05.04.2020 ผู้เขียนได้รับข้อความจากที่ทำงานว่า ทางเทศบาลเมืองป่าตองจะปิดทางเข้าออกเมืองป่าตอง ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 6 เมษายนนี้ ในการเข้าออกได้ หลังจากนี้วันที่ 7 เมษายนนี้ ก็จะไม่ให้เข้า-ออกเมืองได้แล้ว นอกจากบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานในโรงพยาบาลภาคสนาม ที่ได้มีการใช้โรงแรมในเมืองป่าตองจำนวน 3 ที่ เพื่อเตรียมไว้รองรับผู้ป่วยติดเชื้อ รวมถึงอนุญาตเฉพาะรถขนส่งสินค้าเพื่อการอุปโภค บริโภค แก้สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องมือทางการแพทย์ ยานพาหนะกู้ชีพ กู้ภัย รถพยาบาล รถฉุกเฉินทางการแพทย์ รถทางราชการต่าง ๆ เป็นต้น สำหรับ พนักงานที่ต้องการเข้าทำงานในพื้นที่จะให้เข้าได้ถึงวันที่ 6 เมษายนนี้ ก่อนเวลา 24.00 น. แล้วให้พักที่ทำงานเท่านั้น ไม่ให้กลับออกไปนอกพื้นที่ป่าตองอีก จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เนื่องจากงานของผู้เขียน อยู่ในส่วนของช่าง ที่ต้องมา Stand by ที่ทำงาน เผื่อมีอุปกรณ์สำคัญเสียหาย กับช่วงเวลาที่กะทันหันที่ได้ทราบข่าว ผู้เขียนรีบเก็บเสื้อผ้าจัดใส่กระเป๋าใบโต เตรียมออกเดินทางขึ้นป่าตองในทันที ภาพโดย : ผู้เขียน เพราะกลัวว่า จะมีการตรวจสอบและไม่ให้ผ่าน เลยต้องรีบออกก่อนเที่ยง มารู้อีกที 4 ทุ่ม คืนนี้ ถึงห้ามเข้าออก แต่ก็ไม่เป็นไร เตรียมตัวก่อนดีที่สุดในสถาณการณ์เช่นนี้ ไม่มีอะไรแน่นอนในการประกาศคำสั่งต่าง ๆ ต้องคอยติดตามผ่านช่องทางต่าง ๆ อยู่เป็นระยะ ๆ เพราะมีบางส่วนที่เป็นข่าวปล่อย ข่าวปลอม เยอะมาก ภาพโดย : ผู้เขียน ตลอดเส้นทาง ผู้เขียนได้พบกับป้ายขายกับข้าวราคาถูก และกับข้าวแจกฟรี ซึ่งน่าดีใจที่ช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ยังมีน้ำใจต่อกัน เป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างมาก ข้าวมันไก่ 19 บาท ผู้เขียนได้ใช้บริการแล้ว ก็ได้ปริมาณน้อยลงแต่ก็อร่อยเหมือนเดิม ยังมีอีกหลายที่ที่ขายราคาถูกและแจกข้าวของกินต่าง ๆ ภาพโดย : ผู้เขียน เส้นทางก่อนขึ้นเขาป่าตอง จะเห็นว่า มีการติดป้ายเตือนใส่หน้ากากอนามัยติดไว้เป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทางและท้องถนนเวลานี้ โล่ง เชียว เพราะทุกคนอยู่บ้านกันหมด พนักงานที่ทำงานในโรงแรมต่าง ๆ ก็ต้องปิดรับลูกค้าชั่วคราวไปตามคำสั่งของทางราชการไปก่อนเพื่อจำกัดการระบาดของโรคที่จะมาติดพนักงาน ติดลูกค้าด้วย ต้องช่วยกันในยามนี้ ทุกภาคส่วน จะได้หมดโรคภัยร้ายนี้ไว ๆ ภาพโดย : ผู้เขียน เมื่อผู้เขียนถึงที่ทำงาน ก็ต้องทำการเข้าพักที่ทำงานเลย เพราะกลับลงไปไม่ได้แล้ว ที่ทำงานได้จัดสรรห้องพัก 1 ห้อง ไว้ให้ อีกหลายวัน อาจจะเป็นเดือนที่ต้องนอนพักที่ทำงาน หรือจนกว่าสถาณการณ์จะทุเลาลง จนทางราชการได้อนุญาตให้เข้า-ออกได้ตามปกติ ทุกคนทุกภาคส่วนก็คงต้องอดทนกันหน่อย เพราะหากควบคุมการระบาดไม่ได้ก็จะมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน ผู้เขียนเห็นด้วยนะในการ Lock