รีวิวหนังสือ GOOD VIBES, GOOD LIFE ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข

ใครๆก็อยากมีชีวิตที่ดี มีชีวิตที่มีความสุข ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายไปกับการแข่งขันมากเสียจนเป็นทุกข์ แต่การทำเช่นนั้นก็อาจทำให้ชีวิตนิ่งอยู่กับที่ ไม่ก้าวหน้า และถูกคู่แข่ง หรือเพื่อนร่วมงานแซงหน้าเอาได้ แล้วไหนจะเรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์กับคนรัก เพื่อนสนิทที่นับวันมีแต่จะห่างเหินเพราะการทำงานที่แตกต่างกัน ทัศนคติจึงแตกต่างกันและครอบครัวที่ต้องให้การดูแลจนไม่มีเวลาคบหาเหมือนอย่างเก่า

ไม่ว่าคุณผู้อ่านกำลังทุกข์จากเรื่องอะไรก็ตามแต่ เว็กซ์ คิงส์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ก็ได้แนะนำถึงคลื่นพลังบวกไม่ให้เราห่างไกลจากความสุขเพราะปัญหาในชีวิตที่เราเจอไปเสียก่อน เขาเรียกว่ากฎแห่งแรงสั่นสะเทือนเพื่อให้เราสามารถบรรลุความฝันและเป้าหมายที่คาดหวังไว้ การันตีผลงานขายดีจากนิตยสาร SUNDAY TIMES  หนังสือเล่มนี้แปลโดย ภิษรา รัตนาภิรัต คุโด

ความจริงแล้ว เพื่อนทุกคนต่างสอนบางสิ่งที่มีค่าให้แก่ชีวิตเรา พวกเขาต่างมีบทบาทให้เล่น บางคนอยู่ชั่วคราว บางคนอยู่ถาวร เป็นเรื่องดีที่จะเลิกเกี่ยวข้องกับบางคนและเดินหน้าต่อไป เราต้องใส่ใจกับตัวเองเสมอ ขยายขอบเขตของชีวิต และเติบโตในฐานะปัจเจกบุคคล เราทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมให้คนบนโลกนี้ได้ก็ต่อเมื่อมีใจเบิกบาน มีความรักให้คนอื่น และประสบความสำเร็จ

เกือบทุกคนบนโลกต้องโดนอย่างสักคนเกลียด ต่อให้คนส่วนใหญ่จะมองว่าพวกเขาแสนดีแค่ไหนก็ตาม เว้นเสียแต่ว่าคนๆนั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่เลย ถึงจะไม่มีคนเกลียด

สิ่งที่สร้างความเกลียดชังระหว่างกันมักเป็นการขาดความเข้าใจและขาดความเห็นใจ ถ้าคนอื่นไม่ได้เป็นเหมือนกัน เราก็มักตราหน้าพวกเขาว่าไม่เข้าพวก ยิ่งเจอคนมากเท่าไหร่ เรายิ่งมีโอกาสถูกตัดสิน ถูกวิจารณ์มากขึ้น นั่นเป็นเพราะเราอยู่ต่อหน้าผู้ชมซึ่งเป็นปัจเจกบุคคล และแต่ละคนก็มีมุมมองของตัวเองว่า ความปกติ เป็นอย่างไร

ความเสียใจทำให้ผู้คนทำตัวเย็นชาและไร้หัวใจ ความเจ็บปวดทรมานพาเราอยู่กับแรงสั่นสะเทือนต่ำ ก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่แห่งความเจ็บปวด บ่อยครั้งคนเราก็อารมณ์ไม่ดีเพราะถูกคนที่อารมณ์ไม่ดีทำร้ายมาอีกที คนที่เพิ่งเจ็บ ก็ไปทำให้คนอื่นเจ็บต่อและเกิดเช่นนี้ต่อไปอีก แต่การพยายามจะรักษาบาดแผลด้วยการทำร้ายคนอื่นไม่มีประโยชน์เลย การทำร้ายคนอื่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด ก็เหมือนคนที่โกรธแล้วไประบายทุบตีกำแพง สุดท้ายพวกเขาก็เจ็บปวดกว่าเดิม

เราทำสิ่งต่างๆมากมายเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ แต่ถ้าอยากไปได้ดีและรักษาความสงบสุข ก็ต้องเห็นแก่ตัวบ้าง เราไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ นี่เป็นเหตุผลที่ชัดเจนเลยว่าทำไมเราถึงไม่ควรทำเช่นนั้น เลิกพยายามทำให้คนอื่นพอใจและสร้างความสุขให้ตัวเองได้แล้ว

การออกจากงานที่ไม่สร้างความพึงพอใจ (เพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้ากดดันและเป็นพิษ) นับเป็นเรื่องท้าทาย ส่วนใหญ่ข้อจำกัดทางการเงินก็ป้องกันไม่ให้เราลาออก ต้องยอมรับสภาพ เราต่างโหยหาความมั่นคงและความสบาย และการเข้าสู่ความไม่รู้ก็เป็นเรื่องน่ากลัว แต่ก็ไม่อาจแน่ใจเรื่องความมั่นคงจากงานได้ เราไม่มีอำนาจควบคุมเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง หรือสิ่งอื่นใดในงานตัวเองเลย แต่กระนั้นเราก็ยังทำงานต่อไป เมื่อตระหนักว่าตัวเองสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่าสถานการณ์ที่เป็นพิษ ขอให้กล้าพอที่จะเดินจากมา ไม่ต้องรีบร้อน แต่ขอให้ระวังว่ายิ่งอยู่ในสถานการณ์เป็นพิษนานเท่าไหร่ เราก็ยิ่งทำลายชีวิตตัวเองด้วย

เราจะได้งาน แฟน บ้าน รถ และอื่นๆ ขอแค่อย่าเร่งกระบวนการ...

เชื่อมั่นไว้ เราต้องเติบโตไปสู่ฝันให้ได้  ขอแค่ไม่ล้มเลิกความตั้งใจและอดทนเอาไว้ก่อน

บ่อยครั้งที่เราไม่ปฏิบัติต่อตนเองด้วยความอ่อนโยนและความเคารพอย่างที่ควรจะได้ จึงรู้สึกไม่มั่นคง แล้วส่งผลต่อความมั่นใจ ทัศนคติ และสุขภาพของเรา ทั้งยังทำให้แสดงความรักต่อคนอื่นในแบบที่อยากทำได้ยาก ซึ่งในทางกลับกันก็ส่งผลกระทบต่อการแสดงความรักที่เราได้รับด้วย คนเรามีแนวโน้มจะตกหลุมรักและชอบอยู่กับคนที่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น การรักตัวเองจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง

เวลายอมรับตัวเองอย่างที่เป็น เราจะให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีและความเบิกบานของตัวเอง และจะดีใจกับความคิดที่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับเราอย่างที่เป็น เรารู้จักคุณค่าของตัวเอง จึงไม่สนใจถ้าคนอื่นจะมองไม่เห็น โชคร้ายที่คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับตัวเอง จึงมองหาข้อบกพร่องของคนอื่น

การแข่งขันคือตัวเราเอง ไม่เกี่ยวหรอกว่าคนอื่นทำหรือแชร์อะไร การทำได้เหนือกว่าตัวเองเป็นกิจวัตรประจำวันของเรา คนที่ควรเปรียบเทียบด้วยคือตัวเราเมื่อวาน ถ้าอยากเป็นตัวเองที่ดีที่สุด ต้องใส่ใจกับชีวิตและเป้าหมายตัวเอง

เราต้องรักษาความอ่อนโยนของเสียงในหัวไว้เสมอ มีคนอีกมากมายพร้อมจะทำให้เรารู้สึกแย่ แต่เราไม่ควรเป็นหนึ่งในนั้น เราไม่อาจคาดหวังให้ทุกคนอ่อนโยนกับเราได้ เราต้องเปลี่ยนบทพูดภายในใจตัวเองให้เกื้อกูลชีวิต แทนที่จะบอกว่าตัวเองโง่ที่ทำพลาด ให้บอกว่าเราจะทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป

การให้อภัยคนอื่นไม่ได้ทำให้อดีตดีขึ้นแต่ทำให้ปัจจุบันและอนาคตของเราดีขึ้นต่างหาก เพราะเราให้ความผาสุกกับตัวเองและสร้างพลังงานบวกมากขึ้นไว้ภายใน คนที่ไม่สามารถอภัยให้คนอื่นได้ มีแต่จะตกเป็นเหยื่อเสียเอง ความทรงจำที่เขาเคยทำร้ายเราจะกลับมา เมื่อเราเจอหน้าเขาอีกครั้ง มันทำร้ายจิตวิญญาณเราและอาจทำให้เราตัดสินใจไปในทางที่ผิดได้ การให้อภัยไม่ใช่การยกโทษพฤติกรรมชั่วร้ายของเขา แต่เป็นการไม่ปล่อยให้เขามีอำนาจและควบคุมสภาวะอารมณ์ของเราได้

