การเดินทางคือ การเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ยิ่งเดินทางไกลออกไปเท่าไหร่ ยิ่งได้ความรู้เพิ่มขึ้นเท่านั้น แน่นอนคะ การเดินทางคงเดินไปอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องมีการคมนาคมในการเดินทางเพื่อประหยัดเวลาและความสะดวกสบายในการเดินทาง เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือการคมนาคมขนส่งของสาธารณะ เช่น เครื่องบิน วินมอไซร์ หรือ รถไฟ... ค่ะ บทความรอบนี้ดิฉันขอเล่าประสบการณ์ที่ได้ใช้บริการรถไฟขบวน 172 ต้นทางที่สถานีรถไฟสุไหงโกลก ปลายทางกรุงเทพมหานคร การเดินทางที่ใช้เวลาเกือบ 24 ชั่วโมงที่อยู่บนรถไฟ ทำให้ดิฉันมองเห็นอะไรใหม่ๆหลายๆอย่าง เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ศาสนสถาน ความเป็นคน ความเป็นอยู่ของชุมชน สังคมไทย และอื่นๆอีกมากมาย ทุกอย่างที่ได้เห็นที่ได้สัมผัสถือได้ว่า ดีเลิศจริงๆ ไม่ผิดหวังที่ได้ใช้บริการรถไฟในการเดินทางครั้งนี้ อย่างสถานีรถไฟตังหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้แสดงความแปลกใหม่ตรงถังขยะ ถ้าเรามองผ่านๆ นึกว่ามีคนกำลังยืนรอตรงถังขยะอยู่ แต่ที่ไหนได้ มันคือ การจำลองคนรอถังขยะ และการจำลองคนทำความสะอาดไว้ ซึ่งมันน่าสนใจมาก และที่สถานีรถไฟยะลา เราก็สามารถหาอาหารทานกันได้ โดยมีแม่ค้า พ่อค้า มาขายที่หน้าต่างของรถไฟ มีทั้งข้าวเหนียวไก่ย่าง ขนมหม้อแกง และผลไม้ต่างๆ ร่วมไปถึงน้ำเย็นๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำหวาน จะเป็น ชาเย็น ชาดำ ชาเขียว ฯลฯ และที่สำคัญที่สุด คือ ราคาอาหารที่ขายกันที่นี้ ถือได้ว่า... สบายกระเป๋ามากกกก เพราะเริ่มต้นที่ 10 บาทเท่านั้น จากที่เราได้ซื้ออาหารเพื่อการกินของเรา ณ สถานีรถไฟยะลาแล้ว และเมื่อถึงเวลาที่รถไฟก็จะออกเดินทางอีกครั้ง ระหว่างทางที่ยาวไกล เราจะได้เห็นอะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาสนสถานต่างๆ บรรยากาศที่เป็นทุ่งนา ภูเขาที่สูง ระหว่างทางที่เรานั่งชิวๆบนรถไฟนั้น เราสามารถอ่านหนังสือได้ บางคนอาจจะนั่งฟังเพลง หรือดูหนังก็ดี บางคนนั่งเมาม้อยกับเพื่อนร่วมเดินทางก็มี และสำหรับใครที่ไม่ทันที่จะซื้ออาหาร ณ สถานีรถไฟยะลา ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะเมื่อถึงสถานีรถไฟหาดใหญ่ จะมีการขาย ข้าวเหนียวไก่ทอดหาดใหญ่ ซึ่งถ้าถึงหาดใหญ่ก็ไม่ควรพลาดไก่ทอดหาดใหญ่นะคะ ไก่ทอดหาดใหญ่จะมีเหล่าแม่ค้าเดินขายอยู่บนรถไฟ ร่วมกับน้ำเย็นๆรสต่างๆด้วย หลังจากที่ได้ออกจากสถานีรถไฟหาดใหญ่ เราจะเห็นบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งนา หรือภูเขา และเมื่อได้เห็นภูเขาที่เป็นก้อนหินสูง นั้นแปลว่า เราถึงที่สถานีรถไฟพัทลุงแล้ววววว สัญลักษณ์ภูเขาก้อนหินที่สูง ทำให้เกิดความตื่นเต้นอย่างมาก เพราะมันกำลังหมายถึง เรากำลังจะเจอกับกลางคืน ซึ่งแน่นอนค่ะว่า เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ลาขอบฟ้าในอีกไม่กี่นาทีต่อมา... การเดินทางรอบนี้ ดิฉันถือได้ว่า โชคดีฝนไม่ตกและได้ที่นั่งบนรถไฟทีค่อนข้างดี จึงได้เห็นตลอดระยะเวลาพระอาทิตย์ลาขอบฟ้า ซึ่งสวยงามมากเลยคะ หลังจากพระอาทิตย์ลาขอบฟ้าแล้ว เราจะเจอกับช่วงเวลากลางคืน ซึ่งบรรยากาศยังคงมีความชิวๆ มีการขายอาหารและเครื่องดื่มอย่างเรื่อยๆ แต่ทางที่ดี คือ ควรที่จะซื้ออาหารตุ้นไว้ เพราะอาหารบางอย่างก็ไม่มีขายในเวลากลางคืน หรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆก็เช่นกัน ในเวลากลางคืน ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะมีการพักผ่อนสบายๆ และจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยและความปลอดภัย แต่ถึงจะยังไรก็ตาม เราควรที่จะระมัดระวังตัวเองด้วย เช้าวันรุ่งขึ้น เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่รอบนี้ดิฉันถือได้ว่า โชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะฝนตก เลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ช่วงเช้าๆ ปกติจะถึงที่เพชรบุรี จะได้เห็นมีคนขายอาหารเช้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว และมีการขายของฝากต่างๆอีกมากมาย เช่น ขนมหม้อแกง ที่เด็ดมากและไม่ควรพลาดที่ดิฉันอยากนำเสนอให้ลอง คือ ก๋วยเตี๋ยวปลาราชบุรี ราคากล่องแค่ 10 บาท แต่อร่อยถึงใจ การเดินทางโดยรถไฟขบวน 172 ต้นทางที่สถานีรถไฟสุไหงโกลก ปลายทาง กรุงเทพมหานคร ของดิฉันรอบนี้ ถือได้ว่า ดิฉันได้มองเห็นอะไรหลายๆอย่างมากจริงๆ โดยเฉพาะ ความเป็นอยู่ของสังคมไทย เพราะทุกๆสถานีรถไฟที่ได้หยุด จะมีคนลงและขึ้นรถไฟเกือบทุกสถานี แต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันได้เห็น คือ การช่วยเหลือกันและกัน แม้ไม่รู้จักกัน ก็มีการช่วยรับของที่จะพาขึ้นรถไฟทางหน้าต่างหรือช่วยยกของลงทางหน้าตางสำหรับคนที่กำลังลงที่สถานีนั้นๆ สิ่งที่สองที่ดิฉันได้เห็นคือ การแบ่งปันระหว่างกัน แม้ไม่รู้จักกัน แต่มีการแบ่งข้าวและน้ำหรือแม้แต่ขนมให้กับคนที่ไม่ทันซื้อหรือจัดเตรียมมา ค่ะ... นี้คือ สิ่งที่ดิฉันประทับใจที่ได้ใช้บริการรถไฟในการเดินทางครั้งนี้ ขอควรระวัง... แม้จะมีเจ้าหน้าที่ที่ค่อยตรวจความเรียบร้อยอย่างสม่ำเสมอ แต่ผู้โดยสารก็ควรที่จะระมัดระวังตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นข้าวของ กระเป๋า และสัมภาระที่เป็นของเรา ปล. การเดินของดิฉันในครั้งนี้ ดิฉันได้ขึ้นรถไฟขบวน 172 ชั้น 2 ปรับเอนค่ะ