ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยพระ หมู่ที่ 5 ตำบลนาพรุ อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช วัดป่าห้วยพระ เป็นวัดเก่าแก่มาแต่โบราณ มีเนื้อที่ประมาณ 600 ไร่ ตามหลักฐาน สค.1 พอสังเขปดังนี้ เมื่อก่อนลัทธิพราหมณ์ได้เข้ามาเจริญรุ่งเรืองในเมืองนครศรีธรรมราช สมัยนั้นเมืองนครศรีธรรมราช ยังเป็นเกาะหาดทรายแก้ว และพราหมณ์ได้สร้างวัดขั้น 5 วัด ด้วยกันคือ วัดป่าห้วยพระ วัดพระพรหม วัดพรุ วัดพระเพรง และวัดพระแพร่ ทั้ง 5 วัดนี้ เจริญรุ่งเรืองมาก และต่อมาได้เสื่อมโทรมลงตามกาลเวลา ในครั้งนั้นพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ได้หนีไข้อหิวาตกโรคมาจากชมพูทวีป ได้มาพักอยู่ที่เขาวัง อำเภอลานสกา ต่อมาได้พบซากเจดีย์หักพังอยู่จึงได้สำรวจพบว่าเป็นพระธาตุ จึงได้บูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นเป็นองค์พระบรมธาตุองค์ปัจจุบัน ได้นิมนต์พระมาจากลังกาทวีป 10 รูป ฝ่ายเถรวาทเป็นประธานสงฆ์ และเผยแผ่พุทธศาสนาทำให้เจริญรุ่งเรืองมากในครั้งนั้น วัดป่าห้วยพระเป็นวัดที่เก่าแก่ดังกล่าวมาข้างต้นและยังมีฐานอุโบสถที่ใหญ่โตปรากฏอยู่ มีใบเสมาหินและบริเวณต้นไทรใหญ่ ก็เคยเป็นที่จำพรรษาของหลวงปู่ทวดใกล้กับคลองห้วยพระด้านทิศเหนือของวัด ตามประวัติว่าหลวงปู่ทวดได้มาพัก เมื่อวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 พ.ศ.2193 มาพักจำพรรษาที่ป่าห้วยพระเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน หลังจากนั้นก็พอจะลำดับภิกษุเข้ามาจำพรรษา และพัฒนาวัดมาจนถึงปัจจุบันนี้ประวัติหลวงปู่ทวด หลวงปู่ทวด เดิมชื่อ ปู เกิดที่ตำบลพะโคะ อำเภอสะทิงพระ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 3 เดือนมีนาคม พ.ศ.2125 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 10 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง เวลา 9 นาฬิกา บิดาชื่อ หู เป็นชาวมุสลิม มารดาชื่อจันทร์ เป็นชาวพุทธ ท่านเป็นลูกโทน ในวัยเด็กได้เรียนหนังสือที่วัดดีหลวง สะทิงพระ สงขลา หลวงปู่ทวด บวชเป็นสามเณรที่สะทิงพระ แล้วไปศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดท่าโพธิ์ เมือง นครศรีธรรมราช ทั้งนี้เพราะบิดามารดาต้องการให้ท่านลาสิกขาบท เพื่อหวังให้ท่านได้เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท่านหลวงพ่อทวดจึงต้องหนีไปอยู่ เมืองนครศรีธรรมราช หวังที่จะสอบเป็นมหาอาจารย์ เมื่อครบอุปสมบทท่านจึงได้อุปสมบทที่ ในเรือแพกลางแม่น้ำท่าแพ เมืองนครศรีธรรมราช และได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับอาจารย์ที่วัดเสมาเมืองในบางโอกาส ที่ว่างจากการศึกษาบาลี ต่อมาท่านจึงไปศึกษาต่อที่เมืองอโยธยา อยู่ที่วัดพุทไธสวรรค์ ซึ่งเป็นวัดหลวงที่พระเจ้าอู่ทองได้ทรงสร้างขึ้น พระเจ้าอู่ทองได้พบกับท่านหลวงปู่ทวด เป็นที่สบอัธยาศัยกัน จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดพุทไธสวรรค์ เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีกุน พ.ศ.2181 ต่อมาท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณ มีพระนามว่าราชมุนี คุณุปมาจารย์ ตอนนี้ท่านจึงได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิดที่สะทิงพระ จังหวัดสงขลาอีกครั้งหนึ่ง การเดินทางจากกรุงอโยธยาไปจังหวัดสงขลาในสมัยนั้น ต้องใช้เรือใบแบบสำเภาเป็นพาหนะ ระยะทางไกลใช้เวลาเดินทางไปกลับ ถึง 1 ปี ขากลับก็ได้มาลงเรือที่สงขลา พวกลูกเรือล้วนแล้วแต่เป็นชาวอิสลาม ได้ตั้งวงเล่นไฟกันเพลิน จนลืมเตรียมน้ำจืดเอาไว้ใช้ในเรือ เมื่อเรื่อออกเดินทางจึงไม่มีน้ำกิน พวกชาวเรือเหล่านั้นพากันกล่าวหาพระภิกษุ คือท่านนั้นเอง จึงทำให้พวกเขาลืมเอาน้ำจืดลงเรือ จะพากันอดน้ำตาย จึงได้ตกลงจะจับท่านไปปล่อยไว้ที่ เกาะหนูเกาะแมว ท่านหลวงปู่ทวดจึงอธิษฐานว่า “ถ้าหากแม้ข้านี้สามารถที่จะสืบต่อพุทธศาสนา ทำงานให้ศาสนารุ่งเรือง ขอให้น้ำทะเลบริเวณที่เท้าเหยียบลงไปนี้จงกลายเป็นน้ำจืดเถิด” แล้วท่านก็เอาเท้าจุ่มลงทะเล น้ำบริเวณจุ่มเท้าลงไปนั้นก็ได้กลายเป็นน้ำจืด พวกชาวสำเภาจึงได้ตักไว้ใช้ 13 โอ่ง มีน้ำใช้ตลอดทางถึงอโยธยา เหตุการณ์ครั้งนั้นเองจึงได้รับสมญานามว่า “หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด” หลังจากมาอยู่อโยธยาได้ 2 ปี นับจาก พ.ศ. 2181 ชาวลังกาได้มาล้อมเมืองอโยธยาไว้ และตั้งปริศนาธรรม ท่านได้อธิษฐานบารมี “ขอให้เกิดปัญญาแก้ปริศนาธรรมออก ในที่สุดท่านก็แก้ปริศนาธรรมได้” กรุงอโยธยาไม่ต้องตก เป็นของชาวลังกา ด้วยคุณงามความดีของท่านมีอเนกอนันต์ ในด้านต่างๆ ดังที่กล่าวมานั้น พระรามาธิบดี ที่ 2 (โอรสพระเจ้าอู่ทอง) จึงได้ทรงสถาปนาให้ท่านเป็นพระสังฆราชแห่งกรุงอโยธยา ตามประกาศราชสำนักให้พระภิกษุปู หรือราโม ธัมมิโก ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะว่า ราชมุนีคุณุปมาจารย์ เลื่อนดำรงตำแหน่งเป็นพระสังฆราช ทรงพระนามว่าคูรูปาจารย์ ซึ่งมีความดีความชอบ ดังนี้ 1. เป็นพระภิกษุที่เฉลียวฉลาดกว่าพระภิกษุอื่นๆ ในกรุงอโยธยา สามารถแก้ปริศนาธรรมจนเป็นผลสำเร็จ 2. เมื่อโรคไข้อหิวาตกโรคระบาดทั่วกรุงศรีอโยธยา ทำให้ประชาชนตายเพราะโรคนี้เกลื่อนกลาด ท่านสามารถใช้น้ำพระพุทธมนต์ปัดเป่าให้โรคไข้อันตรธานได้อย่างอัศจรรย์ 3. เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งไสยศาสตร์และพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ และยังมีคุณงามความดีอีกมาก ประกาศแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชเมื่อ วันขึ้น 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ พ.ศ.2190 พรรษาที่ 65 พรรษา หลวงปู่ทวดไม่ติดในยศถาบรรดาศักดิ์ การได้รับตำแหน่งพระสังฆราช ท่านเทศน์เล่าว่า “เมื่อได้รับทีแรกๆ เราก็ไม่รู้สึกว่าเป็นสังฆราช เราก็ต้องทำตามแบบองค์สมณโคดม จะไปไหนๆ หรือไปในวังเราก็เดินไป แต่เขาบอกว่าไม่ได้ ท่านเป็นสังฆราชเดินไปไม่ได้ ต้องใช้คนแบกไป นั่งเปลอะไรก็ไม่รู้ สองคนแบกกันไป ท่านคิดว่า แย่แล้วพอเป็นสังฆราชก็กลายเป็นคนป่วย เดินไม่ได้ ถ้าขืนหลงอยู่ในตำแหน่งก็ยิ่งฟุ้งกันใหญ่ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร...” ด้วยเหตุนี้ท่านจึงหนีไปจำพรรษา ณ ป่าห้วยพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านสละตำแหน่งสังฆราชเมื่อวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ปี พ.ศ.2193 รวมเวลาที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพุทไธสวรรย์ 9 พรรษา ดำรงตำแหน่งพระสังฆราช 3 พรรษา ท่านปลงตก ต้องการจะเอาความดีในปรภพ การที่ท่านได้มาอยู่บำเพ็ญที่น้ำตกทรายขาวนี้ ท่านเล่าว่า สุขที่สุดคือการเป็นนักพรตที่ดี ไม่มีห่วงและตำแหน่งอะไรเลย อยู่ที่นี่ 4 ปี ท่านต้องผจญมารในรูปต่างๆ มีทั้งสัตว์ร้ายต่างๆ มากมาย ณ ป่าห้วยนาพรุ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันนี้สถานที่นี้เป็นวัดป่าห้วยพระ ทั้งนี้ เพราะชาวบ้านได้พบพระท่านหลวงปู่ทวดอยู่ที่ป่าห้วยพระ จึงเรียกกันติดปากตลอดมา ณ สถานที่วัดป่าห้วยพระแห่งนี้ ท่านได้พบช้างเผือกที่กำลังลงกินน้ำที่ห้วย ท่านจึงได้อธิษฐานจิต ถ้าอดีตกาลช้างคู่นี้เป็นคู่บารมีมา ขอให้ได้ขี่ช้างสำเร็จ และขอให้ช้างเผือกจงอยู่รับใช้ท่านตลอดไป เมื่ออธิษฐานเสร็จท่านก็ขึ้นขี่ช้างเผือกนั่งทำสมาธิได้สำเร็จ และในการเดินทางไปปัตตานี ท่านก็ได้ขี่ช้างเผือกนี้ ช้างเผือกนี้ได้อยู่รับใช้ท่านจนท่านมรณภาพ สาเหตุที่ท่านมาจำพรรษาอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ ป่าห้วยพระ เมืองนครศรีธรรมราช ถึง 1 ปี 6 เดือน ก็เพราะว่าท่านต้องการที่จะมา กราบอุปัชฌาย์ที่วัดท่าโพธิ์ และอาจารย์วัดเสมาเมือง อีกประการสำคัญท่านชอบป่าแสวงหาความวิเวก ที่ป่าห้วยพระท่านต้องผจญมารต่างๆ มีทั้งสัตว์ร้ายต่างๆ มากมาย ต่อมาท่านก็ได้เดินทางไปน้ำตกทรายขาว จังหวัดปัตตานี ด้วยช้างเผือกคู่บารมีที่ป่าห้วยพระ ด้วยเหตุนี้ ที่วัดป่าห้วยพระซึ่งเป็นสถานที่แห่งแรกที่ท่านหลวงปู่ทวดได้หยุดจำพรรษา และหยุดทำบำเพ็ญสมาธิถึง 1 ปี 6 เดือนด้วย ต่อมาท่านอาจารย์พระครูวินัยธรทศพล อดีตเจ้าอาวาสในตอนนั้น จึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด เพื่อหาทุนก่อสร้างอุโบสถ สืบต่อไป หลวงปู่ทวดพิมพ์หลังเตารีด เนื้อว่าน 108 ผสมผงเพชรหน้าทั่ง #รุ่นแรกของวัดป่าห้วยพระ สร้างปี 2536 เกจิดังปลุกเสกหลายท่าน คือ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ, หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ, หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย, หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน, หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา, หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย, หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก, หลวงพ่ออุตตมะ วัดวิเวกวังการาม และพระสังฆราช ทรงอธิษฐานจิตปลุกเสกปู่ทวดรุ่นนี้ด้วยประสบการณ์ชาวบ้านมาร่วมทำบุญที่วัดป่าห้วยพระและได้วัตถุมงคลหลวงปู่ทวดกลับไปเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำคนในรถรอดปลอดภัยทุกคน ปัจจุบันนี้ พระศรีธรรมประสาธน์ เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ธรรมยุต แต่งตั้งให้ พระครูสังฆรักษ์เอกพงศ์ โสตฺถิโก ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าห้วยพระ ตำบลนาพรุ อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่2) พ.ศ.2535 แต่งตั้ง ณ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2562เครดิตภาพปกจาก Facebook : วัดป่าห้วยพระ นครศรีธรรมราชเครดิตภาพประกอบ : อภิสิทธิ์ สุขสวัสดิ์ ถ่ายที่วัดป่าห้วยพระร่วมเสพบทความ หนัง เพลง และซีรีส์ใหม่ ๆ สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !