"มนุษย์เงินเดือน คุณพร้อมหรือยังกับการลาออก" สวัสดี...มนุษย์เงินเดือนทุกท่าน แม่พันวา อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรง ที่มันอึดอัดอยู่ในใจให้ฟังกัน แต่ก่อนแม่พันวา ก็เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนนึง หน้าที่การงานก็ก้าวหน้าตามลำดับ แต่อาจจะช้าเกินไปไม่ทันใจ และเป็นเพราะมีคำถามกับตัวเองตลอดเวลา ว่าเรามาทำอะไรที่นี่วะ (หาตัวตนไม่เจอ) จนวันหนึ่งก็ได้ตัดสินใจลาออก เหตุผลที่ลาออก คือ 1. สามีบอกว่าจะดูแลเอง (ชีวิตดี๊ดี) ปัจจุบันแก่ และโสด โถชีวิต 2. ได้เริ่มทำงานที่รู้สึกว่าตัวเองชอบจริง ๆ (เป็นไกด์ฟรีแลนซ์) 3. มีเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ตลอดเวลา ตอนแรก ๆ ก็มีความสุขสนุกดี แต่รายได้น้อยมาก ๆ เพราะการเป็นไกด์เราต้องอาศัย Connection และเราต้องแสดงถึงศักยภาพ ว่าเราทำงานได้ มีความรับผิดชอบในงาน วัดผลง่าย ๆ จากความพอใจของลูกค้าและเพื่อนร่วมงานค่ะ (หากมี fan page) มากขึ้น อาจมาแชร์งานไกด์ให้ฟังอีกทีค่ะ ที่สำคัญไม่มีสวัสดิการใด ๆ ทั้งสิ้นของสายฟรีแลนซ์ เราต้องซื้อประกันเอง จ่ายประกันสังคมต่อไว้เอง ปัจจุบัน พอ Covid-19 มากระทบพวกเรามาก ๆ เงินเก็บที่เรามีถูกใช้จนหมด ผู้เขียนโชคดีที่ก่อน Covid-19 ได้งานประจำ ทางบริษัทก็ช่วยยื้อมาจนสุดความสามารถ เราทำงานที่ภูเก็ต ผลกระทบสะเทือนกันทั้งเกาะ หลัก ๆ ให้มองภาพตามว่าภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว คนที่อาศัยอยู่ที่ภูเก็ตเกือบ 80-90% เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว ยกตัวอย่างเบื้องต้น นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น 1. โรงแรม / พนักงานทุกแผนก 2. บริษัททัวร์ / ไกด์ พนักงานออฟฟิส คนขับรถ 3. บริษัทสายการบิน / พนักงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งภาคพื้น และทำงานบนเครื่อง 4. บริษัทเดินเรือ / บริษัทรถบัส / รถตู้ 5. ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร สปา ร้านนวด ผับ บาร์ ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ คุณลองคิดเล่น ๆ ว่าแค่ธุรกิจเดียว เช่น ธุรกิจโรงแรมในภูเก็ตมีโรงแรมกี่พันแห่ง มีพนักงานทำงานกี่คน และทุกคนต้องซื้อของกินของใช้ ในเกาะโรงแรมต้องสั่งวัตถุดิบขนาดไหนทั้งจากชุมชน และห้างสรรพสินค้า ยอดใช้จ่ายมากขนาดไหนในแต่ละวันที่หมุนเวียน คำนวณจากนักท่องเที่ยว 1 คน เขาต้องใช้บริการอะไรบ้าง เครื่องบิน สนามบิน รถ โรงแรม ที่เที่ยว อาหาร พนักงานต่าง ฯลฯ ช่วง Covid-19 ระบาดแรก ๆ ที่จีน ปลายปี 2019 (2562) กลุ่มทำทัวร์จีนจะได้รับผลกระทบหนักสุด ทัวร์ไม่มา คนตกงาน โรงแรมที่รับลูกค้าคนจีนต้องเริ่มปรับตัว พอถึงมีนาคม 2020 (2563) ทุกทัวร์ยกเลิก เพราะเราปิดประเทศ แรก ๆ ก็พออยู่ได้ด้วยความหวัง ทุกบริษัท ทุกโรงแรม ช่วยพนักงานเท่าที่สามารถทำได้ เริ่มลดเงินเดือน ตั้งแต่ 50% จนกระทั่งเลิกจ้าง หลายๆ ที่ไม่สามารถจ่ายชดเชยตามกฏหมายแรงงานได้ เพราะบริษัทไม่มีรายได้เข้ามา เงินที่สำรองไว้ ก็ช่วยพนักงานมาหลายเดือนพอสมควรแล้ว เพื่อนที่เป็นฟรีแลนซ์ รายได้เป็น 0 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา เราทำงานกับลูกค้าฝั่งยุโรป เห็นชัดมาก มีนาคม 2563 เราปิดประเทศ ลูกค้ายกเลิกทัวร์ทั้งหมด ภูเก็ต Locked down ตำบลเราอยู่กันแบบจำกัดในพื้นที่ Rider ทั้งหลายคนสั่งน้อยลง และต้องอาศัยฝากงานกันข้ามตำบล หรือนัดลูกค้ามารับตรงด่านกั้นระหว่างตำบลก็มี ความเป็นอยู่ของคนเคยทำงานท่องเที่ยว พอหลายเดือนผ่านไป เริ่มไม่มีวี่แววการกลับมาของการท่องเที่ยว คนที่มาจากต่างจังหวัด อาจเป็นจังหวัดใกล้ ๆ ในภาคใต้ หรืออย่างเรายื้อจนที่สุด ตัดสินใจย้ายออกมาเมื่อ กันยายน 2563 ทุกวัน ๆ จะมีรถกระบะขนข้าวของออกจากภูเก็ต ก่อนย้ายก็พยายามประกาศขายของใช้ในบ้าน เพื่อเป็นภาระขนย้ายให้น้อยที่สุด และเป็นรายได้บางส่วนจุนเจือ ค่ากินอยู่ และค่าขนย้ายเดินทาง บางครอบครัวมาทำงานที่ภูเก็ตนานกว่า 30 ปี เป็นภาพที่เห็นแล้วแอบสะท้อนใจอยู่ไม่น้อย เพื่อนร่วมอาชีพ...เริ่มขายทอง ประกาศขายรถ โรงรับจำนำไม่ต้องพูดถึง ใช้บริการบ่อยเจ้าหน้าที่น่าจะจำหน้าได้แล้ว ลองคิดตามคะ 1 ครอบครัว มีพ่อแม่ลูก 2 คน 1 วันคุณต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง ลูกคุณเปิดเทอมต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง คนที่ทำงานท่องเที่ยว ที่เรารู้จักไม่เคยงอมืองอเท้า เราปรับตัวกันทุกอย่าง อย่างผู้เขียน เป็นไรเดอร์ ได้วันละไม่ถึงร้อยก็ลองปลูกผักส่งโรงงาน (ผลผลิตไม่งาม) พยายามหาสินค้ามาขายออนไลน์ และเพื่อนวงการไกด์ มีกลุ่มช่วยกันไปเปิดร้านขายของกินกัน (ได้รับการช่วยเหลือให้ใช้พื้นที่ของห้างดัง ต้องขอบคุณแทนอาชีพเรามาก ๆ) เป็นเซลส์ขายรถ เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารที่กรุงเทพฯ เปิดร้านโรตี เปิดร้านติ่มซำ ช่วยที่บ้านทำงาน ทำสวน ทำไร่ ขายน้ำส้ม ขายประกัน เราดีใจกับเพื่อน ๆ ที่สามารถหารายได้ดูแลตัวเองได้ในช่วงนี้ (วันย้ายบ้าน "พันวา" บอกแม่อย่าทิ้งหนูนะ ก่อนจะกระโดดขึ้นฝั่งคนขับ แล้วเราก็ต้องลากเขาไปนั่งหลัง มีพื้นที่พอดีตัว) พอโควิด เริ่มจะดีขึ้น ก็กลับมาอีก เราไม่โทษหรอกว่าจากใครอะไรอย่างไร แต่แค่ ทุกคนควรมีความรับผิดชอบทั้งกับตัวเองและสังคม ลดความเห็นแก่ตัว ความสุขส่วนตัวบ้าง ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก สงสารทุกคนที่ร่วมกันป้องกัน “หาเช้ากินเช้า หาเที่ยงกินเที่ยง” (คำพูดท่าน ว.วชิรเมธี) กันบ้างค่ะ มาถึงตรงนี้แล้ว พอจะนึกออกใช่ไหมคะ ว่าตอนนี้ ใครที่กำลังคิดว่าตัวเอง ลำบาก ทำงานหนัก ในแต่ละวัน บ่นเพื่อนร่วมงาน บ่นหัวหน้า บ่นเงินเดือน บ่นรัฐบาล ลองมองรอบ ๆ ตัวคุณ มองออกไปนอกห้องที่คุณทำงาน มองคนที่ยังต้องโหนรถเมล์ คนที่ต้องทำนาปลูกข้าว ทำไร่ทำสวน แล้วกลับมานั่งดูตัวเองกันค่ะ ขอให้อดทน ว่าเราดีกว่าเขาแค่ไหน ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อตนเอง เพื่อองค์กร เพื่อสังคม โลกจะน่าอยู่มากขึ้น คุณวางแผนวันนี้ยังทัน สำหรับเรื่องชีวิตและการเงิน เพราะคราวหน้าอาจจะหนักกว่าโควิด-19 เป็นกำลังใจให้ทุกคนและตัวเองให้ผ่านไปได้ “อย่าอ้อนวอนให้ใครช่วยเหลือคุณ ถ้าคุณยังไม่คิดที่จะช่วยเหลือตัวเอง” แม่พันวา (Sunny Kwan) ทำอย่างไร กับรักที่จากไป ไปดู...บรูด้า!!! แหลมกระทิง มีกระทิงไหม?