การวางแผนเกษียณ เพื่อเตรียมตัวให้มีเงินพอใช้ เป็นสิ่งที่ต้องมีการวางแผนระยะยาว และทำตั้งแต่เนิ่น ๆ วันนี้เราจะพาคุณไปดูว่าการ วางแผนเกษียณ เตรียมตัวยังไงให้มีเงินใช้พอ มีอะไรที่เราต้องคำนึงถึงบ้าง สำหรับเราคิดว่ามี 3 ตัวแปรหลักที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเตรียมตัววางแผนเกษียณ คือ ระยะเวลา จำนวนเงิน และ ผลตอบแทนแบบทบต้น ถ้าคุณกำลังงงอยู่ ไม่ต้องกังวลใจนะคะ เดี๋ยวเราจะพาคุณไปเจาะลึกอย่างละเอียดทีละตัว พร้อมกับยกตัวอย่าง เพื่อให้คุณมองเห็นภาพชัดยิ่งขึ้นจากข้อมูลการวิจัยของรศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล หัวหน้าภาควิชาการธนาคารและการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ พบว่าคนไทยมีการเตรียมความพร้อมด้านการเงินหลังวัยเกษียณ ต่ำกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ และจากข้อมูลพบว่าคนไทยมีเงินเก็บแค่ประมาณ 5000 บาทต่อคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขาดการวางแผนด้านการเงิน ถ้าคุณอายุยังน้อย ยังคิดว่าเหลือเวลาอีกตั้งมาก ทำไมต้องคิดถึงวัยเกษียณตอนนี้ ถ้าคุณอ่านบทความนี้จนจบ ความคิดคุณจะเปลี่ยนไป อย่าลืมนะคะว่าเวลาคือหนึ่งในตัวแปรที่จะทำให้คุณมีเงินพอใช้ในวัยเกษียณ ยิ่งคุณเริ่มวางแผนเกษียณเร็วเท่าไร คุณก็มีเวลาในการเตรียมตัวมากเท่านั้น แต่ถ้าคุณขาดการวางแผนในการเตรียมตัวเกษียณ คุณจะยิ่งทุกข์เมื่อเวลานั้นมาถึง เรามาดูทั้ง 3 ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวให้มีเงินพอใช้ในวัยเกษียณกันดีกว่าค่ะ 3 ตัวแปร ที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัววางแผนเกษียณ เพื่อให้มีเงินพอใช้ ไม่ขาดมือ 3 ตัวแปร ที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัววางแผนเกษียณ เพื่อให้มีเงินพอใช้ คือ เวลา จำนวนเงินลงทุนและผลตอบแทนแบบทบต้น ต่อไปนี้เราจะมาเจาะทั้ง3 ตัวแปร พร้อมกับตัวอย่างเพื่อให้คุณมองเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเราขอสมมุติชื่อเค้าทั้ง 3 คนเป็น A B C จริง ๆ จะสมมุติ เป็น คุณ ก คุณ ข และคุณ ค ก็เกรงว่าคุณผู้อ่านจะเอาไปเดาเป็นชื่อดาราเดี๋ยวจะกลายเป็นดราม่าจนขอบตาดำ😉 (ล้อเล่นเฉย ๆ ค่ะ ) เรารู้ว่าถ้าคุณอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ คุณคือกลุ่มที่มีแนวโน้มการเงินสดใสในอนาคต เพราะคุณเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องการเงิน และการเตรียมตัววางแผนเกษียณ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาดูกันเลยค่ะเวลา มีผลต่อการวางแผนเกษียณ เตรียมตัวยังไงให้มีเงินพอใช้ ?เวลา เป็นสิ่งที่เราได้มาฟรีกันทุกคน เพราะการที่มันเป็นของฟรีเราจึงไม่ได้ให้ค่ากับเวลาเท่าที่ควร เรามาดูพร้อมกันค่ะว่าเวลามีผลต่อการวางแผน เตรียมตัวเกษียณอย่างไร ?สมมุติว่าคุณ A B C ตั้งใจจะเกษียณตอนอายุ 50 ปี โดยมีระยะเวลาในการเตรียมตัวเกษียณที่แตกต่างกัน และทุกคนตั้งใจจะเก็บเงินเดือนละ1000 พันบาท หรือ 12,000 บาทต่อปี และทั้ง 3 คนก็ไม่ใส่เรื่องการเงิน จึงนำเงินไปฝากธนาคาร ซึ่งได้ผลตอบแทนแบบทบต้นประมาณ 2 % ต่อปี A เริ่มช้า; เริ่มเก็บเงินเพื่อเตรียมตัวเกษียณ ตอนอายุ 40 ปี มีเวลาเก็บเงินและเตรียมตัวทั้งหมด10 ปี เมื่อครบกำหนดคุณ A มีเงินก่อนเกษียณทั้งหมด 131,396 บาท B เริ่มปานกลาง; เริ่มเก็บเงินตอนอายุ 30 ปี มีเวลาเก็บเงินและเตรียมตัว 20 ปี เมื่อครบกำหนดคุณ B มีเงินก่อนเกษียณทั้งหมด 291,568 บาท C เริ่มเร็ว; เริ่มเก็บเงินตอนอายุ 25 ปี มีเวลาเก็บเงินและเตรียมตัวทั้งหมด 25 ปี เมื่อครบกำหนดคุณ C มีเงินก่อนเกษียณทั้งหมด 384,363 บาท มองแค่ตัวเลขก็รู้แล้วใช่มั้ยค่ะว่าใครมีเงินสะสมมากกว่ากัน แต่ถามว่าทั้ง 3 คนจะมีเงินพอใช้ในวัยเกษียณมั้ย คุณก็ดูเอาเองค่ะ ว่าทั้งสามคนจะมีเงินพอใช้เมื่อถึงวัยเกษียณหรือเปล่า ? ประเด็นนี้ อย่างน้อยคุณ C ก็มีเงินใช้จ่ายมากกว่าคนอื่น ๆ จริงมั้ยค่ะ ?จำนวนเงินสะสม มีผลต่อการวางแผนเกษียณ เตรียมตัวยังไงให้มีเงินพอใช้ ?จำนวนเงินสะสม เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณเองก็กำหนดได้ โดยเราเลือกได้ว่าจะใช้เงิน หรือจะเก็บเงินเท่าไร การจะทำให้การเงินของคุณสดใส ก็ต้องเริ่มตั้งแต่นิสัยการใช้เงินพื้นฐาน อ่านต่อได้ใน บทความ 5 วิธีรัดเข็มขัด ประหยัดค่าใช้จ่าย ยุคของแพง 2022เราจะยกตัวอย่างเรื่องความแตกต่างเกี่ยวกับจำนวนเงินสะสม ในจำนวนที่แตกต่างกันทั้ง 3 คน แต่มีระยะเวลาสะสมเงิน 20 ปี เท่ากัน และได้ผลตอบแทนแบบทบต้น 2% เท่ากันA เก็บน้อย; เก็บสะสมเงินปีละ 12,000 บาท ( เดือนละ 1000 บาท )B เก็บปานกลาง; เก็บสะสมเงินปีละ 24,000 บาท ( เดือนละ 2000 บาท )C เก็บมาก; เก็บสะสมเงินปีละ 36,000 บาท ( เดือนละ 3000 บาท )และนี่คือเงินสะสมทั้งหมดที่พวกเขาได้รับจากการเตรียมตัวเกษียณหลังจากผ่านไป 20 ปีคุณคิดว่า การวางแผนเกษียณของพวกเค้าดีมั้ย พวกเขาจะมีเงินพอใช้ เมื่อถึงวัยเกษียณหรือไม่ค่ะ ? คุณเห็นมั้ยค่ะว่าการเก็บเงินเดือนละพันสองพัน แทบจะไม่ได้ทำให้พวกเขาเกษียณได้ในวัย 50 ปีเลย แล้วต้องทำยังไง มาดูกันต่อค่ะ ผลตอบแทนแบบทบต้น มีผลต่อการวางแผนเกษียณ เตรียมตัวยังไงให้มีเงินพอใช้ ?ผลตอบแทนแบบทบต้น คือ ผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยที่คิดจาก “เงินต้น” บวกกับดอกเบี้ยที่ได้รับจากงวดก่อนหน้า เช่น เราเอาเงินไปฝากธนาคาร 1000 บาท ที่ดอกเบี้ย 2 % เมื่อครบหนึ่งปีธนาคารคิดดอกเบี้ยให้ เราก็จะมีเงิน 1020 ซึ่งธนาคารจะเอายอดนี้ไปตั้งต้นคำนวณผลตอบแทนให้เราในปีถัดไป ทบต้นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คราวนี้เราจะสมมุติให้ทั้งสามคน ได้รับผลตอบแทนแบบทบต้นแตกต่างกัน ดังนี้ A ผลตอบแทนน้อย ;ได้ผลตอบแทน 2% ต่อปีB ผลตอบแทนปานกลาง ; ได้ผลตอบแทน 5 % ต่อปีC ผลตอบแทนมาก ; ได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เราก็กำหนดให้จำนวนเงินลงทุนและระยะเวลาในการเก็บเงินทั้ง 3 คนเท่ากัน คือ เงินลงทุนคนละ12,000 บาทต่อปีและลงทุนไว้แบบนั้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 20 ปี เมื่อครบ 20 ปี ทุกคนจะมีจำนวนเงินก่นเกษียณแตกต่างกันดังนี้คุณดูสิค่ะ ทั้งสามคนมีการวางแผนเกษียณดีหรือเปล่า? พวกเขาจะมีเงินพอใช้เมื่อถึงวัยเกษียณมั้ย ? แต่แค่คุณ B กับคุณ C พยายามเพิ่มขึ้นอีกนิด เงินในกระเป๋าของเขาก็เพิ่มขึ้นมากกว่าคุณ A โดยไม่ต้องไปทำงานให้เหนื่อย และนี่คือตัวอย่างของการใช้เงินทำงาน ซึ่งเงินจะช่วยเราทำงานไปพร้อม ๆ กับที่เราทำงานก่อนถึงวัยเกษียณ จากประสบการณ์ส่วนตัวของเราเอง ผลตอบแทนจากการลงทุน 5% เป็นอะไรที่ทำได้ง่ายมากในโลกการเงิน จากตัวอย่างทั้งสามแบบที่เรายกมาให้คุณดู เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า ในการเตรียมตัวให้มีเงินพอใช้ในวัยเกษียณ จำเป็นต้องมีการวางแผน มีวินัยในการเก็บเงินตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเวลา และจำนวนเงินก็เป็นตัวแปรที่จะทำให้คุณมีเงินเพียงพอสำหรับใช้ในวัยเกษียณ ส่วนตัวแปรสุดท้ายที่จะทำให้คุณมีเงินพอใช้ในวัยเกษียณ ก็คือผลตอบแทนจากเงินลงทุน ซึ่งอาจะต้องใช้ความสามารถและความพยายาม ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องการลงทุนใด ๆ เลย ต่อให้คุณมีวินัยการเงินที่ดี ฝากเงินกินดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ ที่ประมาณ 2 % ต่อปี เงินที่คุณพยายามเก็บมาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถช่วยให้คุณมีเงินพอใช้วัยเกษียณได้ ยิ่งในสถานการณ์ที่เงินเฟ้อพุ่ง ๆ อย่างปัจจุบันนี้ เงินที่คุณเคยพยายามเก็บไว้ ก็ไม่ได้ช่วยให้คุณมีเงินพอใช้ในวัยเกษียณได้ แล้วคุณจะต้องทำอย่างไร เราขอแชร์ประสบการณ์การวางแผนเกษียณ เพื่อให้มีเงินพอใช้ดังนี้เข้าทำงานในบริษัทที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะนอกจากบริษัทจะหักเงินของเราเข้ากองทุนแล้ว บริษัทยังสมทบเงินบางส่วนให้ด้วย เท่ากับเราได้เงินเพิ่มไปโดยปริยายซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เก็บไว้บ้าง ในการซื้อประกันชีวิตนอกจากเราได้ความคุ้มครองในการทำประกันแล้ว ก็เป็นการสะสมทรัพย์แบบหนึ่งเช่นกัน และประกันชีวิตบางแบบก็สามารถเอาไปลดหย่อนภาษีได้ เราก็สามารถนำเงินที่ได้จากการลดหย่อนภาษีเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เพิ่ม ซึ่งจะช่วยให้เรามีเงินสะสมเร็วขึ้น เท่ากับเราได้ทั้งเงินสะสมจากประกัน และเงินจากการการลดหย่อนภาษี ศึกษาและลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทน เช่น หุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้เรามีเงินพอใช้ในวัยเกษียณเร็วยิ่งขึ้น แต่การลงทุนด้านต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องทุ่มเทให้ความสนใจ ไม่อย่างนั้นแล้ว แทนที่เราจะได้ผลตอบแทนเพิ่ม เราอาจจะเจ๊งไม่เป็นท่าตั้งแต่รอบแรก เพราะสินทรัพย์เหล่านี้ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เราเขียนไว้หลายเรื่องเช่นกัน ถ้าสนใจก็ติดตามอ่านต่อได้ค่ะ ต้องหมั่นควบคุมตัวเองให้มีวินัยการเงินอย่างสม่ำเสมอ ใครที่กำลังมีปัญหารายจ่ายมากกว่ารายได้ แนะนำไปอ่าน 5 วิธีรัดเข็มขัด ประหยัดค่าใช้จ่าย ยุคของแพง 2022 เพื่อสร้างวินัยการเงินให้ตัวเองก่อนค่ะ เพราะถ้าคุณไม่มีวินัยการเงินพื้นฐานเหล่านี้ คุณจะไม่สามารถเก็บเงินได้เลย เพราะคุณคิดว่าทุกอย่างจำเป็นต้องจ่าย ทั้ง ๆ ที่คุณสามารถจะใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดก็ได้คำถามถัดมาว่าแล้วเราต้องเตรียมเงินไว้เท่าไรก่อนถึงวัยเกษียณ สำหรับเราคิดว่า จำนวนเงินที่คุณต้องเตรียม ขึ้นอยู่กับรายจ่ายและความคาดหวังของคุณ เช่น คุณคาดหวังจะมีเงินใช้เดือนละ 20,000 บาท หรือ 50,000 บาท ยอดเงินสะสมที่คุณต้องเตรียมไว้ก็แตกต่างกัน ถ้าคุณผู้อ่านอยากรู้ต่อไป รบกวนช่วยแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน หรือส่งข้อความทักเข้ามา แล้วเราจะมาเล่าให้ฟังในตอนต่อไปว่า คุณต้องเตรียมเงินไว้เท่าไร เพื่อให้พอใช้ในวัยเกษียณ ? แล้วกลับมาพบกันใหม่เร็ว ๆ นี้นะคะเครดิต ข้อมูลบางส่วนจาก https://www.chula.ac.th/clipping/84815/ภาพปก โดย nattanan23 จาก Pixabay ภาพที่ 1 โดย NataliSamorod จาก Pixabayภาพที่ 2 - 4 โดยผู้เขียน ภาพที่ 5 โดย kanchanachitkhamma จาก Canva กราฟฟิกจาก CanvaBy Nurseonomyบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง - 15 เทคนิครัดเข็มขัด ยุคของแพง | TrueID Creator- สุดปัง! กับวิธีประหยัดภาษีด้วยบัญชีลงทุน ISK ที่นี่สวีเดน | TrueID Creator- แชร์ประสบการณ์ลงทุนต่างประเทศ เพิ่มผลตอบแทน | TrueID Creator- แชร์ประสบการณ์ ทำงานต่างประเทศ แต่กู้ซื้อบ้านที่เมืองไทย | TrueID Creator7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์