คนรวยที่มีชื่อเสียงมักมีแนวคิดบวก พูดถึงการกุศล เคารพคนอื่น และรักษาสุขภาพ

ถ้าเราจดเป้าหมายที่ต้องการไว้ ก็มีแนวโน้มเป็นจริงมากขึ้น เป็นการเบนความตั้งใจไปยังสิ่งที่จับต้องได้ การเขียนรายละเอียดจะช่วยให้เราจดจ่อและไม่หลงทาง จดเป้าหมายลงกระดาษ มันช่วยกระตุกจิตได้ดีกว่า เขียนอย่างจริงใจตามที่ปรารถนา อย่าจำกัดตัวเองถึงความเหมาะสม เขียนด้วยถ้อยคำของเราเอง เป็นแง่บวกและเจาะจง

จำไว้ว่า การถูกปฏิเสธก็เป็นแค่การเปลี่ยนทิศทางให้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า การก้าวถอยหลังเป็นการหยุดเพื่อคิด เป็นโอกาสปรับเปลี่ยนแผนการให้ดีขึ้น ไม่ว่าเราจะรู้สึกว่าความผิดพลาดมันใหญ่โตแค่ไหน ก็ล้วนเป็นบืเรียนให้เราได้เสมอ เราจะรู้จักคุณค่าของความตกต่ำที่เด่นชัดของตัวเองได้ก็ต่อเมื่อมีความเชื่อมั่น สิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริงมักถูกห่อมาในแพ็กเกจที่ต่างไป

จำไว้ว่าทุกความท้าทาย ทุกความผิดพลาด ย่อมมีบทเรียน หมาบความว่านั่นอาจไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็นเพียงการพลิกแพลงเส้นทางไปสู่ความดีเลิศ ถ้ามุ่งมั่นสุดตัวที่จะบรรลุบางสิ่งแล้วไม่ได้ผล เชื่อเถอะว่าจักรวาลกำลังบอกว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสำหรับเรา บางสิ่งที่ดีกว่ากำลังจะมา ขอให้ก้าวต่อไป

นี่คือบางส่วนของเนื้อหาภายในเล่มที่ไม่ใช่แค่ปลอบประโลมใจ แต่ให้แง่คิดในการลงมือปฏิบัติจริงด้วย โดยเฉพาะเรื่องของการเขียนเป้าหมายที่ปรารถนา เพียงแค่อธิษฐานอาจทำให้เราเชื่อไม่มากพอ แต่ถ้ามีเรื่องมาบีบคั้น เช่น อยากมีอิสรภาพทางการเงิน เพราะกำลังถูกบีบให้ออกจากงาน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ท้าทายเราพอสมควร เพราะเราอยู่ในสภาวะไม่มั่นคง กลัว เครียดมากกว่าปกติ การดึงตัวเองให้อยู่ในแรงสั่นสะเทือนสูงจึงไม่ใช่แค่แสร้งทำเป็นมองโลกในแง่ดี แต่เป็นการกำกับสติให้อยู่กับความเป็นปกติ ไม่คิดลบนานเกินไป (ตรงกับหลักปฏิบัตินั่งสมาธิที่เป็นไปเพื่อความสงบและมีจิตใจเบิกบาน ถ้าเบิกบานแจ่มใสได้เองแล้วความสำเร็จทางโลกก็ทำได้ง่ายขึ้น)

ฉะนั้น ถ้าลองศึกษาหาอ่านอย่างละเอียดก็จะพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ลอกเลียนเนื้อหาจากหนังสือที่สอนมองโลกในแง่บวกเล่มอื่นเลย มันมีแนวทางชัดเจนและตัวของหนังสือเล่มนี้เองก็อยากให้ทุกคนมีความสุข ประสบความสำเร็จ อยู่ในแรงสั่นสะเทือนสูงได้มากขึ้นกว่าเดิม

เครดิตภาพ

• ภาพปก โดย lermsak จาก Unsplash.com
• ภาพที่ 1 2 และ 3 โดยผู้เขียน
• ภาพที่ 4 โดย  จาก pch.vector จาก Unsplash.com
• ภาพที่ 5 โดย iseeu2 จาก Unsplash.com

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

• รีวิวหนังสือ “เดอะท็อปซีเคร็ต”
• รีวิวหนังสือ THE MAGIC OF THINKING BIG คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก
• เสน่ห์อย่างชาย เสน่ห์อย่างหญิง
• รวมภาษิตอังกฤษ เป็นกำลังใจทุกความเจ็บปวด
• TrueID In-Trend แหล่งสร้างคอนเทนต์หารายได้เสริมช่วงโควิด-19

อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !