สวัสดีค่ะ คงจะปฏิเสธไม่ได้นะคะว่าสำหรับยุคปัจจุบันนี้ หลายอาชีพได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โรคระบาดโควิด - 19 ทำให้หลาย ๆ กิจการต้อง ปิดตัวลง มาวันนี้อาชีพรับราชการถึงจะไม่ใช่อาชีพที่ดีที่สุด แต่ก็จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพที่มั่นคง ปลอดภัย ไม่เสี่ยง กับสงครามโรคระบาดไม่รู้จบนี้ สำหรับหลาย ๆ คนที่สนใจอยากรับราชการอาจจะมีคำถามว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะได้เป็นข้าราชการ ทำยังไง วันนี้เรามีคำตอบ 3 ด่านอรหันต์ที่ทุกคนต้องสอบให้ผ่านเพื่อจะได้เข้ารับการบรรจุราชการมาฝากกันค่ะด่านที่ 1 การสอบภาค ก. การสอบภาค ก. เป็นการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ด่านนี้ถือเป็นใบเบิกทางของการรับราชการ หากสอบผ่านสามารถใช้ใบผ่านภาค ก. ได้ตลอดชีวิตไม่มีวันหมดอายุ การสอบภาค ก. จะจัดสอบโดย ก.พ. หรือ สำนักคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน วิชาที่ใช้สอบมีวิชาความสามารถทั่วไป วิชาภาษาอังกฤษ วิชาความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดีด่านที่ 2 การสอบภาค ข. การสอบภาค ข. เป็นการสอบภาคความสามารถเฉพาะตำแหน่ง ซึ่งการที่จะมาสอบภาค ข.ได้นั้น ต้องสอบผ่านภาค ก.มาก่อน โดยปกติแล้ว การเปิดสอบภาค ขจะเปิดโดยหน่วยงานราชการที่ประสงค์จะรับสมัครบุคคลบรรจุเข้ารับราชการ หลักสูตรแนวข้อสอบจะเป็นเฉพาะด้านของตำแหน่งที่เปิดรับ และผู้สมัครต้องวุฒิการศึกษาตรงตามประกาศรับสมัคร เช่น กรมสรรพากรรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งนักตรวจสอบภาษีปฏิบัติการ กรณีนี้คือกรมสรรพากรเปิดสอบ และผู้สมัครสอบต้องมีวุฒิการศึกษาตรงตามประกาศรับสมัครสอบจะต้องได้รับปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในสาขาวิชาการบัญชี หรือสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ทางการบัญชี หรือจะเป็นกรมปศุสัตว์รับสมัครสอบนายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ กรณีนี้คือกรมปศุสัตว์เปิดสอบ และผู้สมัครต้องผ่านภาค ก. และมีวุฒิการศึกษาได้รับปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน ในสาขาวิชาสัตวแพทยศาสตร์ และได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์จากสัตวแพทยสภา เป็นต้นด่านที่ 3 การสอบภาค ค. การสอบภาค ค. เป็นการสอบความเหมาะสมกับตำแหน่ง ซึ่งก็คือด่านสุดท้าย หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่าการสอบสัมภาษณ์นั่นเอง ซึ่งถ้าเราผ่านภาค ข. ก็จะมาถึงการสอบภาค ค.ต่อค่ะ สอบโดยหน่วยงานเดียวกันกับที่เปิดสอบภาค ข. เป็นการสอบเพื่อดูไหวพริบ ปฏิภาณ บุคลิกภาพโดยรวม เพื่อดูความเหมาะสมกับตำแหน่ง จากประสบการณ์ของผู้เขียนส่วนใหญ่ถ้าผ่านมาถึงด่านนี้ได้ ก็มักจะได้ไปต่อ คือ ได้ขึ้นบัญชีเพื่อรอรับการบรรจุ ไม่ค่อยเห็นใครที่ตกภาค ค. (แต่ไม่เห็นก็ใช่ว่าจะไม่มี มีแต่น้อยมากค่ะ)ทำยังไงจะสอบติด ? มาถึงหัวข้อนี้ต้องบอกก่อนว่าเป็นวิธีที่ผู้เขียนใช้นะคะ ซึ่งตัวผู้เขียนนี่โชคดีค่ะ ที่สอบผ่าน ภาค ก.ตั้งแต่ยุคเริ่มแรก ตอนยังไม่มีวิชาภาษาอังกฤษ และก็ยังไม่มีวิชาความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี ไม่ต้องเดานะคะว่าอายุเท่าไหร่ เอาเป็นว่าตอนนั้นคือสอบรอบเดียวผ่านค่ะ ทั้งที่เวลาเตรียมตัวแทบไม่มี เพราะงานประจำก็ยุ่งมาก พอผ่านภาค ก.แล้ว ก็ถึงคราวตะลอนสอบ ภาค ข. และภาค ค. ค่ะ ทริคที่จะนำมาฝากก็คือ 5 ข้อต่อไปนี้ค่ะ 1. กดติดตามเพจทุกเพจที่เกี่ยวกับประกาศรับสมัครงานไว้ค่ะ โดยเฉพาะเพจที่เกี่ยวกับงานราชการ เวลามีหน่วยงานไหนรับสมัคร จะได้ทราบข่าวได้อย่างไว 2. ทราบข่าวรับสมัครไวแล้วมีผลยังไง ทราบไวแล้ว ก็สมัครสอบให้ไว เพราะว่าเมื่อสอบผ่านทุกด่าน จะมีการจัดลำดับขึ้นบัญชีเพื่อรอเรียกบรรจุเข้ารับราชการค่ะ สำหรับการขึ้นบัญชีนั้นเรียกได้ว่าชิงไหวชิงพริบกันน่าดูอยู่เหมือนกันนะคะ เพราะเค้าตัดสินกันทุกเม็ด แม้แต่ลำดับที่ในการสมัครก็มีส่วนในการจัดลำดับขึ้นบัญชี จะเห็นได้จากประกาศรับสมัครซี่งจะกำหนดเกณฑ์ในการตัดสินไว้ว่าในการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ให้เรียงลำดับที่จากผู้สอบได้คะแนนรวมสูงสุดลงมาตามลำดับ ในกรณีทีมีผู้สอบได้คะแนนรวมเท่ากัน ให้ผู้สอบได้คะแนนภาคความเหมาะสมกับตำแหน่งมากกว่าเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า ถ้าได้คะแนนภาคความเหมาะสมกับตำแหน่งเท่ากัน ให้ผู้ได้คะแนนภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่งมากกว่าเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า ถ้ายังคงได้คะแนนเท่ากันอีกก็ให้ผู้ได้รับเลขประจำตัวสอบก่อนเป็นผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า เพราะฉะนั้นหากตัดสินใจว่าอยากรับราชการ มีเป้าหมายแล้ว รีบอ่านหนังสือตักตวงความรู้เยอะ ๆ แล้ว อย่าลืมรีบสมัครสอบด้วยนะคะ อย่ารีรอไปสมัครวันสุดท้าย เพราะทุกอย่างมีผลต่ออนาคตหมดค่ะ 3. อ่านหนังสือรอบแรกใช้วิธีอ่านเพื่อผ่านตา อ่านให้หมด ให้ครบ แล้วมาอ่านแบบผ่านสมอง ทำความเข้าใจอีกครั้งในรอบที่สอง ที่สามค่ะ 4. ทุกครั้งที่สอบผู้เขียนไม่เคยสนใจว่ามีผู้สมัครกี่พันคน ไม่เคยสนว่าใครจะเก่งกว่าเราไหม ผู้เขียนคิดเสมอว่าเรามาเพียงเพื่อแข่งกับตัวเองค่ะ ทำให้ดีที่สุด ได้เท่าไหร่ก็คือเต็มที่แล้วค่ะ 5. เมื่อสอบเสร็จแล้ว ภายหลังการประกาศผลสอบ ผู้เขียนจะสอบถามคะแนนสอบไปทุกครั้งค่ะ ข้อดีก็คือถ้ามีสนามไหนเราสอบไม่ผ่าน การได้รู้คะแนนสอบ จะทำให้เราสามารถประเมินตัวเองได้ค่ะ ว่าเรายังขาดไปอีกกี่คะแนน และควรต้องเพิ่มความพยายามไปอีกเท่าไหร่ถึงจะผ่าน ผู้เขียนเคยสอบหน่วยงานนึงค่ะ ไม่ผ่านเพราะขาดไป 2 ข้อ ครั้งนั้นทำให้เรารู้ว่าเราต้องพยายามอีกเท่าไหร่ และมีเรื่องไหนที่เรายังไม่เข้าใจหาคำตอบไม่ได้ ก็ไปเน้นอ่านตรงนั้น จากการทำแบบนั้นทำให้ผู้เขียนสอบผ่านหน่วยงานนั้นในการสอบครั้งที่ 3 ค่ะ (เห็นไหม 3 ครั้งก็ยังไม่ท้อนะ)สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะภาพหน้าปก โดย Hermann จาก pixabayภาพที่ 1 โดย geralt จาก pixabayภาพที่ 2 โดย F1Digitals จาก pixabayภาพที่ 3 โดย OpenClipart-Vectors จาก pixabayภาพที่ 4 โดย niekverlaan จาก pixabay *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565