เครดิตภาพปกจาก https://www.pexels.com จาก energepic.comเคยคิดไหมครับว่า ทำไมเราเรียนเท่าไหร่ ไม่เคยเข้าใจกับการเรียนหรือความรู้ที่ตนแสวงหา ช่วงวัยเรียนอาจจะเป็นกันเยอะ รวมถึงผู้เขียนด้วย แต่ถึงยังงั้น เราก็มีวิธีที่ทำให้ความรู้ที่ตนแสวงหานั้น หรือ การเรียนนั้น เราสามารถทำมันได้ง่ายๆ เพื่อแค่เราอดทน กับมัน หรืออยากได้ความรู้นั้นจริงจัง นั้นเอง เครดิตภาพจาก https://www.pexels.com โดย lilartsy โดยถ้าเราจะรู้หรือว่าทำไมเรานั้นแสวงหามันแล้วแท้ๆ เรายังไม่เข้าใจมันเลย ดั้งนั้นเราควรหาสาเหตุ หรือ ปัจจัยที่ทำให้เราไม่เข้าใจว่าทำไมเราเรียนไม่เข้าใจ ทำไมเราไม่รู้เรื่อง เราควรสังเกตุด้วยตัวเองหรือคนรอบข้าง เช่นสาเหตุหลักคือ ไม่ตั้งใจ หรือ ปัจจัยอื่นๆด้วย 1. มีความสุขกับความรู้ที่ตนแสวงหา เครดิตภาพจาก https://www.pexels.com โดย picjumbo.comวิธีนี้คือ การค้นหาความรู้ที่ตนชอบนั้น หมายถึง ความรู้ที่เราชอบ ที่เราถนัดกับมัน หรือ มีความสุขกับมันและความรู้นั้นสามารถทำอะไรเราได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นใช้ชีวิตประจำวัน การประกอบอาชีพธุรกิจของตนเอง เช่น การเลือกสายที่จะเรียน ช่วง มัธยมปลายตั้งแต่ ม.4-6 เป็นช่วงที่ตนเองจะเลือกสายการเรียน ไม่ว่าจะเป็น สายวิทย์ สายศิลป์ สายอาชีพ อื่นๆอีกมากมาย ดังนั้น เราควรคำนึงถึง ความถนัดของตนเองมากกว่าความถนัดของผู้อื่น หมายถึง เราควรเลือกสายที่ตนถนัดมากกว่า เลือกตามเพื่อนของตนเอง 2. สิ่งแวดล้อมข้างๆหรือปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงที่เรียนเครดิตภาพจาก https://www.pexels.com โดย Julia M Cameronปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดมีก็มาก ยิ่งด้วยช่วงเรียนออนไลน์หรือ การเรียนอยู่ที่บ้าน ปัจจัยที่จะเกิดความไม่เข้าใจในการเรียนก็มีอยู่มากไม่น้อย เช่น อาจจะเกิดการเบื่อในช่วงนั้น หรือ เกิดอื่นๆหลายๆอย่าง ซึ่งปัญหาที่ได้ตามมาคือ ความไม่เข้าใจในการเรียนนั้นเอง ดังนั้น ปัจจัยเหล่านั้น เราควรกำจัดมันออกจากช่วงที่เรากำลังแสวงหาความรู้ หรือตั้งใจกับการแสวงหาความรู้ไม่คิดเรื่องอื่นนั้นเอง 3. ฟังก่อน แล้วค่อยจด หรือ ฟังให้จบก่อน แล้วเราก็ค่อยอธิบายที่เราฟัง เครดิตภาพจาก https://www.pexels.com โดย Pew Nguyenคำนี้ผมได้ยินมาจากคนหลายคน ,, เมื่อเราตั้งใจหรือไม่ยุ่งกับสิ่งอื่นแล้ว เราควรที่จะฟังให้จบก่อนแล้วเราก็จด หมายความว่า เมื่อตอนเราจดแล้วฟังไป เราอาจจะโฟกัสกับการจดก่อนหรือ เราไม่รับฟังจากสิ่งที่เราเรียนนั้น มันทำให้เราไม่เข้าใจขาดๆตอนๆ ทำให้เราไม่เข้าใจส่วนใดส่วนหนึ่งของเรื่องที่ตนเรียน ดังนั้น เราควรฟังให้หมดก่อน เป็นการโฟกัสการฟังก่อนที่จะจด ทำให้เรานั้น เข้าใจแล้วเราก็จด แล้วการจดนั้นจะจดได้อย่างเข้าใจด้วยตนเองอีกด้วย และสามารถอธิบายคนอื่นได้ด้วย 4. จดสิ่งที่ได้หรือ จดความรู้ที่ตนได้รับหลังค้นหาความรู้เสร็จเครดิตภาพจาก https://www.pexels.com โดย Lukasการจดโน้ตหรือการจดความรู้ที่ได้จากการเรียนนั้น เราเรียกว่า การจดสรุป การสรุปนั้นอาจจะเป็นในรูปแบบมายแมพ Mind Mapping หรืออาจจะเป็นรูปแบบอื่นๆ ก็ได้ คือเน้นอ่านแล้วเข้าใจนั้นเอง หรือ สามารถทำให้เราเข้าใจภายในเวลานิดเดียวได้ด้วย 5. ทบทวน (อ่านส่วนที่จดสรุป) การหาความรู้เพิ่มเติมเครดิตภาพจาก https://www.pexels.com โดย Kaboompics .comการทบทวนนั้น เป็นการทำให้เราไม่ลืมข้อมูลหรือสิ่งที่ตนเคยเรียนมา เป็นการทำให้เรานั้นเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือหรือทบทวนไปด้วย การทบทวนก็มีข้อดีหลายๆอย่างถ้าเราอยากให้เข้าใจ หรือ ได้ประโยชน์กับการเรียนนี้เราควรทบทวน เช่นเวลาว่างๆก็อ่านทบทวน และทำให้ประโยชน์ที่เราได้จากมันนั้น สามารถไปใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย และเมื่อเราไม่เข้าใจหรืออยากรู้เรื่องมากกว่านั้นอีกเราควรหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีกด้วย โดยหาจากอินเตอร์เน็ตได้ ดังนั้นไม่ว่าเราจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ เราควรตั้งใจเรียนหรือโฟกัสกับการเรียนของตนให้มาก แล้วฝึกฝนตนเองหรือทบทวนบทความรู้ที่ตนเคยได้จดมาทั้งนี้ โอกาสที่จะสำเร็จขึ้นอยู่กับตนเองมากกว่าแล้ว ดังนั้นพยายามที่จะฝึกฝนหรือทบทวนให้มาก หวังว่าจะประสบความสำเร็จ หรือเข้าใจในสิ่งที่ตนเรียนหรือกำลังแสวงหาความรู้นะครับ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !