อื่นๆ

เกิดมาทำไม

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เกิดมาทำไม

เป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยากพอสมควร หลายๆท่านคงคุ้นชิน กับคำเหล่านี้ มีพบ มีจาก มนุษย์ทุกคนบนโลก ไม่มีใครอยู่ยงคงกระพัน ย่อมมีวันสุดท้ายของชีวิตกันทั้งนั้น สิ่งที่หลงเหลือคือความดี ที่คนข้างหลังพึงระลึกถึงมุมมืด

คงเป็นวงจรชีวิต ที่มนุษย์ทุกคนเกิดมา ต้องเล่าเรียน ทำงานและมีครอบครัวเพื่อมีทายาทที่สืบทอดวงศ์ตระกูล หลายครั้งชีวิตไม่ได้สวยงาม ที่เดิมตามเส้นทางที่สวยหรู ระหว่างทางที่ดำเนิน ทุกคนต้องพบเจอกับปัญหาที่มาทดสอบพลังแรงใจเสมอ

หลายคนตั้งความสุขและเป้าหมายชีวิตที่ยากและท้าทาย สมหวังก็สุขใจ ผิดหวังก็เศร้าใจ มุ่งหาแต่ความมั่งคั่งร่ำรวย จนลืมมองความสุขที่แท้จริงไปจนหมดสิ้น ทำงานหาเงินมาทั้งชีวิต แต่ไม่ได้หาความสุขเพื่อเติมพลังกาย ให้มีพลังใจได้เดินต่อ

สุดขอบฟ้า

ซ้อมตายเพื่อไม่เสียดายชีวิต เพราะ ‘ความตาย’ เกิดขึ้นได้ทุกขณะและมักไม่มีสัญญาณเตือน จึงไม่แปลก ที่หลายคนรู้สึกกลัวความตายกลัวการเปลี่ยนแปลง หรือแม้กระทั่งกลัวความเสื่อมถอย เป็นเพราะว่าจิตของเรายังไม่ได้รับการฝึกฝนให้ ‘เข้มแข็ง’ การฝึกครั้งนี้คือการซ้อมตาย เตรียมตัวจากไปอย่างไม่ยึดมั่นถือมั่นหากวันนี้เราทำได้ เมื่อวันสุดท้ายมาเยือนจะไม่มีคำว่า เสียดาย  ‘จงใช้ชีวิตให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายอยู่เสมอ’

Advertisement

Advertisement

ฝันที่ใฝ่

วิถีชีวิตมนุษย์ตามความเชื่อศรัทธา และศีลธรรมกำกับในศาสนาที่ตนนับถือ เป็นสายสัมพันธ์ที่ยึดเหนี่ยวทางใจ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนค้นพบความสงบที่แท้จริง ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ใจที่สงบคือใจที่มีกุศลจิตอันแท้จริง

น่าเสียดายที่คนสมัยใหม่ สมัยที่มักหลงลืมระเริงตัว ลืมแม้แต่บุพการี ลืมเข้าวัด สร้างบุญบารมี และที่สุดของที่สุดก็มักจะสะดุดที่ตัวเอง คือไม่เห็นแก่พระ ไม่เห็นแก่กัน ทิ้งครอบครัว ทิ้งวัดวาศาสนา กลับไปจมปลักกับความรักที่เห็นแก่ตัว อันเป็นสาเหตุที่จะก่อให้เกิดบาปหรือกิเลส ตัณหา อุปาทาน

ถ้าหากเราใช้ชีวิตทุกวัน ให้เป็นของขวัญจากฟ้า มองทุกปัญหาเป็นเรื่องสนุก ที่ต้องใช้ความสามารถในการฝ่าฟันให้พ้นสถานการณ์ที่เลวร้าย ก็จะเป็นเรื่องที่มีแต่ความสุขในทุกๆวัน ที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ 

เครดิตรูปภาพ อรอุมา อุ้ยหมุ่น

Advertisement

Advertisement

ฟ้าหลังฝน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์