ตัวอย่าง House of GUCCI (ซับไทย)สร้างจากเรื่องจริงของตระกูล GUCCIเรื่องย่อ House of GUCCI (2021) เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของตระกูล GUCCI ครอบครัวเจ้าของแบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง GUCCI หนังจะเล่าถึงเรื่องราวในช่วงปลายยุค 1970 - 1995 ที่จะมีทั้งเรื่องการแย่งชิงทรัพย์สมบัติ ความรัก การทรยศหักหลัง จนสุดท้ายบานปลายนำไปสู่เหตุการฆาตกรรม ที่กลายเป็นตำนานของวงการแฟชั่น โดยเรื่องจะเริ่มในช่วงปลาย 70s ซึ่งตอนนั้น GUCCI มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ 2 พี่น้อง อัลโด และโรดอลโฟ กุชชี่ ที่ถือหุ้นกันอยู่คนละ 50 เปอร์เซ็น อัลโด กุชชี่ มีลูกชาย 1 คน ชื่อ เปาโล เป็นลูกชายที่ไม่ได้เรื่องไม่เก่งอะไรซักอย่าง มีความชอบอยากเป็นดีไซน์เนอร์ แต่งานที่ทำออกมาก็ไม่ได้เรื่อง อัลโดจึงไม่ไว้วางใจที่จะส่งบริษัทต่อให้กับลูก เขาจึงมีความคิดที่จะให้ เมาริซิโอ หลานชายของเขาเข้ามาช่วย เมาริซิโอ เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของ โรดอลโฟ กุชชี่ น้องชายของอัลโด ซึ่งตัว เมาริซิโอ มีความฝันอยากเป็นทนาย ไม่มีความคิดจะมาทำธุรกิจของที่บ้าน ถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงมทำให้เป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจอะไรอย่างเด็ดขาด จนเขาได้ไปเจอกับหญิงสาวที่จะเข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิตของเขา เธอคือ แพทริเซีย เร็จเจียนี่ หญิงสาวผู้มีความทะเยอทะยานอยากจะประสบความสำเร็จ และร่ำรวย เมื่อทั้งสองได้แต่งงานกัน เธอก็พยายามผลักดันสามีให้กลับไปรับช่วงต่อธุรกิจที่บ้าน เพราะตอนนั้น GUCCI กำลังตกต่ำอย่างมาก คนมองว่ากลายเป็นแบรนด์ที่ล้าสมัย ฉะนั้นจึงต้องหาวิธีที่จะกู้ชื่อเสียงกลับมา บทสรุปจะเป็นอย่างไร ไปรับชมกันเองได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นฝีมือการกำกับของผู้กำกับมากฝีมือ และเป็นเบอร์ต้นๆของฮอลลีวูด อย่าง Ridley Scott ที่พึ่งมีผลงานหนังประวัติศาสตร์ที่ทำออกมาได้โคตรดีอย่าง The Last Duel (2021) นอกจากนี้แกยังเคยฝากผลงานสุดคลาสสิคไว้บนโลกนี้มากมาย อาทิเช่น Alien (1979) , Blade Runner (1982) , Gladiator (2000) , Hannibal (2001) , American Gangster (2007) และ The Martian (2015) นอกจากผู้กำกับที่ว่าดีแล้ว ฝั่งนักแสดงก็ไม่แพ้กัน มีแต่เบอร์ต้นๆทั้งนั้น ทั้ง Adam Driver , Jared Leto , Al Pacino , Jeremy Irons และ Lady Gaga เป็นต้น รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตระกูล GUCCI ก่อนจะไปดู เรามาเพิ่มความรู้จากคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นจริงก่อนจะมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้กันดีกว่า กับคดีฆาตกรรมสะเทือนโลกแฟชั่นในปี 1995 แต่ต้องเล่าย้อนไปในปี 1973 ปีที่ทุกอย่างเริ่มต้น เมื่อลูกชายเพียงคนเดียวของ โรดอลโฟ กุชชี่ อย่าง เมาริซิโอ กุชชี่ ในวัย 25 ปี ประกาศแต่งงานกับ แพทริเซีย เร็จเจียนี่ ในวัย 25 ปี เช่นเดียวกัน เหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี แต่มันเริ่มจากตัวของ เมาริซิโอ ที่เป็นคนที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดีตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้มีนิสัยชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ประกอบกับตอนนั้นเขาได้เข้าไปดูแลธุรกิจของครอบครัว แต่ก็ดันบริหารได้ไม่ดีอีก ส่งผลให้ผลประกอบการออกมาไม่ดี และตอนนั้นถือเป็นยุคมืดของ GUCCI เลยทีเดียว แต่เมื่อเขาได้แต่งงานกับ แพทริเซีย ทุกอย่างก็ดีขึ้น เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากๆ สามารถให้คำปรึกษา และแนะนำแนวทางทั้งเรื่องส่วนตัว และการบริหารธุรกิจให้กับ เมาริซิโอได้ จนกระทั่งในปี 1983 โรดอลโฟ กุชชี่ พ่อของเมาริซิโอ้ เสียชีวิตจากอาการป่วย ทำให้เขาได้รับหุ้น 50 เปอร์เซ็นของ GUCCI ที่พ่อถือไว้ และเมื่อเขาเข้ามาบริหารเต็มตัว ปัญหาความบาดหมางกับคนในครอบครัวก็ได้เริ่มต้นขึ้น มีการหักหลังคนในครอบครัวตัวเอง เพื่อให้ได้มาเพื่อทรัพย์สมบัติ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันแทบเรื่อยมาจนปี 1985 เมื่อเมาริซิโอ้ เริ่มนอกใจและมีชู้รักคนใหม่ และหนีออกไปจากชีวิตของ แพทริเซีย และลูกๆ โดยยังไม่ได้ทำการหย่าขาดกัน ทุกอย่างยืดเยื้อไปเป็นเวลากว่า 7 ปี แพทริเซียถึงจะได้หย่าขาดอย่างเป็นทางการกับเมาริซิโอ หลังจากนั้นในปี 1995 แพทริเซีย ได้ทำการจ้างวานมือปืนเพื่อไปสังหารเมาริซิโอ สามีเก่าของเธอ เหตุการณ์ในการสังหารเกิดขึ้นในวันที่ 23 กันยายน 1995 ในขณะที่เมาริซิโอกำลังไปทำงาน เขาถูกมือปืนเข้ามากระหน่ำยิงหลายนัด จนเสียชีวิตคาที่ เวลาผ่านไปกว่า 2 ปี กว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบจนตามจับได้ว่า แพทริเซียเป็นคนว่าจ้างมือปืน โดยระหว่างการพิจารณาคดีแพทริเซียได้บอกกับศาลว่าการที่เธอไม่ลงมือเอง และต้องจ้างมือปืน เป็นเพราะเธอกลัวว่าตัวเองจะยิงพลาดเป้า เนื่องจากเธอสายตาไม่ดี ไม่รู้สึกผิดซักนิดเลยจริงๆ สุดท้ายเธอถูกตัดสินจำคุก 29 ปี แต่ด้วยการประพฤติตัวดี เธอจึงถูกคุมขังอยู่แค่ 18 ปี ก่อนได้รับอิสระออกมาจากคุกในปี 2016 และได้รับฉายาว่า “แม่หม้ายดำ” ซึ่งทุกวันนี้เธอก็ยังร่ำรวยอยู่เหมือนเดิม เพราะได้รับเงินชดเชยจากการหย่าในปี 1985 โดยเธอจะได้รับเงินชดเชยปีละ 1 ล้านยูโร หรือ ราวๆ 37 ล้านบาทรายชื่อนักแสดงและบทบาทที่ได้รับ ใน House of GUCCI1. Al Pacino รับบทเป็น อัลโด กุชชี่ (Aldo Gucci) ทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูล GUCCIรายละเอียดตัวละคร อัลโด กุชชี่ (Aldo Gucci) ทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูล GUCCI ผู้ถือหุ้นหลัก GUCCI อยู่ 50% เป็นลูกชายคนโตของ กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ GUCCI อัลโดเป็นคนใจดี และเป็นคนเก่ง บริหารงานมายาวนาน เขามีลูกชาย คือ เปาโล กุชชี่ (Paolo Gucci) แต่ลูกชายดันเป็นคนไม่เอาไหน ไม่สามารถฝากฝังธุรกิจไว้ได้ เพราะเปาโลไม่มีหัวทั้งการบริหาร แถมยังไม่มีความสามารถด้านแฟชั่นอีก ทำให้อัลโดหนักใจอย่างมาก จึงพยายามฝืนบริหารงานด้วยตัวเองจนแก่ ไม่ยอมยกให้ใครความสำคัญของตัวละคร ตัวละครนี้มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องมากๆ เพราะเขาเป็นผู้บริหารที่ถือหุ้นถึง 50% ทุกอย่างจึงแทบจะขึ้นอยู่กับเขาทั้งหมด ซึ่งในหนังสถานการณ์ของแบรนด์ค่อนข้างแย่ เพราะไม่มีการพัฒนา เนื่องจากผู้บริหารเป็นคนรุ่นเก่า มุ่งเน้นไปที่ความคลาสสิค ไม่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย แต่ตัวละครอัลโด ยังถือว่ามีความคิดที่ทันสมัยกว่าน้องชายของเขา เพราะเขามีความคิดที่อยากจะขยายร้าน GUCCI ให้มากที่สุด ความประทับใจต่อตัวละคร ตัวละครนี้เป็นตัวละครที่ผมรักที่สุดและสงสารที่สุดในเรื่อง รับบทโดย Al Pacino คงไม่ต้องพูดอะไรมาก แสดงดีเยี่ยมตามมาตรฐานของแก แสดงได้ดีมากๆ จนผมสงสารเลย เพราะในเรื่องตัวละครนี้เป็นตาแก่ที่ใจดีมากๆ รักครอบครัว พร้อมช่วยเหลือ และให้อภัยทุกคน มีเหตุผลมากกว่าอารมณ์ เป็นคนแก่ที่เป็นที่รักของทุกคน เพราะไม่หัวแข็งมาก และพร้อมรับฟังทุกคน แต่กลับต้องเจอกับการทรยศ หักหลัง ความผิดหวังต่างๆนาๆ และในเรื่องเป็นตาแก่ อายุ 70 ผมลองนึกภาพตามว่าถ้าผมอายุ 70 แล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้ คงแย่มากๆจริงๆ2. Jeremy Irons รับบทเป็น โรดอลโฟ กุชชี่ (Rodolfo Gucci) ทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูล GUCCIรายละเอียดตัวละคร โรดอลโฟ กุชชี่ (Rodolfo Gucci) ทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูล GUCCI ผู้ถือหุ้นหลัก GUCCI อยู่ 50% เป็นลูกชายคนเล็กของ กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ GUCCI (ลูกชายคนกลางเสียชีวิตจึงแบ่งหุ้นให้ลูกคนโต และคนเล็กคนละ 50%) โดยตัวละคร โรดอลโฟ ไม่ได้มีบทบาทในหนังมากนัก เป็นคนหัวแข็งมากๆ ไม่ฟังใคร เชื่อแต่ตัวเอง เอาใจยาก แต่ก็เป็นคนเก่งมากๆคนหนึ่ง บริหารงานมานาน และยังมีความสามารถในการออกแบบสินค้าใหม่ๆ เขาเคยสร้างคอลเล็คชั่นระดับตำนานของแบรนด์มาแล้วหลายชิ้น และเขามีแนวทางในการบริหารแบรนด์ GUCCI ต่างจาก อัลโด พี่ชายของเขา เพราะเขาอยากจะให้สินค้าของ GUCCI นั้นสูงส่งและควรจะอยู่ในพิพิธภัณฑ์ มากกว่าการสร้างยอดขาย จึงทำให้มีปัญหากับพี่ชายอยู่บ่อยครั้งในเรื่องนี้ โดยเขามีลูกชายเพียงคนเดียว คือ เมาริซิโอ กุชชี่ (Maurizio Gucci) เป็นคนที่มีความสามารถพอสมควร พูดได้หลายภาษา แต่เพราะเขาถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจ เขาเลยใช้เงินฟุ่มเฟือย แถมดันไม่อยากจะเข้ามาบริหารงานอีก เลือกที่จะหนีไปเรียนทนาย ไม่ค่อยเชื่อหรือฟังในสิ่งที่พ่อบอก ความสำคัญของตัวละคร ตัวละครนี้มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องมากๆเช่นเดียวกับ อัลโด เพราะเขาก็เป็นผู้บริหารที่ถือหุ้นถึง 50% เป็นคนที่คานอำนาจกันกับอัลโด พี่ชายของเขา โดยตัวเขามีความตั้งใจอยากจะเพิ่มมูลค่าให้สินค้า ให้เป็นของที่ล้ำค่า ไว้โชว์บนพิพิธภัณฑ์ เป็นสินค้าที่ต้องมีเงินมากพอจึงจะเข้าถึงได้ เขาโฟกัสไปที่คุณค่า และคุณภาพ ของสินค้าและแบรนด์มากกว่ารายได้ ตอนที่เขายังบริหารงานอยู่ คนอื่นแทบทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนเก่ง และดุมากๆ หัวแข็งมากเช่นกัน ทำให้คนอื่นๆเกรงใจ ไม่กล้าทำอะไรมาก ขนาดอัลโดผู้เป็นพี่ชายยังยอมให้กับเขา อาจเพราะอัลโดเป็นคนจิตใจดี รักน้องมากๆ และเข้าใจในตัวน้อง แต่น้องกลับแทบไม่สนใจพี่ด้วยซ้ำ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นความสำพันธ์ที่แปลก แต่ก็สวยงามดีความประทับใจต่อตัวละคร สำหรับตัวละครนี้ ผมจัดให้เป็นตัวละครที่ออกมาน้อย แต่กลับทำได้ดีเกินหน้าเกินตา รับบทโดย Jeremy Irons ดารารุ่นใหญ่อีกหนึ่งคน ที่ผมบอกได้เลยว่าเรื่องนี้ เขาทำได้ดีมากๆ สมบทบาทจริงๆ เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ คำพูดแต่ละคำที่ออกมาจากปากของตัวละครนี้ มันต้องไปคิดต่อ ถึงจะออกมาไม่ได้เยอะมาก แต่ทำได้ดีในทุกซีน และตัวละครนี้เป็นตัวละครที่มีมิติหลากหลายเช่นเดียวกัน เป็นคนพูดตรงๆ ดูใจร้าย แต่ลึกๆก็ยังมีความรู้สึกอยู่ เขาแสดงออกมาให้เราเห็นถึงความเหงาและความเศร้าที่ตัวละครนี้แบกเอาไว้ ซึ่ง Jeremy Irons ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครนี้ออกมาจากการแสดงสีหน้าท่าทางเท่านั้น แทบไม่ต้องมีบทพูดอะไรด้วยซ้ำ ซึ่งผมประทับใจในจุดนี้มากๆ3. Adam Driver รับบทเป็น เมาริซิโอ กุชชี่ (Maurizio Gucci) ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล GUCCI รายละเอียดตัวละคร เมาริซิโอ กุชชี่ (Maurizio Gucci) ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล GUCCI เป็นทายาทเพียงคนเดียวของ โรดอลโฟ กุชชี่ (Rodolfo Gucci) เมาริซิโอ เป็นคนเงียบๆ หัวอ่อน เรียบร้อย ขาดความมั่นใจ ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจอะไรเด็ดขาด เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างคุณชาย พ่อประเคนให้ทุกอย่าง ทำให้ติดความสบาย ใช้เงินเก่ง แถมยังไม่อยากไม่บริหารธุรกิจของครอบครัว เลยหนีเลือกหนีไปเรียนทนาย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังเป็นทายาทในรุ่นที่ 3 เพียงคนเดียวของตระกูลนี้ ที่ยังพอฝากฝังให้มาบริหารธุรกิจได้ ความสำคัญของตัวละคร ตัวละครนี้เป็นตัวละครที่สำคัญที่สุดในเรื่องแล้ว เพราะเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองชีวิตของเขา และเขายังเป็นทายาทเพียงคนเดียว ที่พ่อและลุง หวังจะฝากฝังให้เขาดูแลกิจการของครอบครัวต่อ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนไม่มีความั่นใจในตัวเอง จึงพยายามหนี และไม่อยากเข้ามาดูแลธุรกิจ จนสุดท้ายเขาได้ไปเจอกับ แพทริเซีย เร็จเจียนี่ (Patrizia Reggiani) ภรรยาของเขา ที่จะเข้ามาคอยช่วยเหลือและผลักดันให้เขากลับเข้ามาบริหารงาน แต่เธอไม่ได้มาแค่ช่วย เธอกลับทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายภายในครอบครัวของเขาอีกด้วย ความประทับใจต่อตัวละคร ตัวละครนี้ผมก็ชอบมากๆ และเข้าใจความรู้สึกของตัวละครนี้มากๆ รับบทโดย Adam Driver