อื่นๆ
บทความสอนใจ "มือบน...การให้ที่ไม่มีสิ้นสุด"
สวัสดีค่ะ......ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน
บทความที่ Kru_tai จะนำเสนอวันนี้ เป็นบทความสอนใจที่ต้องการเตือนสติคนหลาย ๆ คน หรือกลุ่มคนที่ดำรงชีวิตในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ยุคของการแข่งขัน ยุคการแก่งแย่ง ชิงดีและชิงเด่น ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประเด็น ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากเหตุผลของความอยู่รอด การเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในครอบครัว แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ดิฉันมีบทความเตือนสติ สอนใจมาฝากให้ท่านผู้อ่านได้อ่านและเตือนสติของตัวเองค่ะ
ในอดีตกาล สมัยบรรพบุรุษหรือแม้แต่สมัยปู่ย่า ตายาย การอยู่ร่วมกันในสังคมถือว่าเป็นสังคมแห่งความสันติสุข เป็นบ้านพี่เมืองน้อง เป็นชุมชนที่ไม่เคยทิ้งกันเมื่อถึงยามที่เพื่อนบ้านเกิดความเดือดร้อน แต่เมื่อเราเปรียบเทียบกับสังคมในยุคปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า สังคมปัจจุบันมีความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ความสัมพันธ์ระหว่างกันเริ่มห่างเหินกัน อาทิเช่น ระหว่างเพื่อนบ้าน ระหว่างเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องในสายเลือดเดียวกัน เหล่านี้ ถ้าเราสังเกตหรือได้รับข่าวสารต่างๆ จะเห็นว่า มันคือสังคมแห่งการแข่งขัน แก่งแย่งและความอยู่รอด บางครั้งเหตุผลแต่ละคนที่อ้างนั้น บางครั้งท่านอาจจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในมุมมองของคนอีกหลาย ๆ คน
Advertisement
Advertisement
ท่านเคยได้ยินคำนี้ไหม "มือบนย่อมดีกว่ามือล่าง" ประโยคนี้ สามารถสื่อความหมายได้หลายอย่างและสามารถแยกประเด็นได้ชัดเจน ดิฉันขอสรุปสั้น ๆ น่ะค่ะว่า "มือบน หมายถึง การให้ " การให้ที่ไม่เคยสิ้นสุด คือ การให้ด้วยใจ การให้ด้วยความรัก การให้ที่ไม่เคยหวังผลตอบแทน การให้ที่ไม่เคยดูแคลน การให้ที่ด้วยใจบริสุทธิ์ และการให้ทุกครั้ง สุขใจทุกครั้ง ส่วนมือล่าง ย่อมหมายถึง การรับไมตรีจากผู้ให้ มนุษย์บนโลกนี้ ถ้าไม่ถึงยามคับขันจริง ๆ คงไม่มีใครอยากเป็นมือล่างหรอก จริงไหมค่ะ? ทุกคนอยากย่อมอยากเป็นผู้ให้......
แต่ในทางกลับกัน สังคมปัจจุบันยิ่งห่างไกลจากมือบนมากเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านั้นมีโอกาสที่จะเป็นมือบนมาก แต่พวกเขาก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยง บางคนยอมยกแม่น้ำทั้งห้า เพื่อเป็นเหตุผล ท่านรู้มั้ยค่ะ ......ทุกวันนี้ ดิฉันมองว่า สังคมไทยกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม เพราะความอยู่รอดและเพราะมนุษยธรรมได้ห่างหายไป สังคมเลือกที่จะทำให้ตัวเองมีดี มีเงินใช้ โดยไม่สนใจคนรอบข้าง บางคนก็รวยล้นฟ้า บ้านใหญ่โต มีสิ่งของเครื่องใช้ยี่ห้อแบรนด์เนม มีเงินเหลือใช้และใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย แต่ในทางกลับกัน มีอีกหลายครอบครัวที่ยังไม่มีบ้านอาศัย ยังคงอาศัยใต้สะพานลอย อดมื้อกินมื้อ เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง ดิฉันอยากให้บทความนี้ เป็นข้อเตือนใจ อยากให้หลาย ๆ คนที่มีโอกาสเป็นผู้ให้บ้าง การให้นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเงินตราเท่านั้น แค่ท่านพูดให้กำลังใจกับคนเหล่านั้นก็ย่อมถือว่า เป็นการให้ที่ทำให้ผู้รับสุขใจเหลือล้นค่ะ
Advertisement
Advertisement
ความคิดเห็น