สวัสดีครับ ใครที่ได้รับชมทอล์กโชว์การเงินของจักรพงษ์ เมษพันธุ์ หรือโค้ชหนุ่ม THE MONEY COACH ใน MONEY COACH ON STAGE SPECIAL เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา รับชมฟรีผ่านทาง Youtube Live และ Facebook Live ในเพจ MONEY COACH และเพจ SCB Thailand โดยมีผู้บรรยายทั้ง 5 ท่าน ได้แก่โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ถนอม เกตุเอม เจ้าของเพจ TAXBugnomsอธิป กิรติพงษ์ หรือคุณนิ้วโป้ง เจ้าของเพจ นิ้วโป้ง Fundamental VIเชิดพงษ์ ดาราษฎร์ หรือ เอก TikTok.Talkดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส SCB Chief Investment Office ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยตลอดความยาวประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งได้สอดแทรกแนวคิดทางการเงินขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับวิกฤติโควิด 19 ที่จะต้องมีการปรับตัว ดิ้นรนทางการเงินเท่าที่ความสามารถจะเอื้ออำนวย ทั้งการมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 6 เดือน แม้มันอาจจะไม่มากพอ แต่เริ่มต้นก็ขอให้มีเงินสะสมให้ได้ถึง 6 เดือนก่อน ประเด็นทิศทางของการทำงานประจำและธุรกิจส่วนตัวที่ได้รับผลกระทบ เรื่องของการมีเป้าหมายทางการเงินต้องมีใจที่ตั้งมั่น โดยมีใจหวังว่าครอบครัวเราต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งกำลังใจในการสู้พร้อมกับความเชื่อที่ว่าการมีอิสรภาพทางการเงินเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ข้อคิดที่ได้จากรับชมของผู้เขียน หาให้พอกับที่ใช้ เพราะการใช้จ่ายกินอยู่ให้ต่ำกว่าฐานะเริ่มทำได้ลำบากขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ รวมทั้งความจำเป็นด้านอื่นๆ ดังนั้น ถ้าเราอยากใช้จ่ายเท่าไหร่ ให้หารายได้ให้พอกับที่จะใช้ หมดยุครายได้ทางเดียว การที่จะมีงานประจำเพียงอย่างเดียวแล้วคิดว่าไม่ต้องดิ้นรนทำอะไรเพิ่ม เป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้องแล้ว ทุกอาชีพล้วนไม่มั่นคง อนาคตอาจเกิดอะไรขึ้นก็ได้ วันนี้การเงินเราโอเค วันหน้ามันก็ยังไม่แน่นอน การมีรายได้จากหลายช่องทางเป็นการประกันความเสี่ยง ถึงแม้เราจะตกงานแต่ก็ยังมีรายได้จากทางอื่นเข้ามาอยู่ สะสมทรัพย์สิน เพิ่ม Passive Income เราไม่สามารถทำงานหาเงินไปได้ตลอดอายุขัย จึงต้องมีการวางแผนเพิ่มรายได้จากทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้กับเรา แม้ขณะที่เรายังนอนเจ็บไข้อยู่ ทรัพย์สินที่ว่าก็อย่างเช่น หุ้น กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินฝาก (แต่ให้ดอกเบี้ยน้อยมากจนแทบไม่มีนัยทางการเงินเท่าไหร่) พันธบัตร หุ้นกู้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ธุรกิจที่ให้กระแสเงินสดเป็นบวก เป็นต้น สภาพคล่องคือลมหายใจ เราไม่จำเป็นต้องมีรถ มีบ้านเหมือนอย่างคนอื่น ขอให้ความต้องการนั้นมาจากใจเราจริงๆ ไม่ใช่มีของพวกนั้นเพียงเพื่อให้สังคมยอมรับ กระแสเงินสดขอให้เป็นบวกก็พอ เท่านี้แหละที่สำคัญ หลีกหนีหนี้บริโภค หากเป็นไปได้อยากให้จ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องผ่อน เพราะการผ่อนส่อแววว่าเราอาจจ่ายไม่ไหว หรือแม้ว่าเราจะจ่ายไหว เราก็ต้องไม่เผลอไปซื้อสินค้าผ่อนหลายรายการ จนทำให้ภาระการผ่อนต่อเดือนสะสมสูงเป็นหลักหมื่น อย่าไว้ใจวันข้างหน้า ทันทีที่เงินสำรองเผื่อฉุกเฉินถูกใช้หลังจากที่ตกงานใหม่ๆ เราต้องเร่งถีบตัวเองหารายได้จากช่องทางหนึ่งให้ได้ ก่อนที่เงินสำรองจะถูกใช้จนหมด รวมทั้งกรณีที่หากเรามีพ่อแม่ต้องดูแลอยู่ เกิดท่านล้มป่วยจนต้องมีค่ารักษาพยาบาลสูงลิ่ว การมีประกันสุขภาพก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และกรณีที่เราเองเป็นเสาหลักของครอบครัว หากเราเป็นอะไรไปขึ้นมาแล้วส่งผลกระทบต่อบุตรหลาน การทำประกันชีวิตก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เปิดใจความรู้และโอกาสใหม่ๆ เพื่อต่อยอดช่องทางการทำเงิน เช่น ศึกษาเรื่อง Cryptocurrency เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงการเงินการลงทุนในอนาคต ศึกษาเรื่องการทำธุรกิจออนไลน์เพื่อเป็นอาชีพที่สองรองรับไว้ การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นแต่ยกระดับผลตอบแทนที่สูงตามไปด้วยอย่าง TFEX หรือ เทรดค่าเงินตราต่างประเทศอย่าง FOREX เป็นต้น ยิ่งในยุคของข้อมูลข่าวสารที่ทุกอย่างล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา ความรู้ทางการเงินที่เราเคยรู้ เคยเข้าใจก็อาจมีบางเรื่องต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ด้วย โลภ+ไม่รู้+มักง่าย = ฉิ*หาย ทุกวิกฤติที่เกิดขึ้นมักมีการหลอกลวงเรื่องการเงินการลงทุนเสมอ รู้ได้อย่างไรว่าหลอกลวง ให้ดูตรงที่การลงทุนที่แท้จริงไม่มีการรับประกันผลตอบแทน หากมีการรับประกันผลตอบแทน ขอให้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ก่อน ควบคุมอนาคตการเงินให้อยู่ในมือของเราเอง อย่าเอาอนาคตทางการเงินไปฝากในมือใคร เศรษฐกิจดีหรือร้ายไม่เกี่ยว ช่วงเศรษฐกิจดีก็มีคนยากจน ยากลำบากไม่น้อย ช่วงเศรษฐกิจแย่ก็มีคนประสบความสำเร็จทางการเงินอยู่มาก ถ้าเราอยากมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เราต้องพยายามหาทางเท่าที่จะสามารถทำได้ ไม่มีใครทำเราให้เราจนได้ ถ้าเราไม่ยอม....... ถ้าเราทำได้แล้ว เมื่อนั้นเราจะเข้าใจ สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราคือชีวิตเราเอง ชีวิตของเราเองนั่นแหละที่สำคัญ ไม่ใช่เงิน เงินเป็นสิ่งที่ชีวิตต้องใช้ เพื่อให้ชีวิตของเรามีความสุข อิ่มท้องและไม่ต้องกังวลเรื่องเงินต่อไปอีก เราดิ้นรนเรื่องเงินก็เพื่อชีวิตของเราเอง ถึงจุดๆหนึ่ง ถ้าเรามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแล้ว อย่าลืมอยู่กับคนที่เรารัก ไม่ต้องเร่งการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนมากเกินไปถ้าเรารับความเสี่ยงไม่ไหว มีวินัยทางการเงิน สร้างคุณค่าให้สังคม รวมทั้งรู้จักแบ่งปันคืนสู่สังคม จะเป็นการบริจาคช่วยเหลือโรงพยาบาล มูลนิธิหรืออะไรก็ได้ที่เห็นว่าสมควรช่วยเหลือ เพราะคนเรารวยไม่ได้ ถ้าให้ไม่เป็นแม้ว่าวิกฤติครั้งนี้จะรุนแรงกว่าวิกฤติต้มยำกุ้ง ทว่ายุคสมัยปัจจุบันเราสามารถสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ ให้ความรู้ ให้ข้อมูล สร้างเป็นเพจ ทำคอนเทนต์เขียนบทความ ทำวิดีโอ หรืออินโฟกราฟิกจนมีจำนวนผู้ติดตามมากขึ้นนำไปสู่ช่องทางการทำเงินได้ในอนาคต ออนไลน์จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่รองรับทุกความสามารถของเรา โดยเฉพาะการตลาดและการค้าขาย ซึ่งถ้าหากทุกอย่างกลับมาดีขึ้น โอกาสสร้างตัวก็จะตามมาในที่สุดอาจจะทำได้มากกว่าที่คาดคิดด้วยก็เป็นได้ เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ เครดิตภาพทั้งหมดจาก Money Coachภาพปกภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 / ภาพที่ 12 อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !