ในช่วงหลายเดือนผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เราประสบกับวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่ นั่นคือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจทุกอย่างหยุดชะงักแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ใช่เฉพาะแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ต้องบอกว่าได้รับผลกระทบไปทั่วโลกกันเลยทีเดียว และต้องยอมรับว่าหลาย ๆ คน หลาย ๆ ธุรกิจประสบปัญหาเดียวกัน นั่นคือขาดสภาพคล่องทางการเงิน หรือการที่ไม่มีเงินสดไว้ใช้จ่าย เพราะไม่ว่าจะคิดทำธุรกิจไหน ๆ ก็แทบจะมองไม่เห็นทาง หากจะกู้ธนาคารก็คงต้องโดนตรวจสอบเครดิตกันหนักหน่อย ในสภาวะเช่นนี้ทำให้เรานึกถึงคำพูดที่ว่า Cash is King แปลตรงตัวคือ “เงินสดคือพระราชา” หรือหากจะแปลให้ติดปากคุ้นหูก็คือ “เงินสดคือพระเจ้า” นั่นเอง ในช่วงนี้หากใครที่มีเงินสดมาก ๆ โอกาสก็จะมากตามไปด้วย ในขณะที่คู่แข่งคนอื่น ๆ ต้องปิดกิจการไปอย่างน่าเสียดาย เป็นโอกาสที่เราจะได้ปรับปรุงและขยายกิจการให้ใหญ่โตมากขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกอย่างการมีเงินสดมาก ๆ ยังสามารถซื้อของในราคาถูก ที่ใคร ๆ นำมาขายกันแบบเททิ้ง นับตั้งแต่ของเล็ก ๆ ไปจนถึงของชิ้นใหญ่ ๆ เช่น พวกอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่หุ้นต่าง ๆ และสำหรับใครที่ไม่มีเงินสดในมือ คงต้องทนลำบากกันหน่อย แต่ถ้ามีทรัพย์สิน เช่นทองคำ รถ บ้าน ที่ดิน หรือของมีมูลค่าอื่น ๆ อาจจะต้องขายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือเพื่อพยุงประคับประครองธุรกิจต่าง ๆ ให้ดำเนินต่อไปให้ได้ ซึ่งในการเปลี่ยนทรัพย์สินให้เป็นเงินสดนั้นอาจจะทำในรูปแบบการจำนำ จำนอง หรือไม่ก็ต้องขายขาดไปเลย แต่ใครคิดจะขายทรัพย์สินในช่วงนี้ หากจะขายให้ได้ราคาแพงๆ คงต้องใช้เวลานานจนรอไม่ไหว ต้องยอมขายในราคาถูก ๆ หรือยอมขาดทุนกันเลยทีเดียว หลังจากเยียวยาโรคระบาดจนหายแล้ว มาตรการสำคัญคือการเยียวยาคนในประเทศ และต้องยอมรับว่าประชากรส่วนใหญ่ในประเทศไทย ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างใช้แรงงาน ดังนั้น หากจะเริ่มต้นเยียวยากันจริง ๆ ภาครัฐคงต้องเปิดใจเริ่มต้นเยียวยาตั้งแต่กลุ่มคนรากหญ้า ให้มีอาชีพมีรายได้เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้มีกำลังในการซื้อ เมื่อมีกำลังซื้อการขับเคลื่อนธุรกิจในส่วนอื่นเช่นการค้า การท่องเที่ยว ภายในประเทศก็จะค่อย ๆ ขับเคลื่อนไปได้เอง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจควรเริ่มแก้ไปพร้อม ๆ กันทุกพื้นที่ และควรกระจายการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น มากกว่ามุ่งเน้นการแก้ไขในกรุงเทพฯเพียงอย่างเดียว วิธีนี้นอกจากจะเป็นการกระจายรายได้ให้ทุกกลุ่มชนแล้ว ยังถือว่าเป็นการป้องกันการเข้ามาทำงานในชุมชนแออัด เพราะอาจจะทำให้เชื้อไวรัสโควิด-19 ย้อนกลับมาระบาดอีกรอบก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามในสภาวะเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้ ผู้เขียนในฐานะคนที่เคยมีธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก และต้องปิดกิจการไปเพราะพิษโควิด-19 ขอฝากทิ้งท้ายบทความนี้ไว้สักเล็กน้อย ไม่ว่าจะมีเงินมากหรือน้อย ไม่ว่าจะลงทุนหรือทำธุรกิจอะไร ก็ขอให้ใช้จ่ายอย่างมีสติไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ เพราะหากไม่วางแผนให้ดี ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนและการลงทุนไม่มีกำไร ก็อาจจะหมดได้เช่นเดียวกัน ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ด้วยดีและกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วนะคะ เรื่องโดยบุหงาอันดามัน ภาพปก1/ ภาพปก2/ภาพ1/ภาพ2/ภาพ3/