ชื่อนี้การันตีคุณภาพอยู่แล้ว แสดงได้ดีจริงๆ แถมใส่สูทขึ้นอีก ดูแล้วเชื่อว่าหมอนี่เป็นลูกคนรวย เขาถ่ายทอดความรู้สึกตัวละครออกมาได้ดี และด้วยความที่ตัวละครนี้มันค่อนข้างซับซ้อนอยู่แล้ว เพราะเป็นคนเงียบๆ เราจึงไม่ค่อยรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจอะไรมาก ชอบคล้อยตามคนอื่นไปจนหมด ก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของตัวละครนี้ สิ่งที่ผมประทับใจของตัวละครนี้คือ ในช่วงท้ายๆเรื่อง หลังจากที่เขาปลดล็อคตัวเอง และไม่คล้อยตามคนอื่นอีกต่อไป แต่เลือกที่จะทำตามใจตัวเอง มันทำให้เราได้รู้จักตัวละครนี้มากขึ้น มันเหมือนเห็นพัฒนาการของตัวละคร และ Adam Driver ก็แสดงได้สมบทบาทจริงๆ4. Lady Gaga รับบทเป็น แพทริเซีย เร็จเจียนี่ (Patrizia Reggiani)รายละเอียดตัวละคร แพทริเซีย เร็จเจียนี่ (Patrizia Reggiani) เป็นตัวละครที่ฉลาด ทะเยอทะยาน โหยหาความสำเร็จ และเงินทองอย่างมาก เธอเป็นภรรยาของ เมาริซิโอ กุชชี่ (Maurizio Gucci) โดยเธอเป็นเหมือนคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังของ เมาริซิโอ เพราะเนื่องจากสามีของเธอเป็นคนหัวอ่อน ทำให้ถูกเธอชักจูงได้ง่าย เธอเป็นคนที่โลภมากๆ ดูจนจบผมยังไม่แน่ใจเลยว่าเธอรักสามีจริงหรือป่าว หรือแค่ต้องการทรัพย์สมบัติกันแน่ แต่สำหรับผม ผมมองว่าเธอหวังจะหุบสมบัติมากกว่า เกือบลืม เธอเป็นคนงมงาย สายมู มีอะไรจะไปปรึกษาหมอดู ซึ่งหมอดูเนี่ย ผมว่าก็หมอดูเก๊ แถมหมอดูนี่เป็นตัวหลักเลยที่ทำให้เธอเข้าด้านมืด หมอดูชอบแนะนำอะไรแผลงๆให้เธอทำ ทั้งที่เธอฉลาดในทุกๆเรื่อง แต่กลับไม่เคยตั้งคำถามกับเรื่องความเชื่อ ซึ่งก็แปลกดีความสำคัญของตัวละคร ตัวละครนี้เป็นตัวละครที่สำคัญที่สุดพอๆกับ เมาริซิโอ กุชชี่ เผลอๆมีความสำคัญมากกว่าด้วย เพราะเธอเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง และเป็นตัวแปรสำคัญของเนื้อเรื่องหลักๆ คือทุกสิ่งที่เธอทำมันส่งผลกระทบต่อตัวละครอื่นเต็มๆ ด้วยความที่เป็นคนฉลาดพูด วางตัวเป็น ทำให้คนอื่นไว้ใจเธอ และเธอก็ค่อยหักหลังอีกที เพื่อกินรวบทุกอย่าง แสบจริงๆความประทับใจต่อตัวละคร ตัวละครนี้ผมแทบจะประทับใจที่สุดเลย เพราะเป็นตัวละครที่โดดเด่นและสำคัญ แถม Lady Gaga ที่มารับบทนี้ ก็แสดงได้ดีมากๆ ดีจริงๆ เกินที่ผมคาดไว้มาก ใครจะคิดว่านักร้องมาเล่นหนัง และจะเล่นได้ดีกว่านักแสดงบางคนด้วยซ้ำ เธอเล่นจนผมเชื่อเลยว่าเธอเป็นคนแบบนั้นจริงๆ ถือว่าทีมงานแคสต์นักแสดงมาดีมาก ทั้งจริต การแสดงออกทางสีหน้าและท่าทาง Lady Gaga เธอเก็บทุกเม็ดจริงๆ อนาคตคงได้เห็นเธอโลดแล่นบนหนังเรื่องอื่นอีกเป็นแน่ ในแง่ของบทตัวละคร ผมก็ชอบตัวละครนี้ ด้วยความที่เป็นตัวละครที่ฉลาด (ฉลาดที่สุดในเรื่องแล้วมั้ง) แต่เธอกลับเป็นคนงมงายเช่นเดียวกัน ซึ่งมันย้อนแย้งกันพอสมควร แต่มันก็แสดงออกให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ และสร้างมิติของตัวละครให้ลึกขึ้น มันดูเป็นคนจริงๆมากกว่าตัวละคร ผมประทับใจในจุดนี้5. Jared Leto รับบทเป็น เปาโล กุชชี่ (Paolo Gucci) ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล GUCCIรายละเอียดตัวละคร เปาโล กุชชี่ (Paolo Gucci) ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล GUCCI เป็นลูกชายของ อัลโด กุชชี่ (Aldo Gucci) เปาโล เป็นคนมั่นใจตัวเอง แต่ไม่เอาไหนเท่าไหร่ แทบไม่มีความสามารถอะไรเลย นอกจากความมั่นใจ แต่มีอีกอย่างที่เหมือนเมาริซิโอคือ เขาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนกัน ความฟุ่มเฟือยนี่เหมือนเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของลูกคนรวย เขามีความฝันอยากเป็น Designer อยากผลิตสินค้าที่ตัวเองออกแบบในนาม GUCCI แต่ทว่าเขาไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้เลย แถมยังเป็นคนหัวอ่อนมากๆ มากกว่าเมาริซิโอซะอีก ตามคนไม่ทัน โดยหลอกใช้ตลอด ความสำคัญของตัวละคร ตัวละครนี้สำคัญอยู่พอสมควร เพราะเขาก็ถือเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของ GUCCI ค่อนข้างมีบทบาทในธุรกิจ และเขายังถือหุ้นของบริษัทไว้ส่วนหนึ่งด้วย เนื่องจากอัลโดพ่อของเขาแบ่งไว้ให้ และเขาก็ยังพยายามผลิตสินค้าที่ตัวเองออกแบบมาวางขาย โดยไม่ฟังใคร ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ จะเรียกว่าสำคัญได้ไหมนะ เรียกว่าตัวสร้างเรื่องมากกว่า นอกจากนี้เขาก็รู้ความลับที่ไม่มีใครรู้ของอัลโด พ่อของเขา ซึ่งความลับที่เขารู้นั้นเป็นเหมือนจุดอ่อนของอัลโด ดังนั้นตัวละครนี้จึงถือเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องก็เพราะเหตุนี้ความประทับใจต่อตัวละคร ผมประทับใจตัวละครนี้มากๆ เพราะการแสดงของ Jared Leto ล้วนๆ โดยส่วนตัวผมชอบ Jared เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว และเรื่องนี้เรียกได้ว่าเขาแปลงโฉมเอาซะจำแทบไม่ได้ จากหนุ่มหล่อกลายเป็นคนอ้วนพุงพลุ้ย แถมหัวล้านอีกต่างหาก ในส่วนการแสดงของแก ยังคงมาตรฐานเหมือนเดิม แสดงดีมากๆ ดัดเสียงด้วย ซึ่งเสียงที่เขาดัดเนี่ย มันเหมาะกับบุคลิกของตัวละครเลย บทของตัวละครตัวนี้ เป็นคนหัวอ่อน ไม่ทันคน แต่ก็ไม่ฟังใครและเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่ง Jared แสดงออกมาได้โคตรดีในด้านนี้ ทำให้เราทั้งรู้สึกสงสาร และหมันใส้ ตัวละครนี้ในเวลาเดียวกันสุดท้ายนี้ถ้าอ่านแล้วชอบฝากกดติดตาม และกดแชร์ด้วยนะครับชื่อเรื่อง : House of GUCCIปีที่ฉาย : 2021 (ในไทย 2022)แนว : ประวัติศาสตร์ผู้กำกับ : ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott)ฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ (เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ)ช่องทางการติดตาม Fanpage Facebook : ละเลงหนังภาพทั้งหมดจาก Facebook : House Of Gucciภาพประกอบปก : ภาพที่ 1ภาพประกอบเนื้อหา : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 วิดีโอประกอบ : House Of Gucci - Official Trailer [ซับไทย] จาก Youtube : Major Groupอ่านบทความอื่นๆ ของ ละเลงหนัง : รีวิว The Last Duel (2021)จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !