เที่ยงวันหนึ่งในขระที่นั่งปั่นงานกองโตอยู่อย่างเคร่งเครียดอยู่นั้น จู่ ๆ ห้องแชทในแอพสีฟ้าเด้งขึ้นมาจากเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม โดยปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเปิดแชทอ่านช่วงทำงานแต่วันที่ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันที่อยู ๆ มือก็ไปกดเข้า นาไปน้ำตกกัน เพื่อนทุกคนไปกันหมดเลย ฉันรีบปฏิเสธอย่างไวเลยเพราะรู้ดีว่าตัวเองตอนนี้ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะไปเที่ยวเล่น แต่ไม่ว่าจะปฏิเสธไปอย่างไรเพื่อนก็ยังคงพยายามติดต่อและโน้มน้าวให้ฉันไปให้ได้ ฉันหยิบโทรศัพท์ซึ่งถูกตัวเองปิดเสียงมาไว้มาดูปรากฎว่ามีสายเข้าที่ไม่ได้รับไม่รู้กี่สายแล้ว เจ้าเพื่อนคงพยายามติดต่อฉันมาสักพักแล้วละ แต่ถึงอย่างไรฉันก็ยังคงยืนกรานในความคิดของตัวเอง นา! นี้เหลือนาแค่คนเดียวแล้วนะคนอื่นตกลงไปกันหมดแล้ว คิดอยู่พักใหญ่ฉันกับเพื่อนก็ตัดสินใจที่จะตอบตกลงเนื่องจากเห็นถึงความพยายามของเพื่อนที่ยอมรอเวลาจนเลยไปเป็นชั่วโมงก็ยังหวังว่าทริปนี้จะไปครบทั้งสาขา ฉันเดินลงจากเตียงแล้วสวม Jacket ทับชุดนอนก่อนจะเดินลงไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซค์สีแดงคันโตจนทำให้เธอดูตัวเล็ไปเลย เธอขับพาฉันที่ซ้อนท้ายไปหาเพื่อนที่จุดรวมตัวใกล้ประตูทางออกหน้ามหาวิทยาลัย เย้! เราจะได้ไปเที่ยวกันครบคนแล้ว เราออกเดินทางราว ๆ เกือบ 1 ชั่วโมงก็มาถึงยังจุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้ ป่าเขา ธรรมชาติเริ่มปกคลุมมากขึ้น บ้านเรือนค่อย ๆ เลือนลางลงก่อนจะพบโค้งชันที่เป็นเหมือนบททดสอบสุดท้ายก่อนเข้าสู่ตัวอุทยานน้ำตกทรายขาว พ้นโค้งชันนี้เราก็จะพบกับด้านของเจ้าหน้าที่อุทยานและที่นี่เป็นจุดที่เราต้องชำระค่าเข้าคนละ 20 บาทให้กับทางอุทยาน ภาพตรงหน้าตอนนั้นคือต้นไม้เล็กใหญ่ขึ้นเรียงรายกันขึ้นจนสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่กระทบผิว ฉันทิ้งความรู้สึกทั้งหมดไปแล้วเลือกที่จะเก็บเกี่ยวบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ให้ผู้มาเยือนสามารถสูดกักตุนไว้ภายในปอดน้อย ๆ ที่วัน ๆ เอาแต่สูดควันรถ น้ำใสไหลแหวกไปตามซอกหินจากชั้นบนกว่าสูชั้นที่อยู่ล่างกว่า ปลาตัวน้อยจำนวนไม่น้อยแหวกว่ายทวนน้ำบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่นี่ ยิ่งเดินลึกเข้าไปแสงแดดเริ่มส่องถึงน้อยลงเรื่อย ป่าโดยรอบดูชื้นขึ้นเป็นเท่าตัวจากทางเข้าที่เราเดินผ่านมา และปลาที่เมื้อกี้ตัวน้อยนิดตอนนี้กลับกลายเป็นปลาที่มีขนาดตัวใหญ่ขึ้น ในส่วนลึกของอุทยานไม่มีใครรู้เลยว่าอยู่จุดไหนนอกจากทีมเจ้าหน้าที่ แต่จุดที่ลึกที่สุดที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยือนช่างเป็นที่ ๆ สวยงามนัก ต้นไม้ต้นใหญ่รายล้อมรอบตัวปกคลุมเราจากแสงแดดที่ก่อนหน้านี้ได้แผดเผาผิวไปไม่น้อย แต่ต่างจากตอนนี้ไปอย่างสิ้นเชิงราวกับว่าเพิ่งผ่านการฝนตกมาอย่างไรอย่างนั้นแหละทั้งที่ไม่มีเม็ดฝนสักหยดตกลงมา เพื่อนที่เคยมาบอกว่ามันเป็นปกติเพราะแดดส่องไม่ถึง ฉันเหมือนได้หนีออกจากเมือง จากงาน มากอดธรรมชาติ มาชาร์ตพลังงานให้ตัวเอง และที่สุขใจมากกว่านั้นคือ ฉันเหมือนได้รับการโอบกอดจากธรรมชาติ ความอบอุ่นแผ่ซานไปทั่วในหัวใจของฉัน ฉันนั่งแช่เท้าในน้ำเย็น ๆ อยู่บนโขดหินที่ไม่ไกลจากบริเวณที่เพื่อนกำลังกระโดดเล่นน้ำกันอย่างสบายใจ ฉันนั่งมองดูรอยยิ้ม เสียงหัวเราะแล้วก็เผลอยิ้มออกมาเสียดื้อ ๆ ความเครียด ความกังวลที่เต็มอยู่ในหัวก็คลี่คลายหายไปเหลือไว้เพียงความสุขที่ก่อตัวขึ้นมาในหัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันอย่างว่องไว ฉันเสียเวลาทำงานก็จริง แต่ฉันได้เวลาของความสุขในหัวใจที่ไม่อาจหาเจอจากที่ไหน ทริปนี้เราเดินทางไปสู้น้ำตกทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี โดยรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีค่าเข้าอุทยานอยู่คนละ 20 บาท ไม่จำกัดเวลาในการเข้าแต่มีข้อห้ามไม่ให้พาภาชนะที่เป็นแก้ว เช่น ขวดเครื่องดื่มที่เป็นแก้ว และเครื่องดื่มมึนเมาต่าง ๆ จะถูกเก็บไว้ที่ทางเข้าจุดแรก ซึ่งอุทยานจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นส่วนที่น้ำตื้นสามารถพาอาหามานั่งกินได้ และมีเวลาอยู่ได้จนเกือบประมาณ 6 โมงเย็น และส่วนที่ 2 เป็นส่วนที่ลึกเข้าไปที่ทางเข้าที่ค่อนข้างลำบาก เพราะต้องเดินเลียบทางแคบ ๆ เข้าลึกไปจะพบน้ำตกที่ค่อย ๆ ชันขึ้น และน้ำส่วนนี้จะลึกกว่าเป็นแอ่งให้สามารถกระโดดและแวกว่ายได้อย่างสบายใจ แต่ติดที่ว่าครั้งนี้เรามาช้าหน่อยเลยเล่นในส่วนนี้ได้ไม่นานเพราะมันจะปิดตอน 4 โมงเย็น และบวกกับอาหารที่พาเข้าไปไม่ได้ต้องเก็บไว้ที่จุดตรวจที่ 2 ซึ่งพอเล่นไปสักพักพวกเราทุกคนที่ยังไม่กินอะไรมาก็เริ่มคุยเลยตัดสินใจขึ้นจากน้ำและเดินออกมาเล่นต่อในส่วนแรกพลางกางของกินที่เตรียมมาอย่างสบายใจ "ความสุขเล็ก ๆ"