หนังสือ กรรมของนักเล่นหุ้น เป็นเล่มที่ 2 ต่อจากจิตของนักเล่นหุ้น ว่าด้วยเรื่องการลงทุนหุ้นที่กระตุ้นกิเลสส่งผลให้จิตรับอารมณ์รุนแรง ทั้งเสียใจ เสียดาย ตื่นเต้น กลัว ตระหนก อิจฉา โลภ ฯลฯ จึงต้องมีเทคนิคและฝึกจิตด้วยการหมั่นเจริญสติ ทั้ง 2 วิธีนี้จึงจะช่วยให้สภาวะอารมณ์และจิตคงที่ สามารถวิเคราะห์ความเป็นไปตามความจริงและยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้นได้ แล้วการลงทุนก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกรรมยังมีสติหนังสือเล่มนี้ แต่งโดยทันตแพทย์สม สุจีรา นักเขียนระดับ Bestseller จากผลงานหนังสือแนวจิตวิทยา-ธรรมะประยุกต์ ครั้งนี้จะเป็นการเขียนเรื่องเกี่ยวกับการเงินการลงทุนโดยมีธรรมะสอดแทรกเข้าไปด้วย กรรมของนักเล่นหุ้น แบ่งเนื้อหาออกเป็น 8 ส่วนด้วยกัน ดังนี้ตกรถขายหมูติดดอยรับมีดกราฟนิสัยหุ้นกลเม็ดเคล็ดลับแก้กรรม ข้อคิดที่ได้จากหนังสือในมุมมองของผู้เขียนคนที่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วมาแก้ไข จะเป็นการดีกว่าคนที่ไม่กล้าลงทุน เพราะคนที่ไม่กล้าจะขาดทักษะ ขาดประสบการณ์ ซึ่งก็จะไม่ได้อะไรเลยสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ตกรถคือ การยึดติดกับราคาต่ำสุดในอดีต หุ้นทุกตัวจะมีราคาต่ำสุดในรอบ 6 ประกาศอยู่ แน่นอนว่า ถ้าเอาราคาปัจจุบันไปเทียบกับราคาขณะนั้น จะทำให้ไม่กล้าซื้อเพราะสูงขึ้นมาก ความจริงแล้วควรวิเคราะห์ว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าราคาจะวิ่งไปที่เท่าไหร่ ดีกว่ามานั่งดูว่า 6 เดือนที่แล้วหุ้นอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ ถ้ามีแนวโน้มขึ้นต่อ การซื้อแพงแล้วขายแพงกว่า เป็นการตัดสินที่ถูกต้องการคิดว่าลงทุนในหุ้น คือการร่วมธุรกิจ ไม่ใช่การเก็งกำไร จะช่วยให้อารมณ์ตกรถลดลงไปได้ เพราะแต่ละธุรกิจมีจังหวะที่ไม่เหมือนกันคนเราถ้าผิดพลาดครั้งแรกพอให้อภัย แต่ถ้าผิดพลาดแบบเดิมซ้ำเป็นครั้งที่สองต้องพิจารณาตัวเอง และถ้ายังพลาดอีกเป็นครั้งที่สามแสดงว่าขาดสติอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับปรากฏการณ์ขายหมู ถ้าพลาดเกิน 3 ครั้ง ควรพิจารณาตัวเอง เพื่อไม่ให้เป็นผู้แพ้ในตลาดหุ้น ลักษณะของการขายหมู มีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ซื้อหุ้นแล้วราคาตกลงต่อ ขายเพราะพักฐาน (โดยหุ้นส่วนใหญ่มีราคาตกเป็นระยะๆ แม้อยู่ในช่วงขาขึ้น) ราคาหุ้นไม่ไปไหนนานนับปี จนคิดว่าไม่น่าจะทะลุกรอบนั้นไปได้ ขายตามข่าวร้าย ขายเพราะรอไม่ไหว ขายเพราะคิดไปเอง ขายตามข่าวลือ ขายเพราะต้องการใช้เงิน ขายเพราะกลัว เป็นต้นหลักการวิเคราะห์แบบ SWOT คือการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของบริษัทนั้น ซึ่งแบบวิเคราะห์นี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายโดยทั่วไปขายหมูทำให้เสียดาย แต่การติดดอยทำให้เสียใจ แน่นอนว่าความเสียใจให้ความรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าจังหวะมีความสำคัญในการเล่นหุ้นมากกว่าคุณภาพของหุ้นเสียอีก หุ้นดีแต่เข้าไปในจังหวะที่ไม่ดีกับหุ้นที่ไม่ดีแต่เข้าไปในจังหวะที่ดี กรณีหลังสร้างผลตอบแทนดีกว่า ยิ่งถ้าเป็นหุ้นที่ดีและเข้าไปในจังหวะที่ดีด้วยถือว่าสุดยอด พยายามหาจังหวะนั้นให้เจอสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์รับมีดก็คือความโลภ เห็นราคาลงมา 10 เปอร์เซ็นต์ก็คิดว่าเป็นโอกาสทำกำไรจนลืมมองปัจจัยแวดล้อมอื่นๆประกอบอีกสาเหตุเกิดจากการยึดติดกับตัวเลข เช่น ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ราคาที่เคยสูงสุด ราคาตอน IPO ราคาที่เคยขายไปครั้งก่อน ราคาเฉลี่ย 6 เดือน ตัวเลขเหล่านี้อาจมีประโยชน์ในช่วงตลาดขาขึ้น แต่ใช้ไม่ได้กับช่วงที่หุ้นตก 2 สัปดาห์คือระยะเวลานานพอที่จะนำมาวิเคราะห์ทำให้สามารถคาดหมายอนาคตของราคาหุ้นตัวที่สนใจได้ ค่าเฉลี่ยของราคา 10 วันจึงมีประโยชน์ในการนำมาเขียนกราฟเราสามารถรวยได้ด้วยการเล่นหุ้นเพียง 5 ตัว เพียงขอให้รู้นิสัยของหุ้นแต่ละตัวอย่างลึกซึ้ง การทำกำไรได้ปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ถือว่าเป็นไปได้ และไม่ต้องปวดหัวไปกับหุ้นตัวอื่นๆกฎช่วยควบคุมความโลภ เมื่อหุ้นที่ถืออยู่ขึ้นไปแล้ว 10 เปอร์เซ็นต์ ต้องขาย ห้ามลังเล แม้ว่าจะมีแนวโน้มขึ้นไปต่อก็ตาม ในทางกลับกันเมื่อหุ้นตก 5 เปอร์เซ็นต์ ต้อง cut loss ต้องตัดขายทันทีแม้รู้สึกฝืนใจ เพราะในระยะยาวจะเป็นผลดี หากทนถือต่อไปอาจขาดทุนหนักกว่าเดิม ไม่คุ้มค่ากับการรอให้ราคาหุ้นกลับมาที่จุดเดิม แถมยังเสียโอกาสการลงทุนในหุ้นตัวอื่นไปอย่างน่าเสียดายการคาดหมายอนาคตเป็นเรื่องสำคัญต่อความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในวงการธุรกิจจะมีการคาดการณ์แนวโน้มล่วงหน้าทุก 3เดือน หรือรายไตรมาส การเล่นหมากรุกชั้นเซียนก็ต้องมองล่วงหน้า 3 ตาเดิน แน่นอนว่าชีวิตของเราเองก็ต้องเตรียมแผนรับมือ เตรียมตัวเตรียมใจไว้รับมือกับปัญหาไว้ผู้ใดสามารถกำจัดความกลัวออกไปได้ จะมีความรู้สึกรักตัวเองและผู้อื่นมากยิ่งขึ้น มีความมั่นใจใจตนเอง จิตใจหนักแน่น ไม่มีอารมณ์เชิงลบ เพราะในทางจิตวิทยาแล้วความกลัวเป็นรากฐานของอารมณ์ลบเกือบทั้งหมดความรู้สึกคือจุดมุ่งหมายของเจ้ากรรมนายเวร เมื่อใดที่สามารถกระตุ้นความรู้สึกให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ การสนองแห่งกรรมก็จะประสบผล ความรู้สึกของคนเราก็เกี่ยวข้องกับรัก โลภ โกรธ เกลียด กลัว อิจฉาริษยา และความรู้สึกเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจตามมา ถ้ามีสติก็จะควบคุมความรู้สึกได้ การมีสติที่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็ต้องเกิดจากการฝึกเจริญสติอยู่เป็นประจำนั่นเอง นับว่าเป็นหนังสือการเงินการลงทุนที่อ่านง่าย อ่านสนุก แม้เนื้อหาจะดูย่อยให้ง่ายได้ยาก แต่ก็เป็นไปได้ หนังสือเล่มนี้คือผลงานดังกล่าว ซึ่งได้ให้แง่คิดสำหรับคนที่มีความทุกข์จากการลงทุนหุ้นได้เป็นอย่างดี สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือเราไม่ควรทุกข์เพราะหุ้นมากจนเกินไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทำงานประจำได้ไม่ดีเพราะใจขุ่นมัวจากตลาดหุ้นที่ไม่เอื้ออำนวย แน่นอนว่า เราคงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นแน่ และการจะมีอิสรภาพทางการเงินได้นั้นก็ไม่จำเป็นต้องทุกข์จากความผันผวนของตลาดหุ้นด้วย ขอเป็นกำลังใจสำหรับนักลงทุนหุ้นทุกๆคนนะครับ เครดิตภาพ ภาพปก โดย Yiorgos Ntrahas จาก Unsplash.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย Jeremy Bezanger จาก Unsplash.comภาพที่ 4 โดย Oren Elbaz จาก Unsplash.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ จิตของนักเล่นหุ้นรีวิวหนังสือ 5 STEPS เทรดหุ้นจากเริ่มต้นจนเทรดเป็นรีวิวหนังสือ เพาะหุ้นเป็นเห็นผลยั่งยืนรีวิวหนังสือ เริ่มต้นลงทุนหุ้นด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน ฉบับมือใหม่รีวิวหนังสือ Stock Market Cash Flow สร้างกระแสเงินสดจากตลาดหุ้นเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !