หากจะพูดถึงผู้กํากับภาพยนตร์สารคดีและผู้กํากับภาพยนตร์ชาวไทยคนหนึ่ง ที่การันตีด้วยผลงานอย่าง Boundary ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง 2013 กับ By the River สายน้ำติดเชื้อ 2013 , ดินไร้แดน Soil Without Land หรืผลงานอย่าง #BKKY และผลงานล่าสุดของเขาอย่างภาพยนตร์ที่นี้ ดอยบอย DOI BOY ผลงานความร่วมมือระหว่าง Netflix และ เนรมิตรหนังฟิล์ม กำกับและเขียนบทโดย นนทวัฒน์ นำเบญจพล หากท่านใดที่เป็นภาพยนตร์ภาพยนตร์สารคดีของผู้กำกับคนนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า เรื่องราวองดอยบอยมีความล้อไปด้วยกันสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเห็นมาตลอดในระยะเวลายาวนาน ภายใต้การกำกับของคุณ นนทวัฒน์ นำเบญจพล Fiction อย่างดอยบอยนี้เองที่ฉายทาง Netflix ในปี 2566 ที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ถูกพูดถึงอย่างมากใน World Premiere ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน (BUSAN International Film Festival) ประเทศเกาหลีใต้ และสามารถทำสถิติขายบัตรชมภาพยนตร์หมดภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที นับว่าเป็นที่น่าจับตาและน่าสนใจอย่างมาก ทีมนักแสดงหลักของเรื่องของน่าสนใจไม่แพ้กันนำทีมโดย พี่จิ รับบทโดย อารักษ์ อมรศุภศิริ , บี๋ รับบทโดย ปาณิสรา ริกุลสุรกาน , ศร รับบทโดย อวัช รัตนปิณฑะ , วุฒิ รับบทโดย ภูมิภัทร ถาวรศิริ มาร่วมตื่นตาไปกับเรื่องราวของภาพยนตร์ ดอยบอย (DOI BOY) ที่สตรีมพร้อมกันกว่า 190 ประเทศทั่วโลก เล่าย่อๆเรื่องราวของ “ศร” พระหนุ่มในไทใหญ่ที่ถูกทางการทหารของรัฐจับถึงไปเป็นทหาร และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้หลบหนีเข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย ทำให้เขาต้องเขามาทำงานที่บาร์แห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ดอยบอย “ศร” ได้พบกับนายตำรวจหนุ่มอย่าง “จิ” ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นเพียงแค่การขายบริการทางเพศ แล้ววันหนึ่ง “จิ” ได้เสนองานหนึ่งให้กับ “ศร” จากเรื่องประเด็นร้อนทางการเมืองท้องถิ่น ทำให้ “ศร” ต้องมาผัวพันกับเรื่องการอุ้มหาย เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม“กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน…ซีน 1 คัท 1 เทค 1…แอ็กชัน”1 ซีน (Scene) คือ “ฉาก” ว่าด้วยเรื่องของฉาก / นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่ที่แอบหวือหวา ตอนแรกผู้เขียนเองก็แอบแปลกใจว่าเป็นภาพยนตร์แนววาย หรือเปล่าแต่ก็มีฉากวายที่ทำให้น่าสนใจและจะเป็นประเด็นให้ผู้เขียนพูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ ดอยบอย DOI BOY กับฉากที่น่าสนใจภาพยนตร์ใช้ธีมหลังที่อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ เล่าเรื่องราวผ่านฉากต่างๆของความเป็นการเมืองเล็กๆน้อยๆผ่านฉากการเดินขบวน ในหลายๆมิติผู้เขียนมองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าฉากต่างๆได้อย่างไม่เคอะเขินใช้ flashback ก็ทำได้อย่างน่าสนใจ เหมือนกับว่าตัวภาพยนตร์เองกำลังใช้สองเส้นเรื่องมาผนวกปมประเด็นเข้าด้วยกัน เล่าเรื่องราวปัญหาสังคมที่มีจริงแต่อยู่นอกสายตา ของคนใหญ่คนโตในประเทศและตีแผ่ออกมาได้อย่างแสบสัน หลายๆฉากในเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ชินตาจนตัวเราเหล่าคนดูไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่กับมันมากนัก แต่สำหรับผู้เขียนแล้วเรื่องการตีแผ่เรื่องราวเล่านี้ และการเซ็ตฉากเหล่านี้ขึ้นมานั้นผู้เขียนมองว่าน่าตื่นเต้น มากกว่าฉากวายที่ทีมสร้างยัดเข้ามา ที่หนึ่งที่น่าประทับใจและน่าสนใจมากๆที่เราอาจจะผ่านหูผ่านตามามากมาย สำหรับคนที่รักในการดูหนังอย่าง การเอาถุงคลุมหัว ผู้เขียนไม่ได้ชี้แนะให้เห็นถึงความ Romanticize แต่จะมองในประเด็นถึงความไม่ถูกต้อง เราจะเห็นฉากแบบนี้จากเรื่องนี้ก็หลายครั้งหลายตอน ตกผลึกเป็นการตีแผ่สังคมได้อย่างมีชั้นเชิง ผ่านฉากที่แสดงให้เห็นถึงสีหน้า และการวางตัวของตัวละคร2 คัท (Cut) คือ “มุม” ว่าด้วยเรื่องของบท / หากใครที่เคยชมภาพยนตร์ของ คุณ นนทวัฒน์ นำเบญจพล จะรู้ได้ทันทีเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกชิ้นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์สารคดีหลายๆเรื่องของเขา บทภาพยนตร์ในเรื่องขุดปมต่างๆทางสังคมมาขยี้ตีแผ่ได้อย่างน่าสนใจมากๆ บทภาพยนตร์จะเลือกเจาะอยู่ 2 ประเด็นใหญ่ๆ หนึ่งคือเรื่องการข้าวชาติการค้าประเวณีและการอุ้มหาย การนำเนินเรื่องด้วยบทภาพยนตร์ที่ชัดเจน ผู้เขียนเลยมองว่าเป็นบทภาพยนตร์ที่ดีมากๆอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ค่อนข้างที่จะเป็นประเด็นอ่อนไหวในบ้านเรา และเป็นบทที่มีความเฉพาะตัวอาจจะไม่ได้ถูกใจใครหลายๆคน แต่สำหรับผู้เขียนแล้วกับชอบบทภาพยนตร์แนวนี้นะ มีความซับซ้อนเล่าปัญหาและยกชูมาตีแผ่ได้อย่างน่าสนใจ ส่วนหนึ่งตัวผู้กำกับเองน่าจะมีการตื่นรู้ทางการเมืองมากพอสมควร เลยใส่อารมณ์และเริ่มเขียนบทให้ออกมาอย่างนั้น เรื่องข้ามเพศก็ถูกหยิบมาให้น่าสนใจ แต่ยังข้ามพรมแดนมุมมองแห่งความเหลื่อมล้ำ พูดถึงประเด็นชายขอบ แรงงานข้ามชาติ ไฟป่า การบังคับสูญหาย สิ่งเหล่านี้ถูกหยิบและชูขึ้นมาเล่าผ่านตัวละครทั้งหลายของเรื่อง3 เทค (Take) คือ “จำนวนครั้งที่เล่น”ว่าด้วยเรื่องของตัวละคร / ในหัวข้อนี้อาจจะมี Spoil "สปอยล์"strong> นิดๆเพื่อเนื้อหาที่เข้มค้นขึ้น ตัวละครในเรื่องนี้มีความเป็นตัวของตัวเอง ผู้เขียนหมายถึงมีเส้นเรื่องของตัวเองอย่างชัดเจน “พี่จิ รับบทโดย อารักษ์ อมรศุภศิริ” นายตำรวจหนุ่มที่รับหน้าที่สำคัญอย่างการเข้าไปผัวพันกับคดีอุ้มคนหาย ตัวละครตัวนี้น่าสนใจอย่างไร ตัวละครมีความก้าวผ่านในเรื่องของเพศสภาพได้อย่างน่าสนใจและชัดเจน Homosexuality หรือรสนิยมทางเพศอย่าง Bisexual ตัวตนด้านหนึ่งเป็นคนที่อยู่ในกรอบของสังคมอย่างเป็นได้ชัด แต่งงานมีครอบครัวและกำลังจะเป็นพ่อคน ส่วนอีกด้านเป็นคนที่รัดเพศเดียวกัน ซึ้งตัวละครนี้มาน่าสนใจและน่าค้นหาอย่างยิ่ง “ศร รับบทโดย อวัช รัตนปิณฑะ” น่าจะเป็นตัวละครที่มีความเด่นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวเองที่เป็นคนชาติสิพันธ์อื่นที่เข้ามาทำงานในไทย เมื่อตัวละครตัวนี้มันถูกกดให้ตำโดยบริบทของสังคมเข้าจะมักเป็นตัวละครที่ถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการถูกเปลี่ยนชื่อโดยข้าวของร้านจาก “วัน” มาเป็น “ศร” หรือแม้แต่การทำงานที่เขาเองก็เลือกไม่ได้อย่างการค้าประเวณี แต่ประเด็นเรื่องเพศของตัวละครนี้ยังน่าสนใจเพราะเขายังมีสิทธิ์ที่จะได้เลือกว่า จะเป็นฝ่ายกระทำหรือถูกกระทำ ผู้เขียนชอบตัวละครตัวนี้ที่น่าสนใจคือ เพศสภาพของตัวละครนี้มันมีความลื่นไหลอย่างเห็นได้ชัด มิติภายในของตัวละครการข้าวเขตพรมแดนที่หนีตามมา และการข้าวเพศสภาพกลับไปมาก็สื่อสารออกมาได้อย่างไม่เคอะเขินเช่นเดียวกัน “วุฒิ รับบทโดย ภูมิภัทร ถาวรศิริ” การเล่าเรื่องของตัวละครตัวนี้เป็นการเล่าที่แสบสันมากๆ ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นต่างๆของทั้งสองตัวละครก่อนหน้าแล้วมักจะเป็นการข้าวและการผ่านที่สมัครใจมากกว่า แต่สำหรับตัวละครอย่าง วุฒิ คือตัวละครที่ผู้กระทำอย่างเห็นได้ชัด การที่เขาโดนอุ้มหายเพียงเพราะจะตีแผ่สังคมและความเหลื่อมล้ำให้คนอื่นได้เห็น เข้าถูกทำให้ข้ามในที่นี้ผู้เขียนหมายถึงการข้ามประเทศ โดยที่ตัวละครตัวนี้ไม่ได้สมัครใจเลยแม้แต่น้อย เรื่องการข้าวโดยไม่ได้สมัครใจเราเห็นมากในสังคม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา หรือแม้แต่สังคมการทำงานที่ถูกข้ามมาก้าวก่ายในหลายๆเรื่อง ผู้เขียนจึงมองว่ามิติตัวละครทั้งสามตัวนี้มีมิติน่าค้นหาและน่าสนใจ การแสดงของนักแสดงก็ไม่ธรรมดาอย่างเช่นหนุ่ม อวัช รัตนปิณฑะ ที่ใช้ภาษาไทใหญ่ได้อย่างกับภาษาของตัวเอง4 Slate คือ ป้ายที่เขียนบอก ซีน คัท เทคว่าด้วยเรื่องของความหมาย / อำนาจที่มีมากมายในโลกนี้แต่ตัวผู้กำกับเลือกที่จะเล่าเรื่องราวของอำนาจ ที่เราเหล่าคนดูรู้ว่ามีแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยมันออกมาตรงๆ กฎหมายไม่ได้มีตัวตนมีแต่ตัวหนังสืออันนี้ไม่เกินจริง เดินทางผ่านเรื่องราวคุ้ยเรื่องลับใต้พรมสังคมไทย กับการทำให้หายไปและไม่มีวันได้กลับมา ที่น่าสนใจไปใสหกว่านั้นคือภาพยนตร์ได้เหล่าเรื่องราวของสองเส้นเรื่องให้มาซ้อนทำกันเป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างสวยงาม อีกเรื่องคือความรัก