Down Patong ในครั้งนี้ เพราะป่าตอง เป็นพื้นที่ที่เสี่ยงที่สุดและจากยอดผู้ติดเชื้อส่วนมากติดจากคนที่เคยไปเที่ยวซอยบางลากัน ภาพโดย : ผู้เขียน สำหรับอาหารการกินของผู้เขียนในยามนี้ก็ต้องพึ่งกับข้าวของที่ทำงานที่จัดไว้ให้ฟรี ก็พออิ่ม ผู้เขียนเป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย แค่นี้สบาย ๆ หายห่วง ยังมีคนอีกมากมายที่เขาลำบากกว่าเรา ที่เขาตกงาน ที่เขาไม่มีรายได้ ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน ข้าวจะมาเลี้ยงครอบครัว ได้แต่ภาวนาให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปโดยเร็วเสียที ป่าตองจะได้กลับมาคึกคักกันอีกครั้ง ภาพโดย : ผู้เขียน คืนแรก หลับไม่ลง ผู้เขียนเป็นคนที่หากนอนต่างที่ต่างถิ่นแล้วจะหลับยากมาก ทำไงได้ละ ใช้เวลาว่างให้มีค่าดีกว่า หยิบโน้ตบุ๊กมาเขียนบทความเสียเลย ได้สักบทความก็ยังดีคืนนี้ บก. จะได้มีบทความตรวจกันเร็ว ๆ แต่ก่อนเข้าใจ บก. ช่วงนี้ บทความของผู้เขียนน่าจะเข้ามาเยอะ ก็ให้กำลังใจครับ ยามที่เราลำบากกันแบบนี้ 100 บาท ก็มีค่ามหาศาลเลยนะครับ ภาพโดย : ผู้เขียน เสร็จจากเขียนบทความนี้ ผู้เขียนก็จะเข้านอนแล้วครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นทำงานแต่เช้า แม้จะนอนพักที่ทำงานแต่กว่าจะหลับลง ไม่งั้นเดี๋ยวตื่นสายเป็นแน่ อย่างน้อยคืนนี้ก็ได้ 1 บทความแล้วหล่ะ ตามที่ตั้งใจไว้ แล้วจะได้นอนหลับอย่างสบายใจ ภาพโดย : ผู้เขียน ก่อนจากกัน ผู้เขียนอยากฝากภาพของซอยบางลา พื้นที่ใกล้เคียงยามค่ำคืนมาฝาก จากภาพที่ผู้เขียนถ่ายไว้เมื่อวันก่อนตอนกลับจากที่ทำงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดพื้นที่โดยเด็ดขาด ห้ามเข้าออก แต่ ณ เวลานี้วันนี้ พื้นที่ทั่วป่าตอง ได้มีการตั้งต่านคัดกรองและห้ามบุคคลเข้า-ออก ทั้งสามจุด ไม่ว่าจะเป็น ฝั่งทางขึ้นเขาที่มาจากฝั่งกะทู้-ป่าตอง ฝั่งกมลา-ป่าตอง และ ฝั่งกะรน-ป่าตอง ตอนนี้ปิดอย่างเด็ดขาดแล้วนะครับ โซนกะรน และราไวย์ก็ปิดพื้นที่เช่นเดียวกัน จะรอดูว่ามาตรการนี้ จะมียอดผู้ติดเชื้อลดลงไหม และ ขอให้กำลังใจทุกคนทุกฝ่าย ต่อสู้และอดทน โดยที่เราเริ่มที่ตัวเราเอง ป้องกันตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก และรับผิดชอบต่อสังคมโดยที่เราควรอยู่ในพื้นที่ "กินร้อน ช้อนใครช้อนมัน ล้างมือ & สวมใส่หน้ากากอนามัย" ทุกครั้งที่ออกนอกบ้านและเว้นระยะห่างระหว่างกันมากกว่า 1 เมตร ให้เป็นปกติวิสัย หากทำได้เช่นนี้แล้ว เราก็จะผ่านพ้นวิกฤติโรคร้ายแบบนี้ได้ บทความนี้ ผู้เขียนฝากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีที่สุด เพราะหากเรารับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน ก็ทำให้โรคร้ายนี้ หมดไปในเร็ววันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ซึ่งอาจจะใช้เวลากันหลายเดือนสักหน่อย ความอดทนเท่านั้น ที่เราต้องฟันฝ่าไปให้จงได้ เราต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ผู้เขียนฝากบทความอื่น ๆ ด้วยนะครับ