสาร์อาทิตย์นี้""It would be good if you could help me with the problem." แปลว่า "จะดีมากถ้าคุณช่วยฉันได้" (ใช้ would สุภาพกว่าใช้ will ในประโยคขอร้อง)"It would rain this evening according to the weather report." แปลว่า "ฝนน่าจะตกตอนเย็นนี้ตามที่ฟังจากรายงานสภาพอากาศ"เมื่อใช้ รูป "can + กริยารูปดั้งเดิม (infinitive)" จะแสดงความเป็นไปได้โดยใช้ในสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่หลากหลายแต่ที่ใช้กันบ่อยๆ คือการบอกความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้ในการแสดงการอนุญาตหรือขออนุญาตได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น"This room can be either blue or green." แปลว่า "ห้องนี้จะเป็นสีฟ้าหรือสีเขียวก็ได้""You can leave work early today." แปลว่า "คุณกลับบ้านเร็วได้วันนี้""I can cook very well." แปลว่า "ฉันทำอาหารเก่งมาก"could" เป็นรูปช่อง 2 เมื่อนำมาใช้ก็จะให้ความหมายระดับความมั่นใจที่น้อยลงซึ่งเหมาะในการขออนุญาตหรือขอร้องเพราะจะให้ความสุภาพมากขึ้น และนอกจากนั้นยังนำมาใช้เล่าเรื่องในอดีตได้ด้วยว่าเคยทำอะไรอะไรได้ในอดีตแต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น"It could happen." แปลว่า "เป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น""He could do anything when he was a manager." แปลว่า "เขาสามารถทำทุกอย่างได้ตอนเป็นผู้จัดการ""Could you help me with this problem?" แปลว่า "ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้หน่อยได้ไหม"เมื่อใช้ รูป "may + กริยารูปดั้งเดิม (infinitive)" จะแสดงความเป็นไปได้ที่น้อยมากหรือมีความมั่นใจน้อยมากว่าจะเกิดขึ้น เมื่อนำมาใช้จึงมักใช้กับสถานการณ์ขอร้องหรือขออนุญาตเพราะเป็นการแสดงความสุภาพที่มากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น"May I go out tonight?" แปลว่า ขออนุญาตออกไปเที่ยวได้ไหมคืนนี้"You may leave the room." แปลว่า "คุณออกจากห้องนี้ได้""He may make a decision sooner." แปลว่า "เขาอาจจะตัดสินใจได้เร็วกกว่านี้""They may not come here this weekend." แปลว่า "พวกเขาอาจจะไม่มาที่นี่ช่วงสุดสัปดาห์นี้""might" เป็นช่อง 2 เมื่อนำมาใช้จะให้ความหมายคล้ายๆกันว่าไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นแต่จะให้ความหมายเพิ่มเติมว่ามีแนวโน้มต้องการให้เกิดขึ้นมากกว่า จึงนำมาใช้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเพื่อคาดการณ์สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นหรืออยากให้เกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น"He might want to leave early" แปลว่า "เขาอาจจะอยากออกไปก่อน""She might work on Saturday." แปลว่า "เขาอาจจะทำงานวันเสาร์""They might not agree with you." แปลว่า "พวกเขาอาจจะไม่เห็นด้วยกับคุณ"การใช้ may กับ might สามารถแทนที่ด้วย adverb ที่แสดงความแน่ใจ ได้แก่ probably, maybe, perhaps ยกตัวอย่างเช่น"Maybe, he wants to leave early." แปลว่า "เขาอาจจะอยากออกไปเร็วๆ"She probably works on Saturday." แปลว่า "เขาอาจจะทำงานวันเสาร์""Perhaps, they disagree with you." แปลว่า "พวกเขาอาจจะไม่เห็นด้วยกับคุณ" เมื่อใช้ รูป "should + กริยารูปดั้งเดิม (infinitive)" จะแสดงความความรู้สึกชอบส่วนตัวที่ต้องการให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เมื่อนำมาใช้จึงมักจะเป็นประโยคคำสั่งหรือสั่งสอนตักเตือน สถานการณ์อื่นๆที่ใช้ should คือการชวนทำกิจกรรมต่างโดยจะใช้เป็นประโยคคำถามหรือบอกเล่าก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น"You should go home." แปลว่า "คุณควรกลับบ้านได้แล้ว""Children should go to bed early." แปลว่า "เด็กๆ ควรเข้านอนแต่หัวค่ำ""We should go out tonight." แปลว่า "ไปเที่ยวกันคืนนี้""should" มีรูปเดียวทั้งช่อง 1 และ 2 และมีคำอื่นๆที่มาทำหน้าที่แทนได้ ได้แก่ ought to, had better, would rather ยกตัวอย่างเช่น"You'd better go home." แปลว่า "คุณควรกลับบ้านได้แล้ว"Children ought to go to bed early." แปลว่า "เด็กๆ ควรเข้านอนแต่หัวค่ำ""We'd rather go out tonight." แปลว่า "ไปเที่ยวกันคืนนี้"เมื่อใช้ รูป "must+ กริยารูปดั้งเดิม (infinitive)" จะใช้แสดงคำสั่งหรือการคาดการณ์ที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่มั่นใจมากว่าเป็นไปได้ เมื่อนำมาใช้มักจะใช้กับเรื่องที่เป็นกฎหมายหรือกฎธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน "must" จะเป็นมีรูปเดียวไม่มีรูปอดีต ยกตัวอย่างเช่น"You must be hungry since you have not eaten all day." แปลว่า "คุณต้องหิวแน่นอนเลยเนื่องจากไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน""People must think I am not a good person." แปลว่า "ทุกคนต้องคิดแน่ๆเลยว่าฉันเป็นคนไม่ดี" "You mustn't violate the law." แปลว่า "คุณต้องไม่ละเมิดกฎหมาย"คำอื่นๆที่ใช้แทน "must" ได้แก่ "has/have/had to" และ "need to" แต่ความหมายอาจจะไม่ใช่ระดับเดียวกันซึ่งจะเห็นได้ชัดเมื่อใช้เป็นประโยคปฏิเสธ ยกตัวอย่างเช่น"You don't have to park here." แปลว่า "ไม่ต้องจอดรถที่นี่" (ไม่ต้องเป็นความจำเป็นส่วนตัว)"You mustn't park here" แปลว่า "ต้องไม่จอดรถที่นี่" (ต้องไม่เป็นคำสั่ง) คำในกลุ่ม will, would, can, could, may, might, should, must เป็นคำที่อยู่ในกลุ่มกริยาช่วยไม่สามารถใช้เดี่ยวๆ ได้ต้องตามด้วยกริยาแท้รูปดั้งเดิม หรือที่เรียกว่า infinitive โดยถ้ามีคำในกลุ่มนี้อยู่จะแปลว่าเหตุการณ์นั้นยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงเป็นเพียงการคาดการณ์หรือความคิดเห็นเท่านั้นครูด้วงEnglish Forward Unlimited เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !