เด็กบ้านนอกคุ้นเคยกับตลาดนัดมาตั้งแต่วัยรุ่น โดยเฉพาะตลาดนัดใหญ่ๆในตัวอำเภอ สมัยก่อนนั้นตลาดนัดเรียกไปตามวัน เช่นตลาดเสาร์ ตลาดจันทร์ ตลาดอาทิตย์ จนชื่อเรียกพวกนั้นกลายมาเป็นชื่อหมู่บ้านไปเลย ส่วนความสำคัญของตลาดนัดก็เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างของชุมชน ผู้ใหญ่ถ้าไม่เอาสินค้ามาขายก็เป็นผู้จับจ่าย ร้านค้าก็ไม่ได้มีมากอย่างสมัยนี้ การตั้งตารอคอยตลาดนัดเป็นเรื่องสำคัญพอๆกับการเฝ้ารอโทรศัพท์รุ่นใหม่ รอหนังใหม่ ซีรีย์ใหม่เลยทีเดียว นั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ สำหรับวัยรุ่น ตลาดนัดคือห้างสรรพสินค้า สิ่งที่วัยรุ่นสมัยก่อนพุ่งเข้าไปหาคือราวผ้ามือสอง เครดิตภาพ nathan-dumlao-unsplash.com เด็กบ้านนอกแถวภาคใต้มีเอกลักษณ์ในการแต่งตัว อย่างที่เขาเรียกว่าพวกเล่นของ จำได้ว่าเสื้อผ้ามือสองมักจะขยายมาจากทางสามจังหวัด สมัยนั้นที่โด่งดังคือตลาดคลองแงะ คนเล่นผ้ามือสองพูดคุยถึงคลองแงะราวกับเป็นเมกกะแห่งเสื้อผ้ามือสอง สิ่งที่พวกเขาพูดถึงคือเวลาเปิดกระสอบ เพราะจะได้ลุ้นว่ามีเสื้อผ้าดีๆมากแค่ไหน สิ่งที่เฝ้ารอคอยก็คือกางเกงยีนส์ และเสื้อยืด เฉพาะเสื้อยืดนี่จำกัดว่าเป็นเสื้อทัวร์ เครดิตภาพ christian-mack-unsplash.com คำว่าเสื้อทัวร์นี่ติดปากมาตั้งแต่สมัยนั้น ซึ่งหมายถึงเสื้อยืดซึ่งทางวงดนตรีร๊อคของฝรั่งจัดทำขึ้นเวลาออกทัวร์คอนเสิร์ต ด้านหน้าจะสกรีนโลโก้วง ส่วนด้านหลังก็อาจจะมีรายชื่อเมืองที่ไปเล่น สิ่งซึ่งมาคู่กับพวกเล่นเสื้อมือสองก็คือเทปของวงดนตรีพวกนั้น เรียกว่ามาเป็นคู่ รวมทั้งเรื่องเล่าและวัฒนธรรมร๊อคเท่าที่พอจะหาได้ เรียกว่าต้องรู้ว่าวงดนตรีไหนมีเพลงอะไร ทั้งนี้ก็ช่วยเพิ่มระดับความตื่นเต้นตอนเลือกเสื้อ สมัยก่อนเขาก็แขวนรวมๆกันไป มีราวหลายราวให้เลือก จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าผ้าราว แต่เสื้อราวใช้เรียกผ้ามือสองทั้งหมด พวกเล่นของใช้เวลาในราวผ้าอย่างเพลิดเพลิน พลิกไล่ดูไปทีละตัว อาจจะมีงบไว้ซื้อแค่ตัวเดียว เพราะอย่างนั้นต้องเลือกตัวที่ดีที่สุด การเลือกเสื้อทัวร์นี้ก็ตั้งแต่ดูชื่อวงดนตรี ถ้าวงดังๆก็รีบตะครุบไว้ก่อน จากนั้นค่อยดูการสกรีน สมัยก่อนการพิมพ์เสื้อยังใช้วิธีสกรีนแบบดั้งเดิม เม็ดสกรีนใหญ่คมชัด ออกแบบสีสันสุดสวย จากนั้นค่อยดูเนื้อผ้า วิธีดูผ้าก็มีเทคนิคแตกต่างกันไป ค่อยมาเล่าในคราวหลัง ในหมู่คนเล่นเสื้อทัวร์ก็เหมือนจะรู้กันว่าวงไหนหายาก วงไหนคือท้อป ใครได้ไปก็เหมือนขับรถรุ่นท้อป ความสุดยอดมันปรากฏชัดบนหน้าอกเลย และเนื่องจากว่ามันสุดยอดบางครั้งก็มีการขโมย เคยมีเรื่องคนยิงกันเพราะขโมยเสื้อราคาสามร้อยนี่แหละ เครดิตภาพ carlos-quevedo-unsplash.com เวลาเนิ่นนานผ่านมาเป็นยี่สิบปี ตลาดนัดยังอยู่และมีมากขึ้น มีกันทุกวัน เรียกกันว่าตลาดเปิดท้าย เสื้อผ้าที่มีมาขายก็ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นมือสอง เสื้อผ้าใหม่ก็เยอะแยะ แต่ที่ต้องมีอยู่ก็เป็นราวผ้ามือสอง ลองโฉบเข้าไปดู คนขายหน้าเดิมอาจจะเหลืออยู่บ้าง แต่ส่วนมากหลบลี้หนีไปเปิดร้านประจำหรือไม่ก็ไปทำอย่างอื่น แต่ส่วนมากไม่หนีไปไหน พ่อค้าขายผ้ามือสองเหมือนถูกสาป พวกเล่นของยังคงถูกตรึงไว้ด้วยมนตร์เสน่ห์ของมัน กลิ่นผ้าหรืออะไรก็ตามที่มัดใจไว้ แม้ว่าผ้ามือสองจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว เสื้อทัวร์ของแท้ดั้งเดิมหายไปแล้ว เหลือเพียงของก้อปปี้เลียนแบบทำเทียมหรือจะเรียกอะไรก็ได้ เนื้อผ้าไม่ใช่คอตตอน ลายสกรีนก็ไม่ชัดเหมือนของเก่า ที่มีอยู่ตอนนี้กลายเป็นว่าหันมาเล่นของเลียนแบบพวกนี้ ส่วนเสื้อแพงๆ ดีๆ กลายเป็นเสื้อฮาเลย์ แต่ไม่ได้มีขายในตลาดนัด ตลาดคลองแงะไม่ได้เป็นเมกกะแห่งผ้ามือสองอีกต่อไป ราวผ้ามือสองวันนี้มีแต่สิ่งที่เรียกว่าลูกเสื้อ คือเสื้อที่มีลายสกรีนทั่วไป ใครจะเล่นก็แล้วแต่ว่าบนอกเสื้อพิมพ์เป็นรูปอะไร บางทีเป็นข้อความดีๆ บางทีเป็นรูปสวยๆ พวกที่เดินพลิกๆดูก็มีบ้างที่เป็นวัยรุ่น พวกเขาก็เริ่มต้นชีวิตด้วยเสื้อผ้ามือสอง แม้ว่าโลกของแฟชั่นจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางทีก็วนกลับมา บางทีก็ยากเกินเข้าใจ แต่เด็กบ้านนอกเมื่อยี่สิบปีก่อน คงจำกลิ่นน้ำค้างยามเช้า กลิ่นเสื้อผ้ากระสอบขณะที่แสงแดดอ่อนๆเริ่มสาดแสง กับพันธะสัญญาของหัวใจสัปดาห์ละวันได้เป็นอย่างดี