สวัสดีค่ะ วันนี้เราก็อยากจะมาแบ่งปันร้านอาหารเด็ดๆในตัวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ของทางภาคใต้พร้อมประวัติศาสตร์ยาวนาน ทำให้เป็นหนึ่งในจังหวัดชื่อดังที่นักท่องเที่ยวชาวไทยชอบมาเที่ยวกันช่วงวันหยุด แต่หารู้ไม่ว่านครศรีธรรมราชนั้นไม่ได้โด่งดังแค่ประวัติศาสตร์ วัดวาอารามเช่น วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดเจดีย์ไอไข่ หรือแม้แต่หมู่บ้านคีรีวง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งโอโซนชั้นดีของประเทศ เพราะว่าอีกหนึ่งที่ขึ้นชื่อของนครศรีนั้นก็คืออาหารนั่นเองค่ะ เพราะแม้ว่านครศรีธรรมราชจะดูเหมือนเป็นชุมชนพุทธเสียส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีหลายชุมชนที่นับถือหลากหลายศาสนา (พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ และขงจื๊อ) โดยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และทำให้อาหารพื้นเมืองมีความหลากหลายนั่นเองค่ะ โดยเราได้เริ่มออกเดินทางขับรถจากจังหวัดภูเก็ตพร้อมเพื่อนอีกสองคนตอน 09.00 น. กว่าจะข้ามฝั่งจากอันดามันมาอ่าวไทยได้ก็ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าๆ เพราะระหว่างทางมีฝนตกหนัก พอมาถึงที่พักก็รีบออกไปประเดิมร้านแรกเลย ซึ่งก็คือร้าน "โกโด่ง ข้าวมันแกง" บริเวณแยกประตูชัยนั่นเองค่ะ "โกโด่ง ข้าวมันแกง" เปิด 16.00 - 24.00 (ปิดทุกวันอังคาร) ซึ่งตอนที่เราไปถึงร้านก็ประมาณ 5 โมงและร้านพึ่งเปิด ทำให้คนยังไม่เยอะมากนั่งได้สบายๆ พอได้นั่งก็จัดการสั่งเมนูที่พวกเราตั้งใจจะมากินกันนั้นก็คือ "ข้าวมันแกงเนื้อ" ราคาถูกมากเพียงแค่ 25 บาท เท่านั้น ถ้าเพิ่มไข่ดาวก็จะเป็น 35 บาท เป็นราคาที่หาได้ยากมากในภูเก็ต 555555 ด้วยความหิวระดับสิบ พอพนักงานมาเสิร์ฟปุ๊ปชาวเราก็รีบตักข้าวมันแกงเข้าปาก คำแรกที่แล่นเข้ามาในหัวคือแกงหอมมาก และเข้มข้นสุดๆ เนื้อวัวนุ่มละมุน มีความเผ็ดกำลังดี ทานพร้อมไข่ดาวก็ได้อารมณ์อร่อยคนละแบบ เสิรฟ์พร้อมชุดผักในจาน เสียอย่างเดียวที่ปริมาณต่อจานน้อยไปหน่อย ใครที่หิวจริงๆอาจจะต้องทานสองจานเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะมันอร่อยมากและถูกมาก ส่วนใครที่ไม่ทานเนื้อก็มีเมนู "ข้าวมันแกงกุ้ง" ไว้ให้ลองนะคะ หลังจากทานคาวแล้วต้องทานหวาน นอกจากร้านนี้จะโด่งดังเรื่องข้าวมันแกงแล้ว ก็ยังแนะนำให้ทาน "โรตีตบ" ซึ่งเป็นเมนูยอดฮิตของร้าน เสียดายที่เรารีบกินไปหน่อยจนไม่ได้ถ่ายไว้ แต่เอาเป็นว่าตัวแป้งนุ่มละมุน แต่ที่พีคที่สุดในร้านคงจะเป็นเครื่องดื่ม ตอนแรกเราก็งงๆว่าทำไมเครื่องดื่มร้อนราคาแค่ 20 บาท แต่พอเป็นเครื่องดื่มเย็นกลับเป็น 40 บาททั้งๆที่มันควรจะเป็นประมาณ 30 - 35 บาทเท่านั้น แต่พอเจ้าของร้านมาเสิร์ฟนี่สิ ตกใจกันทั้งโต๊ะเลย เอามาตั้งเทียบกับถ้วยน้ำชาของทางร้านแล้ว ผู้อ่านคงจะนึกภาพออกแล้วนะคะว่าใหญ่ขนาดไหน ใหญ่จนเราดื่มไม่หมดต้องเอาไปดื่มต่อบนรถเลยทีเดียว 55555 "จุดพักนักปั่น ปากนคร" เปิดทุกวัน 05.00 - 17.00 ลงทุนตื่นตั้งแต่ตีกว่าเพื่อไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น บอกเลยว่าฟินสมใจชาวเราจริงๆ มีปาท่องโก๋กับขนมพื้นเมืองของนครเสิร์ฟพร้อมชาร้อนต้อนรับ นั่งจิบชาชมแม่น้ำที่ไหลออกไปสู่อ่าวไทย ชาวประมงแล่นเรือผ่าน ข้างๆร้านจะเป็นป่าชายเลนมองเห็นปลาตีนดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมา อาหารก็ราคาปกติคือ 30 - 60 บาท แล้วแต่เมนู บรรยากาศร้านดีมาก มีทั้งมุมด้านนอกและมุมด้านในเผื่อใครที่ต้องการนั่งหลบแดดในร่ม ส่วนด้านนอกนั้นก็จะได้ใกล้ชิดกับแม่น้ำและชมพระอาทิตย์ขึ้นสวยมาก แต่ก็ร้อนมากเช่นกัน 55555 ส่วนนี่ก็คือเมนูไข่กะทะ รสชาติถือว่าโอเคดี เสิร์ฟพร้อมขนมปังปิ้ง แยมและเนย กินคู่กับชาพร้อมชมวิวนี่คือฟินสุดๆแล้ว คุ้มค่าที่ตื่นเช้าจริงๆ "ครัวนายหนัง" เปิดทุกวัน 10.00 - 24.00 มาถึงไฮไลท์ของทริปสั้นๆทริปนี้เลย ครัวนายหนังอาหารพื้นบ้านชื่อดังของนครศรีธรรมราช ร้านที่ถามชาวนครคนไหนก็รู้จักพร้อมบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "หรอยแรง" หรือแปลว่าอร่อยมากในภาษาใต้นั่นเอง อร่อยจนถึงขั้นได้รับเรื่องให้เป็น User's Choice 2019 ของ Wongnai ด้วยนะ มาถึงระดับนี้ก็ต้องลองแล้วล่ะ ส่วนใครที่ได้นั่งริมทางเข้าร้าน ก็จะสามารถรับชมการแสดงหนังตะลุงช่วงดึกซึ่งเป็นการแสดงพื้นบ้านที่โด่งดังมากของนครศรี แต่ถ้าอยากดูก็คงต้องรีบมาจับจองเพราะโต๊ะโซนนั้นเต็มเร็วมากกกกกกก คำเตือน! : โปรดเชื่อป้ายจากทางร้านว่า ถ้าไม่ทานเผ็ดกรุณาแจ้ง ตอนแรกเราก็แอบขำเบาๆว่าเฮ้ยจะเผ็ดได้ขนาดนั้นเลยหรอ จัดมาเลยเพราะนี่ชอบทานเผ็ดมากๆ เครื่องแกงนครกับพัทลุงนี่ชอบสุดๆ มาถึงร้านก็อยากจะลองเสียหน่อย ว่าแล้วก็ไม่รอช้าสั่งไปสามเมนูกินกันสามคนกำลังดี เมนูแรกที่จะแนะนำก็คือปลากระพงสามรส อันนี้คือวางแผนว่าจะเอามาทานแก้เผ็ด แต่รสชาติกลับเยี่ยมสุดๆ เนื้อปลานุ่มและหวานกำลังดี เมนูที่สองก็คือ ยำผักกูด ปกติเราจะไม่ค่อยชอบทานผักสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเดือนที่แล้วก็ได้ไปที่นครศรีกับมหาลัยแล้วเขาเสิร์ฟเมนูยำผักกูด กินคำแรกไม่เป็นไร คำต่อไปหยุดกินไม่ได้ 555555 ไม่รู้ว่าที่ภูเก็ตจะมีเมนูรึเปล่า พอมาที่ร้านครัวนายหนังก็เลยขอลองอีกสักทีแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ผักกูดกรอบนุ่มกำลังดี กุ้งตัวโตเนื้อแน่น น้ำยำก็เข้มข้น ตอนแรกเพื่อนเหมือนจะไม่ค่อยอยากทานเท่าไหร่แต่พอลองคำนึงก็เอ่ยปากชมไม่หยุดเลยว่าอร่อยกว่าร้านอื่นๆ เมนูสุดท้ายซึ่งเป็นเมนูแนะนำของทางร้านก็คือ แกงเขียวหวานกรรเชียงปู ซึ่งอันนี้คือที่สุดของที่สุดของทริปนี้แล้ว ขับรถกลับภูเก็ตก็ยังพูดกันเลยว่าติดใจแกงปูที่นี่สุด กรรเชียงปูเนื้อแน่น ให้มาในปริมาณที่เยอะมากกก ผักก็อร่อย แต่สิ่งที่ทำให้แกงนี้เป็นที่สุดของทริปก็คือเครื่องแกงเขาเผ็ดร้อนแรงสไตล์คนคอนจริงๆ ต่างจากแกงปูของภูเก็ตที่จะมีความหวานมากกว่าความเผ็ด แต่ที่นี่คือความหวานยังไม่ทันออกตัวจากจุดสตาร์ท ความเผ็ดวิ่งนำเข้าเส้นชัยไปก่อน ยืนหนึ่งสุดๆกับเมนูนี้ รอบหน้าถ้าไปนครศรีธรรมราชก็คงต้องแวะมาซ้ำจริงๆ "ครัวแฟนต้า นครฮาลาลฟู้ดส์" เปิด 10.00 - 22.00 ปิดทุกวันเสาร์ หลังจากที่เผ็ดอย่างเหน็ดหน่วงกับแกงปูครัวนายหนังแล้ว ต้องมาตบท้ายทริปด้วยของหวานที่ครัวแฟนต้า ซึ่งคราวก่อนที่มานครก็แวะมาทานโรตีแล้วมันอร่อยมาก มารอบนี้จึงต้องมาซ้ำ ใครจะไปเชื่อว่าโรตีจานละ 15 บาท แถมแป้งนุ่มอร่อยคุ้มราคาจริงๆ ทานพร้อมชาซีลอนร้อนที่มีความหอมและเหมาะสำหรับคนไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานอย่างเราก็ฟินไปดิ ราคาแก้วละ 20 บาทเอง อิ่มอร่อยก่อนกลับภูเก็ตจริงๆ สรุปเลยว่าใครอยากจะมาเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากจะไปไหว้พระขอพรที่วัดต่างๆทั่วจังหวัดแล้ว อย่าลืมแวะเข้ามาในตัวเมืองเพื่อชิมอาหารพื้นบ้านจากร้านเด็ดร้านดังต่างๆที่การันตีทั้งราคาที่ถูกและรสชาติที่อร่อยสไตล์คนคอนด้วยนะคะ