เงินตรา และ ความอยากก้าวผ่านสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความหมายนี้ผู้เขียนตกผลึกออกมาเป็นเรื่องเพศ จากทั้งสาวตัวละครที่ผู้เขียนก้าวมาในหัวข้อก่อนหน้า ความเป็นเพศสภาพของเรื่องนี้ไม่ได้ถูกตีกรอบตามที่เลาเหล่าคนดูเข้าใจมันมากนัก แต่มันถูกเล่าออกนอกกรอบมามากพอดู หากจะให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์วาย ก็ตีความหมายและเส้นเรื่องได้น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ได้ขายความจิ้นแต่ขายความจริงที่เกิดขึ้นกับสังคม5 “คัท !!!!”ดอยบอย ภาพยนตร์ที่จะพาเราเหล่าคนดู ไปคุ้ยเรื่องลับใต้พรมสังคมไทย เล่าถึงอำนาจ ข้ามชาติ เรื่องเพศ เรื่องความรัก เรื่องตัวตน กับชีวิตที่ไร้ทางเลือก และผู้คนที่ถูกทำให้หายไป เป็นความจงใจที่จะสื่อให้เห็นถึงความสวยงามของภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัวละครที่ถูกทำให้ยอมรับทั้งที่ไม่อยากยอมรับ การข้ามประเทศของวุฒิทั้งที่วุฒิไม่ได้จำยอม การถูกทำให้หายของจิทั้งที่จิก็ทำงานของตัวเองได้สำเร็จ การถูกคนที่มีอำนาจมากกว่าเปลี่ยนชื่อให้อย่างวันที่ต้องกลายเป็นศร การต้องมาทำงานค้าประเวณีของบี๋ทั้งที่ตัวเองมีคนรักอยู่แล้วเพราะความจน เรื่องราวเหล่านี้มันถูกหยิบชูขึ้นมาในบทของภาพยนตร์ และฉาบมันอีกรอบกับฉากวายที่ขายได้ง่ายในโลกของภาพยนตร์ ตัวเรื่องดอยบอยก็เหมือนกับการเล่าเรื่องราวที่แตกออกมาจากภาพยนตร์สารคดีของผู้กำกับอย่าง คุณ นนทวัฒน์ นำเบญจพล และเล่าให้ดุเด็ดเผ็ดมันมากยิ่งขึ้น กับฉากที่น่าสนใจ ตัวละครหนักแสดงที่สมบทบาท และบทภาพยนตร์ที่ตีแผ่ออกมาได้เป็นอย่างดี รวมไปจนถึงเรื่องราวของความหมายที่แฝงและสอดแทรกเข้ามาได้อย่างมีชั้นเชิง“คนเราต่างก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกในแบบของตัวเอง”ชอบประโยคนี้ : ไม่ควรมีต้องมีใครถูกทำให้หายไปจากโลกนี้ เพียงเขาต้องการจะพูดความจริง - วุฒิ(สิ่งหนึ่งที่คนดูอย่างผู้เขียนเห็นคือความตั้งใจของทีมผู้กำกับทีมนักแสดง คะแนนเต็มแบบไหนอย่างไรไม่ควรนำมาตัดสิน กับเรื่องของภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม "คะแนนของคุณไม่ใช่คะแนนของใคร ที่สำคัญกำลังใจย่อมดีกว่าการตัดสินด้วยคะแนน" ผู้เขียนจะย้ำอยู่เสมอ สิบปากว่าไม่เท่าตาคุณเห็น ต้องชมเองให้ได้เท่านั้น) #จิปาถะและอรรถรสขอบคุณภาพประกอบจาก Awat Ratanapintha - ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก End Credits ท้ายเรื่อง และการเป็นแฟนเดนตายผู้กำกับภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักเขียนบทภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักแสดงทุกท่านทีมสร้างภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมทุกคนและบริษัทและค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !